ปรากฏการณ์ "พรรคอนาคตใหม่" ถูกจุดขึ้นในแวดวงการเมืองไทย หลังพวกเขาผงาดเป็นพรรคอันดับ 3 ที่ได้คะแนนมากที่สุด ตบหน้าขาประจำคนเดิมอย่าง "พรรคประชาธิปัตย์" จนหน้าชา ด้วยคะแนนกว่า 6.2 ล้านเสียงที่พวกเขาได้ทั่วประเทศ ส่งผลให้ "ธนาธรแอนด์เดอะแก๊ง" มีจำนวน ส.ส.ทั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 30 เขต และบัญชีรายชื่อไม่ต่ำกว่า 50 คนแน่ๆ ที่จะได้เข้าไปโชว์ตัวในรัฐสภา รวมแล้วไม่น้อยกว่า 80 คน
นี่คือคลื่นลูกใหม่ทางการเมือง เพราะพวกเขาทุกคนล้วนเป็นหน้าใหม่ ไม่มีประสบการณ์ในเวทีการเมืองระดับชาติ
ซึ่งแน่นอนถนนการเมืองเส้นนี้ไม่ธรรมดา และไม่ได้ง่ายสำหรับว่าที่ ส.ส.ฟันน้ำนม ท่ามกลางเขี้ยวเล็บของนักการเมือง และความสลับซับซ้อนของปมปัญหาการเมืองในประเทศ
ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า ก่อนที่บรรดาว่าที่ ส.ส.ผู้ทรงเกียรติเหล่านี้จะได้เข้าไปในสภา อาจจะมีกระบวนการ "ล็อบบี้" เพื่อ "ขอเสียง" จากฝ่ายตรงข้ามให้สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมถึงการยกมือโหวตร่างกฎหมายสำคัญ ทั้ง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี, กฎหมายการเงิน, กระทู้ถามสด เมื่อประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แล้ว
ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นแล้วว่า เสียงเพียง 251 เสียงที่ฝ่ายรัฐบาลรวมได้ อย่างไรเสียก็ไม่น่าจะทำให้ "พ้นขีดอันตราย" เมื่อถึงเวลาออกกฎหมายสำคัญ ที่ดูแล้วน่าจะวุ่นวายยิ่งกว่าช่วงเลือกนายกฯ หลายเท่าตัว โดยตัวเลขที่หลายฝ่ายประเมินว่า "อยู่ในระยะปลอดภัย" ต้องมีเสียง ส.ส.ในสภาอย่างน้อย 270 เสียงถึงจะสามารถหายใจได้ทั่วท้อง
กระแสข่าวการใช้ "เงิน" ง้าง "อุมดมการณ์" จึงมีออกมาตั้งแต่หมึกในบัตรเลือกตั้งยังไม่แห้ง บ้างบอกว่ามีการพยายามซื้อตัว ส.ส.โดยใช้งบประมาณ 10 ล้านบาทขึ้นไป แต่ก็ดูเหมือนจะน้อยเกินไปและไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย บ้างก็บอกว่าอยู่ที่ประมาณ 30 ล้านบาทหากตัดสินใจตั้งแต่ตอนนี้ ซึ่งก็ไม่คุ้มค่าอยู่ดีหากเป็นเงินจำนวนนี้จริง สู้ไปขยับเรตอีกครั้งในช่วงก่อนเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรก็ยังไม่สาย และน่าจะอัพค่าตัวได้อีกโข
กอปรกับกระแสข่าวจากหลายฝ่าย ทั้งฟากพรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่ ที่ว่าตอนนี้เริ่มมีขบวนการใต้ดินเคลื่อนไหวเพื่อพยายามซื้อตัว ส.ส.จริง แต่ต่างฝ่ายต่างก็เชื่อมั่นว่าสมาชิกในพรรคของพวกเขา "หนักแน่นพอ" ที่จะไม่เกิดเหตุการณ์ #ย้ายค่ายเบอร์เดิม ตามที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เกริ่นไว้อย่างแน่นอน
การแสดงออกอย่างแข็งขัน ทั้งการร่วมลงนามในสัตยาบันของพรรคการเมืองที่เรียกตัวเองว่าเป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย" ทั้ง 6 พรรค โดยประกาศ 5 ข้อประกอบด้วย 1.ยุติการสืบทอดอำนาจ 2.ลบล้างผลพวงของรัฐประหาร 3.ปฏิรูปกองทัพ 4.ยึดอุดมการณ์ของพรรค และ 5.เดินหน้าทวงคืนอำนาจให้ประชาชน ของว่าที่ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ทั้งหมด ที่ จ.ชลบุรี ระหว่างวันที่ 30-31 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อตอกย้ำความเหนียวแน่น และตามด้วยการล้อมคอกของนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค ที่บอกว่า
"สัตยาบันนี้ไม่ได้มีผลทางกฎหมาย แต่เป็นสัญลักษณ์ของการทำงานการเมืองแบบใหม่ ส.ส.จะต้องยึดอุดมการณ์ของพรรค ดำเนินการตามนโยบายของพรรค เชื่อว่าว่าที่ ส.ส.อนาคตใหม่ที่เข้ามานั้นร้อยรัดกันด้วยอุดมการณ์และความหวัง จะไม่ทรยศต่อพี่น้องประชาชน หากมีใครคนใด กลุ่มการเมือง หรือพรรคการเมืองใด ที่พยายามจะติดต่อเทียบเชิญว่าที่ ส.ส. โดยหยิบยื่นผลประโยชน์จูงใจเพื่อจะให้งูเห่าเกิดขึ้น ว่าที่ ส.ส.ของเราจะไม่มีทางยอม และจะบันทึกคนที่มาติดต่อไว้เป็นหลักฐาน พร้อมพิจารณาว่าเข้าข่ายทำผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ม.46 ที่กำหนดว่าคนเสนอให้ หรือเรียกรับ มีโทษจำคุก 10-20 ปี และเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งหรือไม่ต่อไป"
เพียงแค่เกริ่นก็ทำเอาหนาวๆ ร้อนๆ กันแล้ว ในข้อสังเกตที่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของ "อุดมการณ์" อีกตามเคย โดยไม่ได้เป็นการ "บังคับ" แม้จะดูหนักแน่นในการหยิบยกข้อกฎหมายมาอ้างในตอนท้าย แต่สุดท้ายก็ไม่มีการการันตีอยู่ดีว่าจะไม่มีพลพรรคส้มหวานสักคน หรือมากกว่าหนึ่ง จะไม่กล้าทรยศต่ออุดมการณ์อันแรงกล้า
กระทั่งหัวหน้าพรรคเองยังออกมาให้สัมภาษณ์ ยอมรับว่าในตลาดการเมืองสมาชิกอนาคตใหม่มีราคาค่างวด ค่าตัวสูงลิ่ว
จนล่าสุดว่าที่ ส.ส.ใหม่ได้เข้าร่วมเวิร์กช็อปในหัวข้อ "ต้องการทำอะไรเมื่อได้เป็น ส.ส." ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ปฏิบัติการฉีดเซรุ่มป้องกันงูเห่าของพรรค พร้อมเข็นอีเวนต์พันธสัญญาไม่มีวันทรยศพี่น้องประชาชน ร่วมกันลงสัตยาบัน
โดยนายปิยบุตร เลขาฯ อนค.ระบุว่า "กรณีเรื่องของงูเห่า เรายืนยันว่าไม่มีงูเห่าสีส้มอย่างแน่นอน เพราะพรรคอนาคตใหม่เรารวมกันด้วยอุดมการณ์ ด้วยความเชื่อมั่นแบบเดียวกัน และผมเองเชื่อมั่นว่า ว่าที่ ส.ส.ของพรรคทั้งหมดนั้นตระหนักร่วมกันดีถึงการที่เรามีผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทั่วประเทศ ช่วยเหลือและทำงานมาด้วยกันอย่างหนัก และเพื่อให้นี่เป็นมิติใหม่ทางการเมือง ผมขอเชิญทุกท่านลงชื่อในคำประกาศสัตยาบัน ซึ่งแม้ไม่มีผลบังคับทางกฎหมาย แต่จะเป็นหมุดหมายใหม่ว่า เราเริ่มต้นทำงานการเมืองด้วยอุดมการณ์ ด้วยความหวัง และเราจะไม่ทรยศพี่น้องประชาชนที่ให้ความไว้วางใจเรา"
แน่นอนว่าก่อนดีเดย์เดือนพฤษภาคม ตลาดซื้อขายนักการเมืองคงไม่จบกันง่ายๆ และคำกล่าวที่ว่าในการเมืองนั้นไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร ก็ยังไม่สิ้นมนต์ขลัง
อะไรที่ว่าแน่ๆ มันก็ไม่แน่มาแล้วหลายครั้ง เพราะนี่คือการเมือง จุดชี้ขาดอยู่ที่การต่อรองผลประโยชน์ลงตัว ซึ่งเราต้องจับตาดูกันต่อไป โดยเฉพาะว่าที่ ส.ส.แบ่งเขตเลือกตั้ง ที่เป็นหน้าใหม่ทางการเมือง และหลายคนก็ไม่ได้มีความพร้อมไปเสียทุกด้าน
ดูแล้วก็ยังพอมีเวลาก่อนไฟนอลที่ กกต.จะประกาศรับรองผลคะแนนเลือกตั้ง 100% ในวันที่ 9 พ.ค.
ช่วงเวลาใกล้ๆ นั่นแหละที่งูเห่าจะเริ่มลอกคราบ แล้วจะได้รู้กันว่า “อุดมการณ์” จะสู้ “อุดมกิน” ได้หรือไม่ ใครบ้างจะถูกง้างด้วยเงิน จะสร้างบทพิสูจน์ จารึกไว้ให้พรรคการเมืองคลื่นลูกใหม่ คนรุ่นใหม่ได้สำเร็จหรือไม่?
หรือท้ายที่สุดก็หนีไม่พ้น ถูกจารึกเป็นปรากฏการณ์ "งูเห่าสีส้ม" ไว้อีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของพรรค!
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |