แด่อาจารย์ในดง 'ฟ้ารักพ่อ'


เพิ่มเพื่อน    

    จาก "เราอยากเลือกตั้ง"
    เมื่อเลือกตั้งแล้ว .........
    พรรคของทักษิณ ถึงชนะ แต่ชนะไม่ขาด ไม่เป็นอย่างที่เจ้าตัวประกาศในงานแต่งลูกสาวที่ฮ่องกง ว่า "เราชนะแน่นอน"
    โอกาสกลับเข้าครองอำนาจประเทศ "แทบไม่มี"
    ยิ่งสมุนตัวนำ อย่าง สุดารัตน์, ภูมิธรรม, ชัชชาติ, ชัยเกษม กระทั่งหัวหน้าพรรค "พล.ต.ท.วิโรจน์  เปาอินทร์"
    "ตายเรียบ"
    ไม่ได้กลับ "เข้าสภา" เลยซักคน!
    บวกกับตัวทักษิณเอง นอกจากถูกถอดยศ ริบจักรดาว ปลดพ้นจากศิษย์เก่าดีเด่น รร.เตรียมทหาร แล้ว 
    ยังมีพระราชโองการ เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้งหมด
    เนื่องจากทักษิณ........
    ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาถึงที่สุด "ลงโทษจำคุก" 
    และยังมีข้อหาฐานอื่นๆ อีกหลายคดี
    ทั้งได้หลบหนีออกนอกราชอาณาจักร ซึ่งเป็นพฤติการณ์การกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
    เมื่อทุกอย่างพังหมด ทักษิณก็โพสต์คลิปผ่านเฟซ
    "เราทุกคนต้องอย่ายอมแพ้"!
    ก็จะเห็นว่า....
    จากอยากเลือกตั้ง เมื่อเลือกแล้ว โอกาสได้คืนอำนาจแทบไม่มี
    ก็ส่งสัญญาณ "อย่ายอมแพ้"
    จากกวนเมือง "อยากเลือกตั้ง" วันก่อน ในวันนี้ การกวนเมืองจึงปรากฏในรูป
    "อยากล้มเลือกตั้ง"!
    แล้วใคร-กลุ่มไหน เป็นตัวนำกระแส "ปลด กกต.-ล้มเลือกตั้ง"?
    "กลุ่มเดิม-หน้าเดิม" อาศัยคราบ "นิสิต-นักศึกษา" ซุกสถาบัน เครือข่ายสื่อ, เอ็นจีโอ 
    นักข่าวฝรั่งสายองค์การ "อำนาจเดียวครองโลก" ที่เข้ามาฝังตัว และอาจารย์มหาวิทยาลัย สาย "ชังชาติ-ชื่นชมทักษิณ"
    ประเด็นที่อยากให้พิจารณาอยู่ตรงว่า.........
    การอ้างเลือกตั้งสกปรก กกต.ส่อไม่สุจริต เอื้อการสืบต่ออำนาจ คสช.แล้วยื่นเงื่อนไข "ปลด กกต.-ล้มเลือกตั้ง" นั้น
    "นิสิต-นักศึกษา" ใช้ปัญญาบัณฑิตใคร่ครวญเอง บนฐานเหตุผล
    หรือ "คิดตาม-พูดตาม-ทำตาม" กลุ่มอาจารย์สาย "ล้มชาติ-ชื่นชมทักษิณ"?
    โกงจำนำข้าว ๖-๗ แสนล้าน ชัดๆ คนไทยต้องใช้หนี้แทน ๑๖ ปี
    "นิสิต-นักศึกษา" เงียบ ทนได้ ไม่รับรู้ถึงการโกงของเพื่อไทย
    แต่ กกต.บกพร่อง-ผิดพลาด ในขั้นตอนนับรวมคะแนน 
    นิสิต-นักศึกษา ฮือทั้งประเทศ ว่าโกง ทนไม่ได้ ล่าชื่อถอดและให้ล้มเลือกตั้ง!?
    พูดกันตรงๆ ภาพรวม "นิสิต-นักศึกษา" ถูกใช้เป็น "เบี้ยหน้ากระดาน" ให้อาจารย์เดินเกม
    ก็เห็นกันอยู่มิใช่หรือ อาจารย์คนไหน สถาบันไหนบ้าง ในกรุง-ต่างจังหวัด ที่เชื่อมโครงข่ายใช้นามนิสิต-นักศึกษา พรางตาสังคม?
    ดีแต่หลอกใช้เด็ก ตัวเอง "หดหัว" ในกระดองอาจารย์
    มันน่าเศร้า ส่งลูก-หลานไปเรียน เพื่อสร้างชาติ สร้างอนาคต
    กลับถูกพวกอาจารย์สาย "ชังชาติ-ชื่นชมทักษิณ" อ้างใช้ ตามใบสั่งโจร
    ครู-อาจารย์เดี๋ยวนี้ ที่เป็น "ปูชนียาจารย์" บ่มเพาะศิษย์ ให้เกิด "ปัญญาบัณฑิต" จริงๆ มีบ้างมั้ย?
    คำตอบ คือ มี และมีมากด้วย 
    Tan Thanyaporn Chankrajang ท่านโพสต์เฟซ มีผู้นำเผยแพร่ ผมได้อ่าน ปีติ ประทับใจมาก
    ในกระแส "ฟ้ารักพ่อ" จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ คลั่งไคล้
    ไปสู่คำถามว่า "คนรุ่นใหม่" จะเลือกพรรคไหน ด้วยเหตุผลตามแนวคิดอย่างไร?    
    Tan Thanyaporn Chankrajang แลกเปลี่ยนสนทนากับนักศึกษาในห้องเรียน ชนิดที่ต้องบอกว่า
    นี่แหละ "ปูชนียาจารย์" แท้จริง 
    บ่มเพาะศิษย์ให้เกิด "ปัญญาบัณฑิต" สมคำเรียกเบื้องต้นว่า "นิสิต-นักศึกษา"
    ท่านโพสต์ไว้ ๒ ตอน ทำไมต้องเลือกอนาคตใหม่ และทำไมต้องเลือกพลังประชารัฐ มีคำตอบชัดเจน
    ทุกบรรทัดเหมือนทองคำ ใครไม่ได้อ่านจะเสียใจ ผมจึงขออนุญาต Tan Thanyaporn Chankrajang ถ่ายทอดเป็นวิทยาทานต่อ ทั้ง ๒ ตอน
    อาจใช้พื้นที่ต่อเนื่อง ๓-๔ วัน จงอ่านกันเถอะ อ่านเพื่ออนาคตประเทศและโลกทัศน์ตัวเอง
    Tan Thanyaporn Chankrajang 
    22 มีนาคม เวลา 19:10 น.
    เลือกตั้ง 2562: 
    เมื่ออาจารย์เศรษฐศาสตร์ที่ใครๆ ก็คิดว่าแสนจะอนุรักษนิยม คุยกับนิสิตรัฐศาสตร์ ที่ใครๆ ก็บอกว่าลิเบอรัลตัวพ่อตัวแม่ (ตอนที่ 1:)
    เพื่อนๆ คงได้เห็นผลโพลเรื่องนิสิตจุฬาฯ จะเลือกพรรคไหนกันมาแล้ว เราไม่แปลกใจผลโพลมากนัก 
    แต่ถ้าถามว่า เข้าใจไหมว่าทำไมนิสิตถึงเลือกแบบนั้น เด็กๆ มีกระบวนการคิดอย่างไร 
    ส่วนตัวยอมรับว่าไม่เข้าใจ แต่ก็อยากที่จะเข้าใจ และเป็นความโชคดี ที่ได้มีโอกาสสอนวิชาเศรษฐศาสตร์มหภาคเบื้องต้นให้กับนิสิตรัฐศาสตร์ร้อยกว่าชีวิต วันอังคารที่ผ่านมา 
    จึงตัดสินใจพูดคุยเรื่องการเมืองกับเด็กๆ โดยผ่านเนื้อหาวิชาที่สอน
    ทำไมถึงตัดสินใจคุยกับเด็กๆ ทั้งๆ ที่มีคนบอกว่า "ถ้าไม่อยากเสียเพื่อน อย่าได้คุยเรื่องการเมือง"?
    เหตุผลคือเราเห็นนิสิตเป็นเพื่อน และเป็นเพื่อนที่น่ารัก เกินกว่าที่เราจะยอมปล่อยให้มีช่องว่างความแตกต่างระหว่างกันไว้ แล้วถมลงไปด้วย วัย อุดมคติ หรือ อคติทางการเมืองที่ต่างกัน 
    เราไม่เคยคิดว่าอุดมคติทางการเมืองเป็นยอดของอุดมคติ
    ในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ ไม่มีอุดมคติใด จะสูงส่งไปกว่าความปรารถนาและการลงมือทำให้เพื่อนมนุษย์อยู่ดีกินดีและผาสุก     
    ในฐานะของครู เรายอมไม่ได้ที่จะให้อุดมคติและอคติทางการเมืองมาเป็นกรอบจำกัดในการใช้ความสามารถที่มีของเด็กๆ ในการใช้เหตุผล ตรรกะ และข้อมูลในการวิเคราะห์สิ่งต่างๆ
    เมื่อเฉลยการบ้านและทำควิซประจำสัปดาห์เสร็จ จึงชวนเด็กๆ มาคุยเรื่องประเด็นทางเศรษฐกิจที่ถูกหยิบยกมาถกกันในการเลือกตั้งครั้งนี้ 
    แต่คราวนี้ ขอแถมเรื่องการเมืองเข้าไปด้วยได้หรือเปล่า ซึ่งแน่นอน เด็กๆ กระตือรืนร้นกันมากสมเป็นนิสิตรัฐศาสตร์ บ้างก็ว่า เราคุยกันเรื่องนี้ทั้งคาบเลยได้ไหม...ฮ่าๆ ช่างน่าเอ็นดู 
    เมื่อถามถึงผลโพล ก็ยิ่งมีเสียงฮือฮา ยิ่งบอกว่ามีผู้ใหญ่ฝากถามมาด้วย เสียงฮือฮาก็เพิ่มขึ้นอีก 
    นิสิตคนหนึ่งที่ชอบถามและตอบคำถาม ก็ถามขึ้นมาพร้อมกับสีหน้าน้อยใจว่า 
    "อาจารย์ไปอ่านที่เค้าว่าพวกผมมาใช่ไหมครับ" 
    เราอดยิ้มอย่างเอ็นดูไม่ได้ พร้อมกับตอบนิสิตว่า 
    "อาจารย์ไม่ได้อ่าน ที่อาจารย์ถามเพราะอยากที่จะเข้าใจพวกเราจริงๆ"
    แต่คนเราคงจะเข้าใจกันได้ยากหากไม่เปิดใจให้แก่กัน จึงลองให้เด็กๆ ทายกลับบ้างว่าเราเลือกพรรคอะไร 
    เด็กๆ ทายกันอย่างสนุกสนาน บรรยากาศครื้นเครง แต่ที่ทายมานั้น ไม่ถูกเลย จึงเฉลยว่า 
    "พลังประชารัฐค่ะ"  
    ปฏิกิริยาของเด็กๆ ทำให้เราอดหัวเราะออกมาไม่ได้จริงๆ เด็กๆ พิโอดพิครวญกันเสียยกใหญ่ (แบบน่ารักและใสๆ มาก) เอ็นดูในความจริงใจ 
    เสียงเซ็งแซ่คร่ำครวญถามย้ำๆ กันว่า "ไม่จริงใช่ไหมคะอาจารย์"  
    "อาจารย์ล้อเล่นแน่ๆ"  
    "ไม่ๆๆ" 
    "อาจารย์ทำอย่างนี้ได้ยังไง" 
    และที่พีคมากก็คือ นิสิตคนหนึ่ง ถึงกับชี้นิ้วไปที่ประตู แล้วตะโกนซ้ำๆ ว่า 
    "อาจารย์ออกจากห้องไปเลยค่ะ ออกไปเลยนะคะ" แล้วก็ทำท่าแสนงอน
    ถึงแม้คำพูดเหล่านี้จะออกจากปากของเด็กๆ เด็กๆ ก็ยังคงยิ้มและหัวเราะกันกับเรา 
    ในแววตาไม่มีความโกรธเคืองกันสักนิด บรรยากาศความเป็นมิตรและครื้นเครงยังมีอยู่เต็มเปี่ยม แม้แต่นิสิตที่ชี้นิ้วไปที่ประตู พูดไปก็ทำเหมือนจะหัวเราะก็ไม่ใช่ ร้องไห้ก็ไม่เชิง ก็ยิ่งทำให้หัวเราะกันเข้าไปใหญ่
    หลังจากเด็กๆ เริ่มสงบลง เราบอกเด็กๆ ว่า เป็นที่รู้กันดีว่าพูดอย่างนี้ที่คณะรัฐศาสตร์ เท่ากับเอาตัวมาตายในถ้ำเสือชัดๆ แต่ทำไมเรายังทำ 
    เพราะเราเชื่อเหลือเกินว่า คนเราสามารถเห็นต่างและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างเป็นมิตรได้ ซึ่งเด็กๆ ก็เห็นด้วย 
    จึงขอให้นิสิตลองบอกเหตุผลเพื่อโน้มน้าวให้เราเปลี่ยนใจไปเป็นแบบในโพลบ้าง 
    นิสิตคนหนึ่งบอกว่า เหตุผลคือประชาธิปไตย และอีกหลายคนบอกว่า
    "หนูไม่ได้อยากเปลี่ยนใจอาจารย์ แต่หนูอยากรู้ว่าทำไมอาจารย์ถึงเลือกพลังประชารัฐคะ" 
    "ใช่ๆๆ"  
    "ใช่ครับ" 
    "ใช่ๆ ทำไมคะอาจารย์" 
    ยอมรับว่า เหตุผลที่เด็กๆ พูดมาไม่ได้ทำให้แปลกใจ แต่การที่เด็กๆ ก็อยากรู้ อยากเข้าใจกระบวนการการตัดสินใจของเรา เป็นสิ่งที่ไม่ได้คาดหมายและเตรียมใจมาเลย 
    แต่มันทำให้เกิดความชุ่มชื่นฉ่ำใจได้อย่างประหลาด...นี่เรากับเด็กๆ มาถึงจุดนี้กันได้อย่างไร ท่ามกลางการเมืองที่ร้อนระอุแบบนี้ 
    จุดที่ทั้งสองฝ่ายไม่ได้อยากให้อีกฝ่ายฟังเรา เข้าใจอย่างเรา...แต่อยากฟังอีกฝ่าย เข้าใจอีกฝ่าย... เข้าใจว่าทำไมเราถึงต่างกัน 
    ต่อไปนี้ เป็นสรุปประเด็นที่เราคุยกันกับนิสิต ทั้งนี้ได้ขออนุญาตนิสิต นำเรื่องราวเหล่านี้มาแชร์ในเฟสบุคแล้ว
    ----------------------
    ครับ...
    กำลังจะอินพอดีใช่มั้ย แต่หมดเนื้อที่ อดใจไว้อ่านต่อพรุ่งนี้และวันต่อๆ ไป
    ว่าอาจารย์เศรษฐศาสตร์ จะถูก "ฟ้าของพ่อ" ขย้ำตายคาถ้ำเสือรัฐศาสตร์หรือไม่?
    ต้องอ่าน..ต้องอ่าน บอกได้คำเดียว!


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"