แม้จะมีความพยายามแบ่งขั้วทางการเมืองเพื่อชิงกระแสจัดตั้งรัฐบาล แต่สถานการณ์การเมืองที่ กกต.ยังไม่รับรองผลอย่างเป็นทางการ ต้องยอมรับว่าฝ่ายนิ่งเงียบนั้นถือว่ามีความได้เปรียบ
ส่วนฝ่ายที่ดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อหาทางชนะ อย่าง 6พรรคขั้วเพื่อไทย อาทิ พรรคเพื่อไทย 137 เสียง อนาคตใหม่ 80 เสียง พรรคเสรีรวมไทย 10 เสียง เป็นต้น ที่ร่วมสัตยาบันไม่เอาการสืบทอดอำนาจ เอาเข้าจริงความฝันเริ่มเลือนรางอาจตกเป็นฝ่ายค้านเพราะไม่ทราบว่าท้ายสุด กกต.จะรับรองให้เหลือยอด ส.ส.สุทธิกี่คน แตกต่างจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) 116 เสียง พรรคประชาธิปัตย์ 52 เสียง พรรคภูมิใจไทย 51 เสียง และพรรคอื่นๆ ยุติความเคลื่อนไหวบนดิน พร้อมประกาศท่าทีทางการเมืองหลัง 9 พ.ค.นี้
ขณะที่เกมใต้ดินกับพยายามรุก โดย พปชร. ที่ได้คะแนนนิยมสูงเป็นอันดับหนึ่ง 8,433,137 เสียง สนับสนุน เริ่มคุยจัดตั้งรัฐบาลแบบลับๆ กับฝ่ายพรรคที่ไม่ได้ไปร่วมลงสัตยาบัน รวมถึงความพยายามใช้กำลังภายใน ดึงงูเห่าจากฝ่ายตรงข้าม
หากคุยกันรู้เรื่องและผลประโยชน์ลงตัววิน-วินทุกฝ่าย
โอกาสเห็นผู้จัดตั้งรัฐบาลพา “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่งเป็นนายกฯ หลังเลือกตั้งแค่เอื้อมมือ
แต่หากเจรจาล้มเหลว เพราะยังมีคน หวงก้าง
ลุงตู่ อาจตกสวรรค์ ในบริบทของคะแนนแต่ละฝ่ายคู่คี่สูสี เรียกว่าปริ่มน้ำ
ดังข่าวที่สะพัดออกมาว่า สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เข้ามาเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล โดยสาระสำคัญคือ “ต้องการรวบกระทรวงเศรษฐกิจไว้ดูแลในกลุ่มตัวเองทั้งหมด”
ไม่เพียงแต่ ปชป.–ภท. รับไม่ได้ พรรคการเมืองต่างๆ ก็ไม่โอเคเช่นกัน เพราะเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไป หากยังใช้บริการทีมเดิมอยู่ รัฐบาลหน้าจะไปไม่รอด เพราะตลอด 5 ปีที่ผ่านมาทีมเศรษฐกิจชุดนี้ถือเป็นจุดอ่อนสำคัญที่ทำให้รัฐบาล คสช.ถูกโจมตีมาอย่างต่อเนื่อง
กระทั่งการหาเสียงที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทย ยังใช้วาทกรรม อยู่กับเรากระเป๋าตุง อยู่กับลุงกระเป๋าแฟบ จนได้ ส.ส.เข้ามาเป็นอันดับหนึ่งมาแล้ว
แม้ที่ผ่านมาทีมเศรษฐกิจ คสช.จะพยายามแก้ปัญหา โดยใช้เงินงบประมาณลงไปจำนวนมหาศาล แต่ผลที่ได้กลับตรงกันข้าม ชาวบ้านยากจน บวกความทุกข์ คนชั้นกลางถูกบริษัทจ้างคนออก งดสวัสดิการ และโบนัสมาแล้วหลายปีจนครอบครัวเหี่ยวเฉา
มิพักความตั้งใจยังถูกกล่าวหาว่า นโยบายต่างๆ ผ่านประชารัฐและไทยนิยมยั่งยืน หลายแสนหลายหมื่นล้านบาท เพื่อซื้อเสียงผ่านเงินภาษีของประชาชนในช่วงใกล้เลือกตั้ง โดยมีมุดหมายเอื้อประโยชน์ให้เอกชนรายใหญ่ใกล้ชิดฝั่งรัฐบาลจริงหรือไม่ ทำให้ประเทศตกอยู่ในสภาวะ รวยกระจุก จนกระจาย ไม่นับปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำรุนแรง
ดังนั้น การถูกผูกขาดกระทรวงเศรษฐกิจไว้ที่ ผู้จัดการรัฐบาล นอกจากกระทบต่อประโยชน์สาธารณะแล้ว ในส่วนของพรรคต่างๆ ที่กำลังจะตัดสินใจร่วมรัฐบาลกับ พปชร. ก็อาจล้มละลายทางความเชื่อถือในไม่ช้า เพราะไม่สามารถผลักดันนโยบายตามที่หาเสียงไว้...
อาทิ พรรคประชาธิปัตย์ ต้องการเป็นรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ผ่านนโยบายหลัก ประกันรายได้คนไทย ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง, พรรคภูมิใจไทย โชว์แคมเปญ ลดอำนาจรัฐเพื่อปากท้องประชาชน, พรรคชาติไทยพัฒนา ต้องการรักษาเสถียรภาพการเงินและวินัยการคลัง หรือแม้แต่พรรค 6 เสียง เศรษฐกิจใหม่ของนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ก็มีกระแสข่าวแอบดิวเข้ามามีเอี่ยวในกระทรวงเศรษฐกิจกับเขาด้วย
ดังนั้น หาก ลุงตู่ ยังไม่เปลี่ยนตัวผู้จัดการรัฐบาล หรือทลายโควตากระทรวงเศรษฐกิจเปิดกว้างออกไปให้เกิดความเหมาะสม มั่นใจว่าจะกระทบต่อการฟอร์มทีมรัฐบาลอย่างแน่นอน
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |