สุวินัยเชื่อ'ทักษิณ'สางแค้นปลุกม็อบโต้แน่


เพิ่มเพื่อน    

31 มี.ค.2562 – รศ.สุวินัย ภรณวลัย อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “การปฏิวัติเงียบกับสัญญาณเตรียมลุกฮือของคนแดนไกล” ระบุว่า ขณะนี้มีความเคลื่อนไหวลึกๆ ทั้งจากสองฝั่ง จับอาการได้ว่าเป็นความขัดแย้งที่รุนแรงมาก ชนิดพร้อมจะแตกหักกันได้ทุกเมื่อ ประดุจช้างกำลังจะชนช้าง ระวังหญ้าแพรกจะแหลกราญไปด้วย

ประชาชนทั้งสองฝ่ายจะต้องไม่ตกเป็นเครื่องมือของศึกช้างชนช้างในขณะนี้ โดยไม่ออกไปเคลื่อนไหวบนท้องถนนเป็นอันขาด ใครมีลูกมีหลานที่มีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงจะออกไปประท้วงบนท้องถนน ควรตักเตือนให้ได้คิดด้วย
ผมอยากจะเตือนสติทุกคน ทุกฝ่ายอีกครั้งว่า "ไม่มีอุดมการณ์หรือลัทธิการเมืองไหนที่คู่ควรกับการอุทิศชีวิตเข้าแลก ... ไม่มีจริงๆ .... สู้กันด้วยความคิด ด้วยเหตุผลและเคารพความเห็นต่างก็พอแล้ว เพราะนี่คือเส้นทางไปสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริง"

อาจารย์ปวิน ซึ่งตอนนี้ลี้ภัยไปอยู่ที่ญี่ปุ่น ได้โพสต์บทความเมื่อวานที่ไม่รับผิดชอบต่อชีวิตของมวลชนฝ่ายตนเลยว่า
"เราไม่มีทางเอาชนะมัน (ฝ่ายเผด็จการ ฝ่ายอำมาตย์ ฝ่าย×××) ด้วยกระบวนการทางการเมืองที่เป็นอยู่ ... มีวิธีเดียวที่จะเอาชนะมันได้ นั่นคือการโค่นล้มจากพลังมวลชนบนท้องถนน ใช่ครับ มีความเสี่ยง อยากถูกยิงกระโหลก แต่วิธีนี้เท่านั้นที่จะเอาคืนอำมาตย์ได้ ผมขอเรียกสั้นๆว่าเป็นวิธีการต่อสู้แบบบาสติล (ในการปฏิวัติฝรั่งเศส) "

ในอีกฝั่งหนึ่ง คือปรากฏการณ์ 'ผิดสังเกต' ที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพนำโดยผบ.ทหารสูงสุดตบเท้าแถลงจุดยืนของกองทัพต่อบทบาทและหน้าที่ในการปกป้องสถาบันหลักของชาติ ยกพระบรมราโชวาท ร. 9 เปิดโอกาสให้คนดีบริหารบ้านเมือง คสช.กำลังรอสลายตัว หลังกระบวนการเลือกตั้งเดินตามโรดแมปใกล้จบตามกติกา พล.อ.ประยุทธ์ออกสาส์นแสดงความเป็นห่วงสภาพจิตใจของประชาชนที่เฝ้าติดตามข่าวการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาล รวมทั้งขอความร่วมมือสื่อมวลชนนำเสนอข่าวในระดับที่เหมาะสมที่ลดความเครียดของประชาชน เนื่องจากขณะนี้ใกล้เข้าสู่พระราชพิธีบรมราชาภิเษกที่จะเริ่มต้นตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนนี้

จะเห็นได้ชัดว่า คนแดนไกลต้องการเอาคืนที่ถูกเรียกคืนเครื่องราชฯ เมื่อคืนแน่ๆ เพราะคนอย่างเขาเป็นคนอาฆาตพยาบาท เมื่อเขาไม่มีความสุข อย่าหวังว่าบ้านเมืองจะสงบสุขด้วยเป็นอันขาด อาวุธอันทรงพลังที่คนแดนไกลยังมีอยู่ในมือตอนนี้ คือ ปลุกระดมมวลชนผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อให้ออกมาก่อความไม่สงบบนท้องถนน ก่อนช่วง-ในช่วง -หลังช่วงพระราชพิธีบรมราชาภิเษกนั่นเอง

สัญญาณส่งมาแล้วให้พวกหมาก พวกเบี้ยในมือของคนแดนไกลขยับตามคำบัญชาการ ผมอ่านหมากอย่างนั้น
ขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า ไม่มีอุดมการณ์หรือลัทธิการเมืองใดที่คู่ควรกับการอุทิศชีวิตเข้าแลก .... ไม่มีจริงๆ แค่ประชาชนทุกคนสู้กันด้วยความความคิด ด้วยเหตุผล เคารพความเห็นต่างก็พอแล้ว บ้านเมืองเราจะเคลื่อนไปสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริงได้เอง

ถ้าประชาชนส่วนใหญ่ไม่เลือกหนทางนี้ จุดจบแบบซีเรียจะเป็น "อนาคตใหม่" ของประเทศไทยอย่างแน่นอน

หมายเหตุ : เราต้องก้าวข้ามความขัดแย้งทางความคิดอย่างบูรณาการให้จงได้ และกระบวนการนี้มันกินเวลานานมากที่ยากลำบากเพราะแต่ละขั้วอำนาจมีเดิมพันที่สูงมาก แพ้ไม่ได้ ขณะที่ตัวผมเป็นนักรบอิสระ ที่เป็นตัวแทนวิถีของผมเอง  การที่ผมเลือกอยู่ข้างใดในสงครามอำนาจ/ความคิดนี้ มันไม่มีผลประโยชน์ทางวัตถุและทางการเมืองใดๆมาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น ผมเลือกสู้เพื่อ "ระงับการนองเลือด"ในภาพรวมมากกว่ายึดติดความเชื่อหรือลัทธิอุดมการณ์อย่างหัวปักหัวปำนะ ตรงนี้คนอื่นที่คิดต่างจากผมมักจะเข้าใจผมผิดเสมอ

การเข้าไปแทรกแซงสงครามความคิดและสงครามชิงอำนาจทางการเมืองแบบเต๋า เป็นอะไรที่ยากมากๆแต่ท้าทาย สำหรับนักกลยุทธ์ที่แสวงหาวิถีเหนือโลกไปพร้อมๆกัน

... การต่อสู้เพื่อก้าวข้ามและละวาง เป็นการฝึกจิตที่ท้าทายที่สุดสำหรับนักรบแห่งแสง ความหมายของคำว่า บู๊ 武 ในอักษรจีน มาจากคำสองคำ ผสมกัน คือ "ยุติ" กับ "ความรุนแรง" วิถีบู๊ที่แท้จริง คือการต่อสู้เพื่อยุติความรุนแรง
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"