ถึงเวลาที่ต้องสร้างสำนึก ประวัติศาสตร์อย่างเข้มข้น


เพิ่มเพื่อน    

 ผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา จำนวน ส.ส.ของพรรคที่ถูกใจคนรุ่นใหม่ ได้จำนวน ส.ส.มากเกินความคาดหมายของหลายๆ คน ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากคนรุ่นใหม่ไม่มองอดีตของประเทศที่ผ่านมา กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ออกมาเลือกตั้งครั้งนี้เป็นครั้งแรก พวกเขามาใช้สิทธิก็เพื่อแสดงตนว่าเป็นนักประชาธิปไตยที่ชิงชังเผด็จการทหาร ตามวาทกรรมที่พวกเขาได้ยินมาในช่วงที่พวกเขาพอจะได้ยินข่าวสารบ้านเมืองกันบ้าง พวกเขาได้ยินวาทกรรมที่ทำให้เขาชิงชังขนบธรรมเนียมประเพณีและการอนุรักษ์หลายๆ อย่าง หลายเรื่องเป็นเรื่องที่โดนใจ ถูกจริตพวกเขาเป็นจำนวนมาก ด้วยความต้องการอิสรเสรีที่อยู่นอกกรอบ ส่วนหนึ่งที่พวกเขาออกมาลงคะแนนเสียงเลือกพรรคที่เขาคิดว่าใหม่ มีนโยบายสวนกับการอนุรักษ์ที่พวกเขาเห็นว่าดี ส่วนหนึ่งเนื่องจากพวกเขาไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับอดีต พวกเขาไม่มีภาพจำเรื่องราวทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงที่พวกเขายังอายุน้อย และไม่ได้สนใจเรื่องของบ้านเมือง ด้วยชุดข้อมูลที่พวกเขามีแตกต่างจากชุดข้อมูลของผู้ใหญ่ที่มีภาพจำเกี่ยวกันอดีต ทำให้พวกเขามักมีความคิดที่แตกต่างจากคนรุ่นเดิมๆ

พวกเขามักจะอ้างเป็นตัวของตัวเอง ผู้ใหญ่จะบอกอะไร จะอธิบายอะไร จะไปชักจูงอย่างไร พวกเขาก็จะไม่ฟัง พวกเขาก็จะไม่เชื่อ เพราะเขาคิดว่าผู้ใหญ่เป็นพวกอนุรักษ์ เป็นคนหัวโบราณ เป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปีที่ไม่รู้เรื่องสมัยใหม่ ไม่ใช้ Social media พวกเขารู้ไดัเพราะเขาได้รับข้อมูลจากพื้นที่ดิจิทัลมากพอที่จะคิดเองเป็น แต่หากจะไล่เรียงประวัติศาสตร์ของเหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นแล้ว ข้อมูลที่เขามีหรือที่เขารู้นั้นน่าจะไม่ครบถ้วนเพียงพอที่จะกำหนดทัศนคติและพฤติกรรมทางการเมือง

พวกเขาเกิดในปีที่เศรษฐีเข้าสู่การเมือง มีเรื่องซุกหุ้น ดังนั้นพวกเขาคงไม่รู้ซึ้งเรื่องนี้ ในปีที่มีเวทีพันธมิตรให้ข้อมูลเพื่อให้ประชาชนรู้เท่าทันการทำงานที่ไร้ธรรมาภิบาล พวกเขาก็ยังเป็นนักเรียนอนุบาล ในปีที่มีรัฐประหารของ คมช. พวกเขาก็ยังไม่อยู่ชั้นประถมหนึ่งด้วยซ้ำไป คมช.ให้เหตุผลว่าที่ต้องทำการรัฐประหารนั้นเพราะผู้บริหารมีการโกงกิน สร้างความแตกแยก ทำร้ายระบบตรวจสอบ และจาบจ้วงสถาบัน เด็กที่ยังไม่เข้าเรียนชั้นประถมหนึ่งคงไม่รู้เรื่องนี้หรอกนะ ในปีที่มีการเผาบ้านเผาเมืองพวกเขาก็ยังไม่ถึงสิบขวบ และเมื่อมีการชุมนุมของ กปปส. เขาก็ยังเพิ่งจะเรียนระดับมัธยม ก็ไม่รู้ว่าสนใจเรื่องราวทางการเมืองกันบ้างหรือไม่

กลุ่มนี้ตอนชุมนุม กปปส. ชุมนุมราชประสงค์ พวกเขาอายุ 10 กว่าขวบ หากเป็นการชุมนุมสมัยพันธมิตรที่ชุมนุมไลทักษิณนั้นพวกเขามีอายุประมาณแค่ 5 ขวบเท่านั้น กลุ่มนี้ไม่ได้สัมผัสภาพทางการเมืองที่เป็นเผด็จการด้วยอำนาจเงิน เมื่อมีเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองตอนปี 2553 พวกเขาก็อายุเพียง 9 ขวบ คงไม่ได้สนใจปัญหาที่เกิดขึ้นจากการกระทำของคนที่เป็นสมุนคนโกงที่ต้องการช่วงชิงอำนาจด้วยวาทกรรมการขโมยประชาธิปไตย เมื่อ กปปส.เริ่มชุมนุมกันนั้นพวกเขาก็มีอายุเพียง 12 ปีเท่านั้น หลายคนไม่เข้าใจการทำงานการเมืองภาคประชาชน. และคงไม่ได้เข้ามาร่วมชุมนุมด้วย บางคนคงไม่เข้าใจหรือไม่สนใจเรื่องราวความเสียหายและการโกงจากโครงการรับจำนำข้าว หรือการกระทำมิชอบในการย้ายข้าราชการไม่เป็นธรรม ความพยายามใช้เงินกับโครงการขนาดใหญ่นอกระบบงบประมาณ โครงการประชานิยมที่ส่งผลกระทบต่อวินัยการเงินและการคลัง การกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่รัฐบาลเวลานั่นก็ไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาล การเสียบบัตรแทนกัน การเปลี่ยนแปลงเอกสารเข้าสภา จนถึงช่วงที่มีความพยายามที่จะออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมสุดซอย เพื่อให้คนทำผิดที่หนีคดีออกไปนอกประเทศได้กลับคืนสู่ประเทศไทยแบบไม่มีความผิด พวกเขาอาจจะไม่ได้สนใจการใช้ความรุนแรงจัดการกับผู้ชุมนุมจนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก จนทำให้ทหารมีความจำเป็นต้องทำการรัฐประหารเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศชาติ และลดปัญหาความขัดแย้งเข้าสู่ความปรองดอง

พวกเขาเติบโตมาในยุคของรัฐบาลที่บ้านเมืองไม่มีความขัดแย้ง แต่เขาก็ได้เห็นนายกฯ ดุดัน ได้ยินได้ฟังเรื่องรัฐมนตรีที่ยืมนาฬิกาหรูจากเพื่อนมาใช้หลายสิบเรือน รัฐมนตรีทั้งคณะ บริหารประเทศนิ่งๆ ช้าๆ ทำเรื่องที่ถูกใจบ้าง ไม่ถูกใจบ้าง จนวันหนึ่งมีคนที่เห็นโอกาสในการจะเข้าสู่การทำงานทางการเมืองแสดงตนเป็นอัศวินขี่ม้าขาวมาสร้างการเปลี่ยนแปลง มาปลดแอกประชาชนให้หลุดพ้นจากกรอบประเพณีต่างๆ ยุติการเกณฑ์ทหาร ลดอำนาจทหาร คือคดีอดีตนายกรัฐมนตรีโดยอ้างว่าเพื่อสร้างความยุติธรรม รวมทั้งลดทอนพระราชอำนาจของกษัตริย์ กลุ่มคนเหล่านี้ที่ไม่รับรู้ ไม่เข้าใจ หรือไม่มีความลึกซึ้งกับประวัติศาสตร์ จึงเทใจให้แก่พรรคใหม่นี้กันแบบถล่มทลาย ไม่ว่าคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนาน จะอธิบายอย่างไรก็ไม่ฟัง มิหนำซ้ำยังก่นด่าผู้อาวุโสด้วยถ้อยคำที่หยาบคายกักขฬะ จนผู้ใหญ่ทั้งหลายระอาและไม่อยากที่จะตอแยด้วย กลายเป็นการยอมจำนนต่อความคิดและพฤติกรรมของพวกเขา

ในขณะที่กลุ่มคนรุ่นเก่า คนที่มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่ มีทั้งภาพจำทั้งอดีตและปัจจุบันสะสมกันอยู่ครบครัน ทั้งในแง่การชอบหรือไม่ชอบการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดนี้ ทั้งในแง่การรับรู้ถึงปัญหาที่เคยเกิดขึ้นในบ้านเมืองนับตั้งแต่อดีต การตัดสินใจของคนที่มีข้อมูลทั้งอดีตและปัจจุบัน เป็นกลุ่มคนที่รับรู้ปัญหาทางการเมืองตั้งแต่สมัยทักษิณเป็นนายกฯ ตลอดเรื่อยมาจนถึงยุคของรัฐบาลตัวแทนหุ่นเชิดอีก 3 รัฐบาล ผนึกกับความเข้าใจประวัติศาสตร์ในอดีตที่สถาบันพระมหากษัตริย์ที่เคียงคู่มากับความเจริญของประเทศ การดำรงรักษาเอกราชของประเทศด้วยพระปรีชาสามารถของบูรพกษัตริย์มาตั้งแต่ครั้งกรุงสุโขทัย เรื่อยมาจนถึงราชวงศ์จักรีแห่งรัตนโกสินทร์

ด้วยข้อมูลที่ต่างกันของคนต่างวัย ด้วยภาพความจำที่ต่างกัน ด้วยสำนึกประวัติศาสตร์ที่ต่างกัน การเลือกตั้งครั้งนี้ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างวัยที่ลามลึกเข้าไปถึงในครอบครัว พ่อแม่ต้องมาทะเลาะกับลูกๆ เด็กมองผู้ใหญ่เป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปีที่มีความคิดล้าหลัง ผู้ใหญ่ก็มองว่าเด็กๆ ทั้งหลายมีความตื้นเขิน เป็นคนไร้รากเหง้าเพราะความไม่สนใจประวัติศาสตร์ทั้งใกล้และไกล เป็นคนมีความคิดกบฏทางวัฒนธรรมที่เป็นอันตรายต่อประเทศชาติ ทำให้เกิดความรู้สึกว่าเราต้องมีการปฏิวัติการสอนประวัติศาสตร์ รณรงค์ให้เยาวชนมีสำนึกประวัติศาสตร์ เข้าใจความเป็นมาในอดีตที่ส่งผลต่อการดำรงอยู่ของความเป็นไทยในปัจจุบัน เราพร้อมที่จะให้ความสำคัญกับสำนึกประวัติศาสตร์ที่จะปลูกฝังให้เยาวชนของเราเป็นคนมีรากเหง้าที่ภูมิใจในความเป็นไทย และไม่มีทัศนคติเป็นคนชังชาติ ชังขนบธรรมเนียมประเพณีที่น่าภาคภูมิใจของความเป็นไทย.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"