'ฟ้าของทารกเพิ่งลืมตาดูโลก'


เพิ่มเพื่อน    

              เลือกตั้งหนนี้.......

                พรรคที่แรงเหมือนยาฆ่าหญ้า คือพรรค "อนาคตใหม่"

                ยาฆ่าหญ้า ราดปุ๊บ หญ้าตายปั๊บ

                อนาคตใหม่ก็เช่นกัน ลงสนามปุ๊บ นักเลือกตั้งเก่าตายปั๊บ กองเป็นภูเขา

                อื้ออึงกันว่า อนาคตใหม่ เป็นสัญญาณแห่งยุคใหม่ คนรุ่นเก่า-คิดเก่า-ติดยึดสิ่งเก่าๆ ต้องถอยไป

                ถึงเวลาแล้ว......

                ที่ "คนรุ่นใหม่" จะเข้ามากำหนดทิศทางประเทศแทนคนรุ่นเก่า!

                ประชาธิปไตยเนื้อหาหลักที่ "ธนาธร-ปิยบุตร" ชูได้ใจ คือ การปฏิวัติกองทัพ แอนตี้การเกณฑ์ทหาร  เปิดประเทศรับโรฮีนจา เขียนรัฐธรรมนูญใหม่

                การเคารพนับถือ "พ่อ-แม่-ศาสนา" กระทั่งการยิ้มของคนไทย เป็นสิ่งไม่จำเป็น และปัญญาอ่อน

                ที่ขับเน้นเด่นชัด.........

                อนาคตใหม่ ใต้นโยบาย "ธนาธร-ปิยบุตร" ปฏิเสธการมี "สถาบันกษัตริย์"!

                จากปราศรัยหาเสียง เหนือ-ใต้-ออก-ตก สามารถสรุปภาพกว้างในทิศทางนำของพรรคอนาคตใหม่ได้ว่า

                วิถีสังคมชาติที่เป็นอยู่ปัจจุบัน เก่า ล้าสมัย ต้องโละทิ้ง เปลี่ยนใหม่หมด

                ยิ่งงานที่รัฐบาล คสช.ริเริ่มและทำไว้ ล้วนไม่ดี, ไม่ใช่ ต้องโละทิ้ง เปลี่ยนใหม่เช่นกัน

                มีสิ่งเดียวที่ "ธนาธร-ปิยบุตร" ไม่แตะ ไม่ลบล้าง เทิดเป็นสิ่งดี สิ่งเคารพ "สิ่งเดียว" ในสังคมไทย คือ

                "ประชาธิปไตยทักษิณ"

                และทุกสิ่งที่คนระบอบทักษิณทำ เช่น เผาเมือง ทุจริตจำนำข้าว จ้วงจาบหยาบช้าต่อสถาบัน

                รวมถึง โกงแล้วหนีคดี ไปเสวยสุขอยู่เมืองนอก!

                พ่อของฟ้าเทิดทูน!

                ปรากฏว่า แนวนโยบายอนาคตใหม่ ได้รับการตอบรับจากคนวัยแตกพาน กลุ่มเอ็นจีโอ อาจารย์มหาวิทยาลัย โดยเฉพาะนิสิต-นักศึกษา เทคะแนน

                ชนิดว่า "เหนือคาดหมาย"!

                ไม่นับรวม "ไทยรักษาชาติ" ที่ถูกยุบพรรค แล้วนำคะแนนมาเทกอง

                กว่า ๖ ล้านคะแนน ขมิบอีกทีเดียว ก็จะเกินหน้า "เพื่อไทย" พรรคแม่ ซึ่งได้แค่ ๗ ล้านกว่า

                แต่ถ้าพิเคราะห์ตัวเลขกันจริงๆ เลือกตั้งปี ๒๕๕๔ เพื่อไทยมี ๑๕ ล้านเสียง

                เลือกตั้ง ๒๔ มีนา ๖๒ ว่าไปแล้ว ๑๕ ล้านเสียงสวามิภักดิ์ทักษิณ ก็ไม่ได้หายไปไหน ยังอยู่เหมือนเดิม

                เพียงแต่กระจายออกไปตามยุทธศาสตร์ "แตกแบงก์พัน" จึงปรากฏที่เพื่อไทยเพียง ๗ ล้าน

                ส่วนอีก ๘ ล้าน ไปดูให้ดี ก็จะพบว่า........

                ไปอยู่ที่อนาคตใหม่ ๖ ล้าน, เพื่อชาติ ๔ แสน, ประชาชาติ ๔ แสน, เสรีรวมไทย ๘ แสน รวมแล้วก็  ๑๕ ล้านกว่าๆ พอดีกัน

                ที่มานั่งลงสัตยาบัน ๖ พรรค จองคิวตั้งรัฐบาลตามที่เห็นนั่นแหละ!

                แต่ตัวนำกระแสให้เกิดภาพว่า.........

                "อนาคตใหม่" เป็นสัญลักษณ์ของการส่งสัญญาณจากสังคมชาติ ต้องการ "ล้างเก่า-สร้างใหม่" โดยธนาธร-ปิยบุตร นั้น

                คือ "นิสิต-นักศึกษา" กลุ่มหนึ่ง ภายใต้การควบคุมกลไกของ "อาจารย์มหาวิทยาลัย" กลุ่มหนึ่ง ผู้ศรัทธาในทุนวิจัยจากตะวันตกและระบอบทักษิณ

                ตรงนี้ คือประเด็นที่อยากจะคุย

                ประเด็นอนาคตใหม่และธนาธร-ปิยบุตร ผมไม่สนใจในความเป็น "ตัวล่อเป้า" ที่เขาเชิดประเดี๋ยว-ประด๋าว เท่าไรนัก

                คือ ตอนนี้ "คนรุ่นพ่อ-รุ่นแม่" พูดกันมาก.......

                วิตกทุกข์ร้อนกันมาก ว่าเด็กๆ หมายถึงคนรุ่นใหม่ในวัยศึกษาวันนี้

                ทำไมจึงมีความคิด "หลุดกรอบ" ไปได้ถึงขนาดนั้น?

                ทำไมจึงยก "ธนาธร-ปิยบุตร" ทาสคิดคนเศษชาติ ขึ้นเป็นไอดอลของ "คนรุ่นใหม่"?

                ผมจึงอยากพูดตรงนี้ แน่นอน คงไม่ถูกใจ-ถูกจริตกันซักเท่าไร แต่เอาเถอะ ฟังได้ก็ฟัง ฟังไม่ได้ ก็(ต้อง) ฟัง

                ผมว่านะ........

                ไม่ต้องไปห่วง ควรขอบคุณฟ้า-ดินด้วยซ้ำ ที่ส่งธนาธร-ปิยบุตร อุทิศร่างเป็น "อาจารย์ใหญ่" ตัวเป็นๆ

                ให้นิสิต-นักศึกษาได้เรียนรู้ "ภาคปฏิบัติ" ในสังคมจริง

                ผู้ใหญ่ทุกคนวันนี้

                ต้องเคยผ่านวัย "เร่าร้อน-แสวงหา-กล้าทดลอง" กันมาแล้วทั้งนั้น สิ่งถูกวันนี้ มาจากสิ่งผิดก่อนทั้งสิ้น

                แม้กระทั่งตำราที่นิสิต-นักศึกษาเรียนจน "ร้อนวิชา" ขณะนี้ คนเขียนก็เอาความผิดเป็นฐาน แล้วเอาที่ถูกมาจารเป็นตำรา อย่างนี้ทั้งนั้น

                เด็ก ๒-๓ ขวบ เห็นไฟ ไม่รู้จัก ก็อยากจับ

                จับแล้วร้องจ้า รู้ว่าสิ่งนี้ร้อน ก็จะไม่จับอีก

                นิสิต-นักศึกษาเช่นเดียวกัน ยิ่งเรียนรัฐศาสตร์ปีแรกๆ ด้วยแล้ว

                บ้าทฤษฎี บ้าตำรา เห็นอะไรก็อยากจะรื้อ อยากจะฆ่า อยากจะเผา อยากจะปฏิวัติโลก ขนาดนั้น

                มันเป็นวัยแสวงหา วัยลองผิด-ลองถูก

                หนุ่ม-สาววัยแตกพาน มันเป็นธรรมชาติ ฮอร์โมนอยากเด่น อยากดัง อยากทำ-อยากคิด ที่มันแหกๆ ออกไปแรงมาก

                เรียกว่า กระหายต่อการสร้างปมเด่น เพื่อการยอมรับและการสนใจจากผู้อื่น

                วัยศึกษา เป็นวัยอยู่ในสังคมจำลอง มหาวิทยาลัยเป็นสังคมคนวัยเดียวกัน อยู่ใต้กรอบความคิดนำของอาจารย์คนเดียวกัน

                เมื่อธนาธร-ปิยบุตร ถูกปั้นเป็นไอดอลคนรุ่นใหม่ กลุ่มอาจารย์ผู้รับงานมา บอกว่า...ความคิดนี้ ใช่

                มันก็ต้อง "ใช่" ตามอาจารย์!

                ก็เห็นอยู่โต้งๆ มิใช่หรือว่า นิสิต-นักศึกษา ที่เคลื่อนไหว พวกอาจารย์กลุ่มไหนเป็นตัวนำ?

                แต่ควรขอบใจ ทั้งนิสิต-นักศึกษา และทั้งอาจารย์หัวโจก "กากฝรั่ง-งั่งทักษิณ" ทั้งหลาย

                ที่ช่วยกันสร้าง "ประชาธิปไตยจำลอง" ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ผ่าน "เฟิสต์โหวต" ส่งธนาธร-ปิยบุตรเข้าสภา

                จะได้รู้ด้วย "เข้าใจ" จากของจริงว่า สิ่งที่คนรุ่นใหม่อย่างธนาธร-ปิยบุตรนั้น

                สิ่งที่คิด-สิ่งที่พูด มันใช่ "สิ่งที่เป็นจริง" และเป็นไปได้ ในทางปฏิบัติสังคมจริงมั้ย?

                ฉะนั้น ปล่อยเขา....

                ดูลูกหลานทดลองทฤษฎีคิด ผ่านตัวนายธนาธร-ปิยบุตร ในสังคมประชาธิปไตยโลกเป็นจริงอยู่ห่างๆ

                จะได้เข้าใจ ที่พลุ่งพล่าน ชี้หน้าด่าคนโน้น-นี้ว่า "สืบต่ออำนาจเผด็จการ" นั่นน่ะ

                เอาเข้าจริง "ธนาธร-ปิยบุตร" เข้าไปสร้างประชาธิปไตยในฝัน หรือเข้าไปซ้ายหัน-ขวาหัน สืบต่ออำนาจให้ "เผด็จการทักษิณกินเมือง"!?

                นิสิต-นักศึกษาในระบบประชาธิปไตยไซเบอร์ อย่าลืมว่า วันนี้ เขาแค่เด็กรุ่นลูก-หลาน

                "บ้านเมือง" เป็นของที่พวกอาจารย์กลุ่มหนึ่ง "หลอก" ให้เด็กตายแทน

                แต่พรุ่งนี้ จบการศึกษา จากมีเพียง "หน้าที่เรียน" พวกเขาต้องมีคำว่า "ความรับผิดชอบ" เพิ่มอีกอย่าง

                รับผิดชอบ ทั้งชีวิตตัวเอง ทั้งอนาคตชาติบ้านเมือง ในความเป็นผู้ต้อง "รับมรดกแผ่นดินไทย" ผืนนี้

                จากโลกจำลอง ไปสู่โลกจริงทางสังคม จากที่จ้องล้ม คอยจับผิด คอยประท้วง คอยชุมนุม คอยโพสต์ด่า

                ไปอยู่ในฐานะ อาจารย์บ้าง ข้าราชการบ้าง พนักงาน-ลูกจ้างบ้าง นักการเมืองบ้าง ตำรวจ-ทหารบ้าง เป็นพลเมืองดีบ้าง พลเมืองเลวบ้าง

                หรือไปเป็นรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี กระทั่งเป็น กกต.อย่างที่จวกเขาแบบไร้สำนึกเยี่ยงคนมีการศึกษา

                เมื่อประสบการณ์ "ประชาธิปไตยจำลอง" วันนี้ มีเป็นบทเรียน สอนให้ "ได้รู้-ได้คิด" ผ่านไอดอล "ธนาธร-ปิยบุตร"

                ถึงวันนั้น........

                จากนักศึกษา ไปอยู่ในฐานะข้าราชการ-ทหาร-ตำรวจ-นักการเมือง หรืออะไรก็แล้วแต่               ที่มี "สังคมชาติบ้านเมือง" ให้ต้องรับผิดชอบ

                เขาจะได้ใช้ประสบการณ์ "คนรุ่นใหม่" อย่างธนาธร-ปิยบุตร ไปรับมือ "คนรุ่นใหม่" ในวันนั้น ที่จะมีเป็น "เวรกรรม" ตามสนอง สืบต่อเป็นรุ่นๆ นั่นแหละ

                นี่แค่ ๓-๔ วัน ก็เห็นบ่นกันอุบ "เลือกผิด เลือกใหม่ได้มั้ยเนี่ย?"

                เพราะไม่ทันไร พ่อของฟ้า ก็เอาเก้าอี้นายกฯ ไปประเคนให้สุดารัตน์ซะแล้ว

                เป็นการ "สืบต่อ" อำนาจทักษิณกินเมือง "แทนการสืบต่อ" อำนาจ คสช.สร้างเมือง!

                ผมจึงเห็นว่า ให้เด็กๆ เขาสร้างสมประสบการณ์ด้วยตัวเขาเองในรั้วมหาวิทยาลัยไปเถอะ

                ผู้ใหญ่เตรียมรถดับเพลิงไว้ห่างๆ อย่าให้เด็กเป็นอันตรายก็พอ

                ส่วนอาจารย์ที่เป็นอาจม ให้ไฟคลอกตายซะมั่ง...ก็ควร!

                ถ้าอาจารย์ พร่ำสอนศิษย์ ด้วยจิตวิญญาณอาจารย์แท้จริงแล้วละก็

                นิสิต-นักศึกษา "ส่วนหนึ่ง" ซึ่งเป็นส่วนน้อยดังที่เห็น

                จะไม่ "เขลา" ในคราบ "นักศึกษา"

                เป็นฟ้าที่มีพ่อ "คดในข้อ-งอในกระดูก" อย่างวันนี้. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"