ร้องอัยการฟ้องลงโทษสูงสุดเมาแล้วขับ


เพิ่มเพื่อน    


    เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับร้อง อสส.ขอยาแรงปกป้องชีวิตผู้บริสุทธิ์ ฟ้องลงโทษเมาแล้วขับขั้นสูงสุด พร้อมไล่เบี้ยเอาผิดผู้จำหน่าย สนองนโยบายรัฐบาล ป้องกันอุบัติเหตุช่วงเทศกาลสงกรานต์ 
    เมื่อวันที่ 28 มีนาคมนี้ ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ นายเจษฎา แย้มสบาย ประธานเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ กทม. พร้อมด้วย นางสาวเครือมาศ ศรีจันทร์ ผู้ประสานงานเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต และเครือข่ายนักกฎหมายเพื่อเด็กและเยาวชน เครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ กว่า 30 คน ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงนายเข็มชัย ชุติวงศ์ อัยการสูงสุด ผ่านนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อขอให้พนักงานอัยการทุกจังหวัด สั่งสำนวนในคดีที่เกี่ยวข้องกับการดื่มแล้วขับ ให้ศาลพิพากษาลงโทษขั้นสูงสุดหรือสถานหนักตามกฎหมาย ทั้งนี้เครือข่ายฯ ได้นำครอบครัวเหยื่อเมาแล้วขับ จังหวัดปทุมธานี ที่ต้องสูญเสียลูกชายวัย 1 ขวบ จากอุบัติเหตุเมาแล้วขับพุ่งชนอู่ซ่อมรถมาขอความเป็นธรรมด้วย
    นายเจษฎากล่าวว่า จากสถิติข้อมูลอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์ 3 ปีที่ผ่านมา พ.ศ.2559-2561 จำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตที่ดื่มแอลกอฮอล์ 23,954 คน มูลค่าความเสียหาย 4,762 ล้านบาท จากสถานการณ์ที่ผ่านมาทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 26 มีนาคม 2562 เห็นชอบแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2562 โดยใช้มาตรการลงโทษผู้ขับรถ สู่การพิจารณาลงโทษคดีทางอาญาและคดีแพ่งด้วย 
    นอกจากนี้ สำนักงานอัยการสูงสุดที่เป็นสถาบันต้นน้ำในกระบวนการยุติธรรม ควรสกัดกั้นการทำผิด บังคับใช้มาตรการลงโทษขั้นรุนแรง เพื่อตัดไฟแต่ต้นลมและดำรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 และ พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ให้ชัดเจนว่าที่ผู้เมาแล้วขับถือว่าเป็นอาชญากร ไม่ใช่เป็นการกระทำโดยประมาท เพราะมาตรการเดิมๆ รับมือไม่อยู่ ต้องถึงเวลาใช้ยาแรง และขอเรียกร้องผ่านไปยังรัฐบาลให้เร่งสนับสนุนงบประมาณเพื่อให้กลุ่มองค์กรต่างๆ ตลอดจนชุมชน เยาวชนได้ลุกขึ้นมาเฝ้าระวัง รณรงค์ ทำงานลดอุบัติเหตุบนท้องถนนอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยภาครับในการรับมือกับปัญหานี้  
    ด้านนางสาวเครือมาศกล่าวว่า ปัญหาเมาแล้วขับเป็นปัญหาระดับชาติ เครือข่ายฯ จึงขอแสดงจุดยืนและมีข้อเสนอเพื่อให้อัยการสูงสุดพิจารณา ดังนี้ 1.คดีที่เกี่ยวข้องกับการดื่มสุราหรือเมาอย่างอื่นแล้วขับ ให้อัยการฟ้องคดีขอให้ศาลลงโทษสถานหนักโดยไม่รอการลงโทษ ให้ถือว่าการเมาแล้วขับเป็นการกระทำโดยเจตนา เพราะการดื่มสุราแล้วเกิดอุบัติเหตุจะอ้างว่าไม่ได้ตั้งใจย่อมเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากขณะดื่มสุรามีความตั้งใจดื่มและตั้งใจในการขับขี่รถทั้งที่รู้ว่าเมาสุรา จะยกเป็นข้อแก้ตัวไม่ได้ตามความในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 66 ถือว่าผู้ที่เมาแล้วขับเป็นอาชญากร 2.กรณีผู้กระทำความผิดดื่มสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่นกระทำความผิดซ้ำซาก ให้ทางอัยการมีคำขอท้ายฟ้องต่อศาลขอให้บวกโทษหรือเพิ่มโทษ 3.สั่งสอบสวนคดีเพิ่มเติม โดยประสานพนักงานตำรวจเจ้าของคดีต้องสืบค้นไปถึงแหล่งผู้เมาแล้วขับ เพื่อลงโทษผู้ที่ทำความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ ขายให้คนเมาครองสติไม่ได้ ต้องถูกลงโทษตามกฎหมายด้วย
    ขณะที่นายโกศลวัฒน์กล่าวว่า ตนขอรับเรื่องไว้และนำเรียนท่านอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาต่อไป ที่ผ่านมาพนักงานอัยาการได้ให้ความสำคัญและดูสำนวนโดยละเอียดอยู่แล้ว ยิ่งเห็นในข่าวว่ามีพฤติกรรมที่ร้ายแรงอย่างไร การพิจารณาจะทำอย่างรอบคอบ รัดกุม และมีหลายคดีที่อัยการดูจากพฤติกรรมที่ไม่เคารพกฎหมาย จึงต้องระบุโทษสถานหนักสำหรับผู้เมาแล้วขับ. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"