ตลบอบอวลยิ่งกว่า “ฝุ่นพิษ” PM 2.5 เสียอีกสำหรับบรรยากาศการเมืองยามนี้ แต่ที่แน่ชัดคือ “ระบอบทักษิณ” กำลังคัมแบ็กอีกระลอกแล้ว เพราะเห็นกันอย่างชัดเจนถึงความเคลื่อนไหวของ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่หาก ไล่เรียงไทม์ไลน์จะเห็นว่าเริ่มขยับมาตั้งแต่ ม.ค. ในการจัดรายการ “กู๊ดมันเดย์ (Good Monday)” แม้จะไม่เปรี้ยงปร้าง แต่ก็เป็นการส่งสัญญาณให้ “ลูกหาบ” ว่านายใหญ่ยังไม่หายและตายจากในการเมือง ...๐ การเคลื่อนไหวของ “สัมภเวสีเหลี่ยม” มารุกหนักมากขึ้นในช่วงใกล้วันหย่อนบัตร โดยเฉพาะการใช้ “งานแต่งงาน” ของลูกสาวอย่าง “แพทองธาร ชินวัตร” มาเล่นการเมืองด้วย โดยประกาศกลางเวทีที่เกาะฮ่องกงว่า “วันนี้กลัวว่าห้องจะไม่พอ เพราะคนมาเยอะ แต่การเลือกตั้ง “เรา” ชนะแน่นอน เป็นเสียงตัวแทนวันที่ 24 มี.ค. ที่จะมีการเลือกตั้งมันเป็นเสียงของฝ่ายประชาธิปไตยที่เข้มแข็งมาก” ...๐ หลังหย่อนบัตร 24 มี.ค.“นายใหญ่” ก็มี บทความลงใน “นิวยอร์กไทมส์” ในหัวข้อ “The Election in Thailand Was Rigged” เผยแพร่ออกมาในวันจันทร์ที่ 25 มี.ค. แบบทันควัน ต้องบอกว่าถ้าไม่มีการเตรียมการวางแผนมาอย่างดีคงทำไม่ได้ และตามมาด้วยการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพีเพื่อตอกย้ำเนื้อหาบทความในนิวยอร์กไทมส์ และต่อมาในวันที่ 26 มี.ค. ”อิสสริยา พรายทองแย้ม”  บรรณาธิการวางแผนข่าว บีบีซีไทย ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์ “ทักษิณ” ในหัวข้อ “ทักษิณ ชินวัตร : “ท่านอยากทรงเสียสละที่จะมาทำงานให้บ้านเมือง””…๐ น่าแปลกไหมว่าทำไมมันช่างสอดรับสอดคล้องกับท่าทีของ “พรรคเพื่อไทย” และพรรคเครือข่ายยิ่งกว่าการเตี้ยมกันเสียอีก แต่ ที่แน่ๆ คือระหว่าง “ทักษิณ ชินวัตร” และ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่นั้น ต้องมีใครสักคนที่ “ตอแหล” แน่ๆ ถึงความสัมพันธ์ เพราะ “ธนาธร” กล่าวถึงทักษิณก่อนวันเลือกตั้งไว้ว่า “ผมไม่ได้คุยกับคุณทักษิณมาตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว ก่อนคุณพ่อผมเสีย ครั้งหนึ่งคุณทักษิณมาเยี่ยมคุณพ่อของผมก่อนที่ท่านจะเสีย นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้พูดคุยกับคุณทักษิณตัวเป็นๆ” ส่วน “ทักษิณ” กล่าวกับบีบีซีไทยในเรื่องนี้ไว้ว่า “ผมไม่รู้จักธนาธร ไม่เคยเจอเลย ไม่เคยคุยโทรศัพท์กัน ไม่รู้ว่าเขาคิดอย่างไร แต่ดูการหาเสียงและให้สัมภาษณ์เห็นว่ามีอุดมการณ์สูงเหมือนตอนผมเข้ามาใหม่ๆ" งานนี้ไม่รู้ว่าคนอายุ 40 ปีกับคนอายุ 69 ปีใครจะโกหกกันแน่ ...๐ หันมาเรื่องฝุ่นตลบจับมือ “ยึดทำเนียบรัฐบาล” กันบ้าง เพราะมีการจัดโพเดียมแถลงข่าวอย่างเป็นงานเป็นการยิ่งกว่าการจัด “อีเวนต์คอนเสิร์ต” เสียอีก ที่น่าโฟกัสอย่างยิ่งคือคำแถลงย้ำของ “ธนาธร” ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกเสียด้วย เพราะ ในช่วง 1-2 วันนี้ย้ำหลายต่อหลายครั้งว่า “สนับสนุนนายกฯ ที่มาจากพรรคการเมืองที่ได้คะแนนที่นั่ง ส.ส. มาเป็นอันดับหนึ่ง โดย “คุณหญิงสุดารัตน์” มีความเหมาะสม” ...๐ ไอ้ปื้ดอยากถาม หัวหน้าพรรคส้มหวานว่าไป "เสือกแส่” อะไรกับพรรคอื่นเขากันจ๊ะ เพราะ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” เคยตอบก่อนการเลือกตั้งหลายครั้งว่า แคนดิเดตของพรรคทั้ง 3 คนที่เสนอในบัญชีนายกฯ ของพรรคนั้น ต้องให้พรรคลงมติก่อนว่าจะเสนอชื่อใคร แต่ที่ “ธนาธร” ออกมาย้ำมาชี้นำอย่างนี้หมายความว่า “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” และ “ชัยเกษม นิติสิริ” เป็นแค่คนถูกหลอกมาหรืออย่างไร ...๐ แล้วที่สำคัญ “หญิงหน่อย” เองก็ไม่ปฏิเสธเสียด้วย รับสมอ้างว่าจะเป็นผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ ของพรรคหรืออย่างไรจ๊ะ ระวังไว้นะว่า “หล่อไม่เตือน” อาจอกหักก็ได้ เพราะ แว่วมาว่าฟากฝั่ง "คุณหญิง” และบรรดา “เจ๊ๆ” เขาไม่ปลื้มนะตัวเอง ...๐ ที่น่าสนใจอย่างยิ่งกับหัวหน้าส้มหวานและ “ปิยบุตร แสงกนกกุล" เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ คือ การกลืนน้ำลายตัวเองแบบด้านๆ ที่บอกว่าจะไม่เอาคนนอกมาเป็นนายกฯ ต้องเป็น ส.ส.เท่านั้น แต่กลับเชียร์ “คุณหญิงสุดารัตน์” สุดลิ่ม โดยบอกว่าได้ลงแข่งขันในสนามประชาธิปไตยอย่างเต็มที่แล้ว อ้าว! แต่กับชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” กลับถูกประณามว่าเป็นการสืบทอดอำนาจ อย่างนี้จะ เรียกว่าเป็น “การเอาดีเข้าตัว เอาชั่วใส่คนอื่น” ตามสไตล์นักการเมืองเต็มตัวได้ไหมเนี่ย ...๐ แล้วที่อ้างว่าฝ่ายประชาธิปไตยแบบสวยหรูดูดีนั้นคงเป็นแบบเพจ “The METTAD” ที่ระบุไว้อย่างน่าคิดว่า ประชาธิปไตยบ้านเรามี 2 ฝ่าย คือ “ฝ่ายเสรีประชาธิปไตยอันมีฝรั่งเศสเป็นโมเดล” และ “ฝ่ายประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข” ซึ่งพรรคไหนอยู่ฝ่ายใดก็น่าจะเห็นกันได้นะเธอ และยิ่งฟังคำแถลงของ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่แถลงชัดๆ ว่า “ใช้สิทธิ์อะไรว่าตนเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตย แล้วเรียกคนอื่นไม่ใช่ประชาธิปไตย เป็นการดูถูกประชาชน และสร้างความแตกแยก มันเป็นประชาธิปไตยเพื่อพวกพ้องเท่านั้น" ...๐