พลุ่งพล่านกันเหลือเกินว่า "ขั้วไหน" จะได้เป็นรัฐบาล และ "ใคร" จะได้เป็นนายกฯ?
ฉะนั้น.......
วันนี้ เรามาขยี้ให้สิ้นประเด็นสงสัยกันไปซักที
ดูการเมือง ก็เหมือนดูกีฬา สิ่งแรกต้องรู้คือ "กฎ-กติกา" ถ้าไม่รู้ เชียร์สะเปะ-สะปะ นอกจากทุเรศแล้ว
ยังเป็น "ตัวถ่วง" อีกตะหาก!
สิ่งแรกที่ต้องเข้าใจ การเลือกตั้ง ๒๔ มีนา ถึง ณ ขณะนี้ กกต.ประกาศผล "ส.ส.แบ่งเขต" ออกมาเพียง ๙๕%
แต่ละพรรค ได้ ส.ส.เขตกันคนละเท่าไหร่ "คะแนนรวม" ที่เรียกป๊อปปูลาร์โหวต ได้กันพรรคละเท่าไหร่?
ก็อย่างที่ประกาศ "ไม่เป็นทางการ"
เพื่อไทยได้ ส.ส.เขต ๑๓๗ ป๊อปปูลาร์โหวต ๗.๔ ล้าน พลังประชารัฐได้ ส.ส.เขต ๙๖ ป๊อปปูลาร์โหวต ๗.๙ ล้าน ประมาณนั้น
ยกเป็นตัวอย่างคร่าวๆ ประกอบการทำความเข้าใจ เพื่อตาม "เกมชิงเมือง" ครั้งนี้ ให้ทัน
ประเด็นแรกที่ต้องเข้าใจ......
ตัวเลขทั้งหมดที่ กกต.แถลง "ยังไม่เป็นทางการ" รวมทั้งจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งด้วย
ฉะนั้น อย่าเพิ่ง "ทึกทัก" ตามประกาศเวลานี้เป็นตายตัว
ประเด็นที่สอง.......
ตัวเลขทั้งหมดที่ออกมา เพียง ๙๕%
นั่นคือ ยังเหลืออีก ๕% ที่ต้องรอ กกต.แถลงผล
๕% จากจำนวน ๓๕ ล้านคนที่ออกมาใช้สิทธิ์เมื่อ ๒๔ มีนา คำนวณแล้วตกประมาณอีก ๑.๗ ล้านคน
๑.๗ ล้าน คือ........
ตัวเลขที่จะเป็น "ตัวเพิ่ม-ตัวลด" ในจำนวน ส.ส.เขตและ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ รวมถึงคะแนนป๊อปปูลาร์โหวตทุกพรรคที่ลงแข่งขัน
ฉะนั้น ทุกคนต้องเข้าใจให้ถูกต้องว่า
ก่อนถึง ๙ พฤษภา......
อย่าเพิ่งทึกทักทุกตัวเลข "ที่เห็น" ว่าเป็นเลข "ที่ใช่" ยังมีอีกตั้ง ๑.๗ ล้านคะแนน เป็นตัวแปร-ปัจจัยเปลี่ยน
ยังไม่นับรวม กรณีใบเหลือง-ใบแดง และการเลือกตั้งใหม่บางเขต "อันอาจมี"
จนกว่า ๙ พฤษภา กกต.ประกาศผลเลือกตั้ง "เป็นทางการ" แล้วนั่นแหละ
ทุกรายชื่อ ทุกตัวเลข จึงจะเป็น "ของจริง"
ยึดเป็น "ฐานคำนวณ" ได้ครบ ๑๐๐%!
ขั้นตอนนี้ เข้าใจกันหรือยังครับ เมื่อเข้าใจแล้ว เห็นพรรคไหน-ขั้วไหน อ้างสิทธิ์จัดตั้งรัฐบาล
ก็ให้เขาตั้งกันไป บนฐาน "ตัวเลขสมมุติ" ๙๕%
แต่ให้เข้าใจว่า อีก ๕% ผลออกมาเมื่อไหร่ ไอ้ประเภท ถ้าข้าได้เป็นธรรม แต่ถ้าข้าเสีย ก็โวยว่าถูกโกง แบบนั้น อย่าให้มี
ถ้ามี ต้องช่วยกันด่า.........
"แก่แล้วอย่าดอกตามไอ้สันดานแดนไกล" ที่มันเที่ยวเห่าให้สื่อรับใช้แปลงออกมาเป็นข่าวตอนนี้!
ที่เห็นทั้งเพื่อไทยและทั้งพลังประชารัฐ ต่างจัดตั้งรัฐบาลนั้น ไม่ต้องสับสน-วุ่นวายไปกับเขา
ก็อยู่ในเกณฑ์ "มีสิทธิ์" ด้วยกันทั้งคู่ คือ "จับขั้ว" แล้ว ทั้ง ๒ ฝ่าย ไม่มีฝ่ายไหนได้เสียง "เกินครึ่ง"
เพื่อไทยรวมพวกแล้ว ก็ ๒๔๐ กว่า พลังประชารัฐ ก็ ๒๔๐ กว่า จะถูก-จะแพงกว่ากัน ก็แค่ ๓-๔ เสียง
ถือว่า ชอบธรรมทั้ง ๒ ฝ่าย ส่วนใครจะชนะ ก็ขึ้นอยู่กับชั้นเชิง ลีลา ว่าฝ่ายไหนจะจีบพรรคพวกมารวมได้มากกว่า
ก็ไม่ต้องกลัว เมื่อเสียงยันกัน จะตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะคนร่างรัฐธรรมนูญเขามีประสบการณ์ "ปิดจุดตาย-เปิดทางเกิด" ไว้ให้เรียบร้อย
จะว่าไป เหมือนตอน "ต้มยำกุ้ง" ปี ๒๕๔๐ เราเจ๊งทางระบบเศรษฐกิจการเงิน-การคลัง แทบถูก "ทุนอเมริกัน" ยึดประเทศ
จากนั้น เรามีบทเรียนแล้ว ก็ออกกฎหมาย "อุดช่องโหว่" เป็นอานิสงส์ถึงวันนี้ ที่ทั่วโลกพบวิกฤติเศรษฐกิจการเงิน-การคลัง
แต่ไทยเรา "เสถียรประเทศ" แข็งแกร่ง-มั่นคงทางเศรษฐกิจการเงิน-การคลัง "มาตรฐานโลก" อันดับต้นๆ
ทำนองเดียวกัน ด้วยปัญหารัฐบาลยิ่งลักษณ์ ตัวนายกฯ สิ้นสภาพ เกิดสุญญากาศทางการบริหาร
เป็นปัญหาใหม่ ที่รัฐธรรมนูญตอนนั้น "ผ่าทางตัน" ระบอบทักษิณที่สร้างประชาธิปไตย "รัฐสภาเบ็ดเสร็จ" กินเมืองไม่ได้ จนคณะ คสช.ต้องเข้ามาควบคุมอำนาจปกครองประเทศ เมื่อพฤษภา ๕๗
ทำนองเดียวกันนั่นแหละ......
รัฐธรรมนูญ ๖๐ ที่ใช้ตอนนี้ ผู้ร่างจึงใช้ประสบการณ์นั้น เขียนเป็นกฎหมาย "ปิดจุดตาย" ไว้เรียบร้อย
ตามรัฐธรรมนูญก่อนๆ ตัวนายกฯ กับ ครม.มาพร้อมกัน แต่ตามรัฐธรรมนูญนี้ ระบุเลย
เปิดสภา (ราวๆ ปลายพฤษภา) ให้ ส.ส. ๕๐๐ กับ ส.ว. ๒๕๐ รวม ๗๕๐ คน
ประชุมร่วม โหวตเลือกตัวนายกฯ ก่อนเลย!
ตรงนี้ จะเห็นว่า ที่แย่งกันตั้งรัฐบาลตอนนี้ ไม่เด็ดสะระตี่เท่า พรรคไหน-ฝ่ายไหน...........
จะเสนอ "แคนดิเดตนายกฯ" คนไหนในฝ่ายตน ให้ ๗๕๐ ส.ส.-ส.ว.เป็นคนเลือก
ด้วยเกณฑ์ตามรัฐธรรมนูญ คือ คนไหนได้เสียงเกินครึ่งของทั้งสองสภา คือ ได้มากกว่า ๓๗๖ เสียง
คนนั้น ได้เป็นนายกฯ
แล้วนายกฯ เมื่อได้รับโปรดเกล้าฯ แล้ว ก็จะไปฟอร์ม ครม. "ตั้งรัฐบาล" ต่อไป
นี่ รัฐธรรมนูญ "ผ่าทางตัน" เลือกตั้งแล้ว "เสียงยันกัน" ก็มีทางออกให้เแบบนี้
จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก มี ส.ส.เกิน ๒๕๑ เสียงขึ้นไป หรือเป็นเสียงข้างน้อย ต่ำกว่า ๒๕๐ เสียงก็ตาม
ยังไงๆ ประเทศก็มีรัฐบาลและ "หัวหน้ารัฐบาล" ตามวิถีทางประชาธิปไตย ประเทศไม่เกิด "สุญญากาศ" ทางบริหารไว้ก่อน เป็นใช้ได้
เมื่อประเทศเข้าคลองประชาธิปไตยเรียบร้อยแล้ว ถ้าเสียงข้างมาก ก็ลอยฟ่องล่องทะเลไป
แต่ถ้าเป็นรัฐบาล "เสียงข้างน้อย" ตามที่วิพากษ์-วิจารณ์กันตอนนี้
รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ พอเปิดสภา ฝ่ายค้านถล่ม พอยกมือก็ "ล่มปากอ่าว" แล้ว!
ก็ดีนะซี....!
สมมุติ "พลังประชารัฐ" เป็น "รัฐบาลเสียงข้างน้อย" มีพลเอกประยุทธ์ เป็นนายกฯ
ตามเกมการเมือง เมื่อเป็นรัฐบาล ขั้นต้น ก็ต้องมีฝีมือในทางจับ "งูเห่า" มาเสริมให้เป็นเสียงข้างมากให้ได้
ฝีมือจับงู.....
ต้องยกให้ "สุริยะ-สมศักดิ์-อนุชา" เขา เพราะเป็น "หมองู" มือฉกาจ
หรืออีกทาง ไม่ชอบเล่นกับงู ฝ่ายค้านเปิดอภิปรายโค่นจะเป็นไรไป ก็พร้อม "ยุบสภา" ให้ประชาชนตัดสินกันใหม่อยู่แล้วนี่
ยังไงๆ "รัฐบาลรักษาการ-นายกฯ รักษาการ" ก็ยังอยู่ในมือ!
เห็นมั้ย เล่นไม่ยาก ประชาธิปไตยมันมีทางไปตามวิถี-ตามระบบอยู่แล้ว
ประเด็นที่ชี้ให้เห็น คือ ใครอยากตั้งรัฐบาล ให้ตั้งไป
รอไปลุ้นตอนเปิดประชุมรัฐสภาเลือกตัวนายกฯ ตอนนั้นมันกว่าเยอะ
ไม่ต้องกลัวว่าเลือกไม่ได้ หรือเลือกเอาคนเฮงซวยเป็นนายกฯ
เหตุที่มี ๒๕๐ ส.ว.ก็เพื่อ "ทะลวงทางตัน" และป้องกัน "เลือกคนเฮงซวย" นั่นแหละ
ในกรณี มี ส.ส.ยันกัน คือแต่ละฝ่าย เสียงก้ำกึ่งอย่างเป็นตอนนี้
๒๕๐ ส.ว.จะโหวตให้ฝ่ายไหนเป็นนายกฯ ด้วยเสียงสองสภารวมแล้วกว่า ๓๗๖
ถือว่า "ไม่น่าเกลียด" เพราะเสียงก้ำกึ่ง จะออกหัว-ออกก้อย ได้ทั้งนั้น!
ใคร "กระแนะ-กระแหน" ว่าพวกกัน ยันหงายท้องได้เลย!
หายข้องใจกันหรือยังล่ะ?
ไม่ต้องเครียด ยังมีคะแนนอีกร่วม ๒ ล้านให้ลุ้น ไม่ต้องเครียดเรื่องตั้งรัฐบาล ให้คะแนน "คี่-คู่" ไปอย่างนี้ดีแล้ว
ถึงตอนโหวตนายกฯ นั่นละ "ทีเด็ด" ประชาธิปไตย จะได้เห็นคนตั้งโต๊ะแหลกันเพลินๆ อีก!
พิษมันต้องล้างด้วยพิษ การเมืองประชาธิปไตยมันต้องไฉไลด้วยเล่ห์
เป็นคนต้องเป็นอย่างกระจ่า-ทัพพี อย่าเป็นอย่างสากกะเบือ
ดังนั้น ตอนนี้ ก็ดูเขาเถือกันไป เพราะมันรู้ตัวว่าพ่ายให้แก่ฝ่ายพลังประชารัฐแล้วนั่นแหละ
ทั้งลูกพี่-ลูกน้อง ถึงโวยว่า "ถูกโกง" ตามสันดาน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |