บริษัทแอร์บัสของฝรั่งเศสลงนามสัญญาขายเครื่องบินแอร์บัส 300 ลำให้แก่จีน มูลค่าราว 3 หมื่นล้านยูโร ในช่วงเวลาเดียวกับที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เยือนฝรั่งเศสและพบผู้นำยุโรปกระชับความร่วมมือ

ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง (ขวา) และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง (ซ้าย) เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามข้อตกลงระหว่างกีโยม โฟรี และเจีย เปาจวิน ประธานซีเอเอสซี ที่กรุงปารีส เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2562 / AFP

    สัญญาซื้อเครื่องบินจำนวน 300 ลำ ซึ่งมากเกินความคาดหมายในครั้งนี้ เทียบเท่ากับสัญญาที่จีนเคยสั่งซื้อเครื่องบินของโบอิ้ง 300 ลำ เมื่อครั้งที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางเยือนกรุงปักกิ่งเมื่อปี 2560 และเกิดในช่วงที่จีนพักการสั่งซื้อมานาน 1 ปีท่ามกลางภาวะตึงเครียดทางการค้าโลก

    คำสั่งซื้อแอร์บัสที่ลงนามกันที่กรุงปารีสเมื่อวันจันทร์ที่ 25 มีนาคมนั้น เป็นการลงนามระหว่างแอร์บัสกับบริษัท ไชน่าเอวิเอชั่นซัพพลายส์โฮลดิ้ง (ซีเอเอสซี) หน่วยงานจัดซื้อของรัฐที่มักประสานงานการทำข้อตกลงที่สร้างความฮือฮาระหว่างการเยือนกระชับความสัมพันธ์ทางการทูตของบรรดาผู้นำจีน โดยเป็นคำสั่งซื้อเครื่องบินตระกูล เอ320 จำนวน 290 ลำ และเอ350 เอ็กซ์ดับเบิลยูบี อีก 10 ลำ

    เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสกล่าวกันว่า ข้อตกลงนี้มีมูลค่าประมาณ 30,000 ล้านยูโรตามราคาในแคตาล็อก หรือราว 1,073,000 ล้านบาท แต่ตามปกติผู้ผลิตเครื่องบินมักขายถูกกว่านั้น

    รายงานรอยเตอร์เมื่อวันอังคารกล่าวว่า ไม่มีหลักฐานบ่งชี้ความเกี่ยวโยงโดยตรงระหว่างข้อตกลงของแอร์บัส กับความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ หรือปัญหาที่เกิดกับเครื่องบินของโบอิ้ง ซึ่งตระกูล 737 แมกซ์ถูกระงับบินทั่วโลกสืบเนื่องจากเหตุเครื่องบินตกที่อินโดนีเซียและเอธิโอเปีย โดยจีนเป็นชาติแรกที่สั่งระงับบินโบอิ้งรุ่นนี้ แต่นักจับตาจีนหลายคนชี้ว่า จีนเคยมีประวัติส่งสัญญาณทางการทูตผ่านการทำข้อตกลงลักษณะนี้มาแล้ว

    ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส กล่าวระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงว่า การทำสัญญาซื้อเครื่องบินมูลค่ามหาศาลนี้เป็นความก้าวหน้าที่สำคัญ และเป็นสัญญาณอันยอดเยี่ยมในบริบทปัจจุบัน

    สีมาเยือนฝรั่งเศสต่อจากอิตาลี ซึ่งเป็นสมาชิก จี7 ชาติแรกที่ได้ลงนามเข้าร่วมโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีน ในวันอังคาร สีได้ประชุมร่วมกับมาครง, นางอังเกลา แมร์เคิล นายกฯ เยอรมนี และฌอง-โคลน ยุงเคอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป โดยเขาได้กล่าวย้ำว่าจีนและยุโรปหลอมรวมเข้าหากันมากขึ้นในประเด็นระดับโลก ตั้งแต่เรื่องภาวะโลกร้อนจนถึงเรื่องการค้า และเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายเอาชนะความระแวงคลางแคลงให้ได้.