26 มี.ค.62 - รู้จักเกล็ดเกี่ยวกับหนังสือที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แนะนำให้อ่าน นั่นคือ "สู่จุดจบ" โดย ดร.ไสว บุญมา ที่เผยแพร่ในผู้จัดการออนไลน์เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2555
สู่จุดจบ! หลังเจ็ดปีที่ต้องจำใจอยู่ในป่า
ณ วันนี้ ผู้สนใจในหนังสือเรื่อง สู่จุดจบ ! The Coming Collapse of Thailand สามารถเข้าไปดึงออกมาจากระบบอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่ต้องเสียเงินโดยเฉพาะที่เว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์แนวหน้า บทความนี้จึงมิใช่การโฆษณาขายหนังสือ เนื่องจากหนังสือประสบปัญหาที่น่าประหลาดใจ จึงขอนำมาเล่าเท่าที่จำได้และพูดถึงเบื้องหลังเบื้องหน้าพร้อมเนื้อหาบางส่วนที่ผมคิดว่าคนไทยควรให้ความใส่ใจ
ในเบื้องแรก ผมตั้งชื่อหนังสือสั้นๆ ว่า “สู่จุดจบ!” เพราะตั้งใจจะเปิดให้ผู้อ่านตีความหมายได้หลายอย่างรวมทั้งจุดจบของเมืองไทย จุดจบของผู้ที่นำระบบเลวร้ายเข้ามาใช้ในเมืองไทย และจุดจบของผู้เขียนที่บังอาจวิจารณ์ผู้มีอำนาจบาตรใหญ่ไปในทางลบ แต่คงด้วยความหวังดี บรรณาธิการจึงจำกัดประเด็นลงให้เหลือเพียง “จุดจบของเมืองไทย” โดยวิธีเพิ่มชื่อรองเป็นภาษาอังกฤษเข้าไปคือ The Coming Collapse of Thailand
เนื้อหาของหนังสือส่วนใหญ่เขียนในช่วงหลังของปี 2548 ต่อกับต้นปี 2549 อันเป็นตอนหลังของการเลือกตั้งปี 2548 ซึ่งพรรคการเมืองที่กำลังเรืองอำนาจชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายส่งผลให้ผู้ที่ในขณะนี้เป็นนักโทษชายหนีคดีอาญาไทยอยู่ในต่างประเทศ ทักษิณ ชินวัตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 2 พร้อมกันนั้น มันยังทำให้คนไทยจำนวนมากมองว่าเมืองไทยจะไปโลดเพราะพวกเข้าเห็นว่าการเมืองจะมีเสถียรภาพและมีนายกรัฐมนตรีที่แสนจะเฉลียวฉลาดและเก่งกาจอีกด้วย
แต่ผมมองไปในทางตรงข้าม ผมมองว่าเมืองไทยเสี่ยงต่อการล้มละลาย หรืออาจถึงล่มสลายหายนะสูงขึ้นมากหลังจากการเลือกตั้งปี 2548 ได้ก่อให้เกิดเผด็จการจากการเลือกตั้งดังที่เกิดขึ้นในเยอรมนีก่อนที่อดอล์ฟ ฮิตเลอร์จะนำประเทศนั้นไปสู่ความหายนะจากการทำสงครามโลกครั้งที่ 2 นั่นเป็นแรงจูงใจในการเขียนหนังสือออกมาเพื่ออรรถาธิบายต้นเหตุแห่งความเชื่อนั้น
หลังจากได้รับต้นฉบับ สำนักพิมพ์โอ้ พระเจ้า พับลิชชิ่งได้นำไปเสนอต่อผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่รายหนึ่งซึ่งเพิ่งจัดจำหน่ายหนังสือขายดีเรื่อง คิดนอกคอก ทำนอกคัมภีร์ ของผมไปหยกๆ ข้อมูลที่บ่งชี้ว่าหนังสือขายดีได้แก่การพิมพ์ซ้ำติดต่อกันในเวลาอันสั้นถึง 6 ครั้ง แต่ผู้จัดจำหน่ายนั้นปฏิเสธที่จะรับจัดจำหน่ายทำให้สำนักพิมพ์ประหลาดใจมากเนื่องจากตามปกติเมื่อหนังสือเล่มก่อนของผู้เขียนคนเดียวกันขายดี ผู้จัดจำหน่ายมักพร้อมที่จะรับจัดจำหน่ายเล่มต่อไปเพราะชื่อของผู้เขียนอาจติดตลาดเป็นอย่างดีแล้วอันจะเป็นผลดีต่อยอดจำหน่ายของหนังสือเล่มต่อไปด้วย
แต่ผู้จัดจำหน่ายรายนั้นปฏิเสธโดยปราศจากการให้เหตุผลจนสำนักพิมพ์ต้องไปแสวงหาผู้จัดจำหน่ายใหม่ อย่างไรก็ตาม เคราะห์กรรมของสำนักพิมพ์โอ้ พระเจ้า พับลิชชิ่งยังไม่สิ้นสุด ทั้งนี้เพราะหลังเวลาผ่านไปข้อมูลบ่งว่าหนังสือขายไม่ออก การค้นหาเหตุปัจจัยที่ทำให้หนังสือได้รับการตอบรับต่ำกว่าคาดหมายพบว่าหนังสือส่วนใหญ่ยังกองอยู่ในคลังของสายส่ง ทั้งนี้เพราะผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ซึ่งมีร้านขายปลีกของตนเองอยู่ทั่วประเทศปฏิเสธที่จะรับ หรือส่งหนังสือกลับเข้าคลังโดยไม่รับวางจำหน่ายตามปกติเสียก่อน
การค้นหาเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวไม่ได้ข้อมูลพอที่จะพิสูจน์อะไรได้แบบมั่นใจเต็มร้อยนอกจากข้อสงสัย นั่นคือ ผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทจัดจำหน่ายรายใหญ่นั้นได้เปลี่ยนมือไปเป็นของผู้ที่อยู่ในแวดวงของผู้มีอำนาจในรัฐบาล ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้สรุปว่าหนังสือถูกปิดกั้น หรือกลั่นแกล้งจากฝ่ายการเมือง
เรื่องเงียบหายไปกระทั่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ จึงมีผู้ไปพบว่าหนังสือถูกนำไปขึ้นเว็บไซต์โดยผมเองก็ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ทำ ข้อมูลนั้นถูกนำมาปันกันในสังคมออนไลน์ ปรากฏว่ามีผู้สนใจเข้าไปดึงออกมาอ่านและแสดงความต้องการที่จะซื้อหนังสือซึ่งผมเองก็ไม่ทราบว่าสำนักพิมพ์ยังมีอยู่อีกหรือไม่ ส่วนในมือผมซึ่งขณะนี้อยู่ในต่างประเทศมีเพียงเล่มเดียว นอกจากนั้น ยังมีผู้ต้องการทำสำเนาไปแจกจ่ายให้กัลยาณมิตรของตนซึ่งผมอนุญาตให้ทำได้ตามความประสงค์
การออกมาสู่สายตาของสาธารณชนอย่างเสรีของ สู่จุดจบ! The Coming Collapse of Thailand ครั้งนี้จึงคล้ายได้ออกจากป่าหลังได้จำใจไปวนเวียนอยู่ในนั้นมากว่า 6 ปี
จริงอยู่ในการออกมาสู่สายตาสาธารณชนตามเว็บไซต์ครั้งนี้ บางแห่งมีข้อความติดมาด้วยในแนวที่ว่าเป็นหนังสือที่ทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องการให้คนไทยอ่านเนื่องจากเนื้อหาบางตอนวิจารณ์เขาไปในทางลบ แต่ผมไม่เชื่อว่าคนที่มีภาระมากมายเช่นเขาจะเสียเวลามาให้ความใส่ใจในเรื่องที่ปลาซิวปลาสร้อยอย่างผมเขียน และผู้ที่มีส่วนในการปิดกั้นหนังสือนั้นทำไปโดยอำเภอใจเพราะไม่มีความฉลาดปราดเปรื่องเพียงพอ
นอกจากนั้น ผู้ที่ได้เข้าไปอ่านหนังสือจากต้นจนจบจะพบข้อสรุปที่ว่า เมืองไทยจะเดินไปสู่ความล้มละลาย หรือล่มสลายหายนะในเร็ววันหรือไม่ ทักษิณเป็นเพียงปัจจัยเดียวเท่านั้น เมืองไทยมีปัญหามานานแล้ว ทักษิณเข้ามาสร้างตัวเร่งที่จะทำให้ความหายนะเกิดเร็วขึ้น
ก่อนไปถึงข้อสรุปดังกล่าว หนังสืออ่านสถานการณ์ของเมืองไทยในบริบทของการพัฒนาระยะยาวซึ่งมีเรื่องราวของความก้าวหน้า ความล้าหลังและความล่มสลายของสังคมต่างๆ ทั่วโลก ปัญหาของเมืองไทยเกิดจากปัจจัยหลายอย่างรวมทั้งการพัฒนาที่อาศัยการทำลายสิ่งแวดล้อม การอาศัยลมหายใจของคนอื่นทั้งที่ตนมีทรัพยากรธรรมชาติหลากหลาย ความฉ้อฉล ความไม่เป็นธรรมในสังคม และการเดินไปตามกระแสของการพัฒนาโดยปราศจากรากแก้ว หรือแนวคิดอันมั่นคงของตนเอง
จากมุมมองของประวัติศาสตร์ ปัญหาที่เกิดมาจากปัจจัยเหล่านั้นมีความร้ายแรงแฝงอยู่แต่ไม่ค่อยมีผู้มองเห็น ทักษิณนำแนวคิดและวิธีการใหม่ๆ เข้ามา แต่แทนที่จะช่วยแก้ปัญหา แนวคิดและวิธีการใหม่ที่รวมกันเข้าไปเรียกกันว่า “ระบอบทักษิณ” จะเป็นตัวเร่งให้เกิดความล่มจมเร็วขึ้น
คำว่า “ระบอบทักษิณ” ถูกตีความแตกต่างกันออกไป หนังสือเล่มนี้จึงชี้ให้เห็นส่วนหนึ่งและเว้นที่ว่างไว้ในหน้ากระดาษเพื่อให้ผู้อ่านเพิ่มส่วนประกอบต่างๆ ที่ตนเห็นว่าน่าจะรวมไว้เข้าไปด้วย หนังสือเสนอว่า ส่วนประกอบเบื้องต้นของระบอบทักษิณนั้นมีด้วยกัน 5 ด้านคือ
ด้านแนวคิดพื้นฐานของการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจซึ่งเป็นไปตามแนวคิดกระแสหลักของสังคมโลก แนวคิดนี้กำลังมีปัญหาสาหัสเนื่องจากมันหมดสมัยไปแล้ว
ด้านยุทธศาสตร์ตะเกียบสองขาที่มีการกระตุ้นการส่งออกและการบริโภคแบบสุดโต่งเป็นส่วนประกอบ ยุทธศาสตร์นี้สร้างภาวะหนี้สินล้นพ้นตัวและอาศัยลมหายใจของผู้อื่นเพิ่มขึ้น มันจึงเป็นทางสร้างปัญหามากกว่าการพัฒนาแบบยั่งยืน
ด้านวิธีบริหารบ้านเมืองแบบ “คิดใหม่-ทำใหม่” ซึ่งกลายเป็นการ “สุกเอา-เผากิน” อันเป็นการทำให้สูญเสียทรัพยากรโดยเปล่าประโยชน์จำนวนมหาศาล การนำนโยบายประชานิยมแบบเลวร้ายเข้ามาใช้เป็นตัวสร้างปัญหาร้ายแรงที่สุด
ด้านการตั้งบรรทัดฐานทางการเมืองซึ่งแฝงการเป็นเผด็จการแนวของฮิตเลอร์ไว้หลังการโฆษณาว่าเป็นประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ และ
ด้านภาวะผู้นำและพฤติกรรมส่วนตัวของทักษิณเองซึ่งรวมทั้งการขาดวุฒิภาวะทางอารมณ์ ใจแคบ พูดอย่างทำอย่าง ใช้หลักศรีธนญชัย ปากไวแบบไร้สติ ใช้อำนาจบาตรใหญ่และไม่ยอมออมชอมกับใคร
หนังสือย้ำเน้นว่าบางส่วนของระบอบทักษิณได้ฝังลึกเข้าไปในสังคมไทยแล้วตั้งแต่วันที่เขียนหนังสือเมื่อราว 7 ปีที่ผ่านมาหลังจากทักษิณครองอำนาจอยู่เพียง 5 ปี ตัวทักษิณจะอยู่ในเมืองไทยอีกต่อไปหรือไม่จึงไม่มีความสำคัญ ระบอบชั่วร้ายนั้นจะยังสามารถทำให้เมืองไทยประสบปัญหาหนักหนาสาหัสจนถึงล่มสลายหายนะได้
เหตุการณ์หลังการยึดอำนาจของทหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ที่ส่งผลให้ทักษิณต้องเร่ร่อนอยู่ในต่างประเทศได้พิสูจน์แล้วใช่ไหมว่าปัญหาของเมืองไทยหยั่งรางเหง้ามานานและการไม่มีทักษิณอยู่ในเมืองไทยมิได้หมายความว่าปัญหาจะลดลง ตรงข้ามมันกลับร้ายแรงยิ่งขึ้น ฉะนั้น การโทษคนคนเดียวเป็นการมองแคบเกินไปและการป้องกันความหายนะจะต้องกำจัดความเลวร้ายที่ฝังลึกอยู่ในสังคมไทยมาก่อนพร้อมกับการกำจัดระบอบทักษิณ ไม่ใช่กำจัดตัวทักษิณเท่านั้น ส่วนจะทำอย่างไรก็ต้องมาช่วยกันคิดและช่วยกันทำอย่างจริงจังตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป.
ต้นฉบับ ขอบคุุณผู้จัดการออนไลน์
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |