"ชวน" ปลอบสมาชิก ปชป.แพ้เลือกตั้งอย่าเสียขวัญ ให้มั่นใจจุดยืนยึดความสุจริต "มาร์ค" มอบ "จุรินทร์" รักษาการหัวหน้า ก่อนที่จุรินทร์จะนัดประชุมรักษาการ กก.บห. 29 มี.ค.นี้ "หมอวรงค์"  ซัดเป็นความผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ ต้องสู้กับเพื่อไทยไม่ควรไปสู้กับ "ประยุทธ์" จน ปชช.เบื่อหน่ายลงโทษกลายเป็นซากปรักหักพัง แนะปิดห้องเปิดใจคุยกันเพื่อเปลี่ยนแปลง ปชป.ครั้งใหญ่
    ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) วันที่ 25 มีนาคม นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ปชป.ให้สัมภาษณ์กรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลาออกจากหัวหน้าพรรค หลังพ่ายแพ้การเลือกตั้ง เพื่อให้เลือกกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ชุดใหม่ว่า สิ่งที่นายอภิสิทธิ์ปฏิบัติไปนั้นเป็นไปตามคำมั่นสัญญา ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ เมื่อพูดอะไรไปแล้วก็ต้องทำ แต่จากนี้ไปจะเป็นหน้าที่ของ กก.บห.พิจารณาว่าจะสมควรดำเนินการอย่างไร เช่นจะให้ใครเป็นผู้รักษาการและจะจัดการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคอย่างไร สิ่งเหล่านี้จะเป็นไปตามข้อบังคับพรรค
    ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะที่ทำงานการเมืองมายาวนานมองว่าจุดยืนของพรรค ปชป.ในตอนนี้ควรเป็นอย่างไร นายชวนกล่าวว่า ก็ยืนอยู่ตรงนี้ ยืนอยู่ในจุดที่ว่าขอให้ทุกคนไม่เสียขวัญ และขอให้มั่นใจในจุดยืนที่ยึดความสุจริต ซึ่งตนได้ส่งข้อความทางไลน์บอกกับทุกคนว่าการเมืองสุจริตเป็นเรื่องยาก การที่เราจะชนะการเลือกตั้งในแต่ละเขต เราไม่เคยสบาย เพราะจะต้องทำงานหนัก เนื่องจากเราไม่ได้ใช้ระบบซื้อเสียงหรือโกง จึงทำให้ต้องมีงานหนัก ขณะเดียวกันการสู้กับคนทุจริตก็ไม่ใช่เรื่องง่าย จึงขอให้ทุกคนมั่นใจในจุดยืนนี้ การที่ต้องเตือนอย่างนี้อาจมีหลายคนหวั่นไหว แต่คนที่ผ่านประสบการณ์มาแล้วก็เชื่อมั่นในความถูกต้อง 
    "ผมเห็นใจเพื่อนๆ เพราะมีหลายคนที่ดึงเขามาแล้วแพ้การเลือกตั้ง ซึ่งเรารู้สึกเห็นใจเขา เพราะเหมือนไปทำให้เขามีปัญหา แต่ที่จริงแล้วการเมืองก็เป็นอย่างนี้ พรรคผ่านเหตุการณ์มามาก แต่เราไม่อยากเห็นภาพอย่างนี้ขึ้นในปี 62 ตอนนี้เวลาผ่านมา 90 ปี ไม่ควรมีภาพทุจริตและการซื้อเสียงรุนแรงมากขนาดนี้ และไม่ควรมีการใช้เจ้าหน้าที่ไปคุกคาม แต่ตอนนี้ก็ยังมีอยู่ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ต้องได้รับการแก้ไขต่อไป"
    นายชวนกล่าวว่า ค่านิยมของคนจะเปลี่ยนไป แต่ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในความถูกต้องและความชอบธรรม มิฉะนั้นทุกคนจะไขว้เขวหรือเอนเอียงไปในวิธีใดวิธีหนึ่งที่จะทำให้ชนะได้ ซึ่งถ้าคิดแบบนั้นทุกคนก็จะไปซื้อเสียงกันหมด สุดท้ายก็จะแข่งกันซื้อเสียง แล้วประเทศจะตกอยู่ในมือของคนที่มีเงินซื้อเสียง ขอให้ประชาชนผู้ที่ยังเชื่อมั่นในความถูกต้องพร้อมกับช่วยกันสร้างความถูกต้องให้กับประเทศ  เลือกคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง 
    เมื่อเวลา 12.45 น. นายอภิสิทธิ์เดินทางเข้าที่ทำการพรรค โดยสื่อมวลชนสอบถามว่าวันนี้มีการประชุม กก.บห.หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวสั้นๆ ว่า "ไม่มี" เมื่อถามว่ามีการหารือวาระอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวย้ำว่า "ไม่มี" จากนั้นได้เดินขึ้นไปที่ห้องทำงานส่วนตัว โดยไม่มีการให้สัมภาษณ์ใดๆ แต่อย่างไรก็ตามนายอภิสิทธิ์ยังมีสีหน้ายิ้มแย้ม ต่างจากช่วงเมื่อคืนที่แถลงประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค
     ขณะที่นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค ได้เดินทางเข้ามายังที่ทำการพรรคเช่นกัน โดยเดินทางมาถึงก่อนหน้านายอภิสิทธิ์เพียงเล็กน้อย โดยนายกรณ์กล่าวสั้นๆ ว่า "หัวหน้าเรียกมาคุย จิบกาแฟปรับทุกข์"       
    ต่อมาเวลา 15.45 น. นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือกับ กก.บห.ว่า ภายหลังจากที่ตนลาออกจากหัวหน้าพรรค ชุดรักษาการจะยังคงเป็น กก.บห.ชุดเดิมจนกว่าจะมี กก.บห.ชุดใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง ทั้งนี้ตนได้แต่งตั้งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรค ให้เป็นผู้ดำเนินการรักษาการแทน โดยมีเรื่องที่จำเป็นต้องทำตามข้อบังคับพรรคคือ ต้องจัดประชุมใหญ่เพื่อให้มีการรับรองงบดุลประจำปี และจัดการให้มีการเลือก กก.บห.ภายใน 60 วัน รวมไปถึงการตัดสินใจทางการเมืองซึ่งเป็นหน้าที่ของ กก.บห.และ ส.ส.ใหม่ แต่จะติดปัญหาตรงที่ ส.ส.ดังกล่าวต้องรอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรอง ดังนั้นนายจุรินทร์และ กก.บห.คงจะหาเวลาประชุมกัน
        ด้านนายจุรินทร์กล่าวถึงการประชุม กก.บห.ภายหลังนายอภิสิทธิ์ลาออกว่า จะมีการประชุมกันในวันที่ 29 มีนาคมนี้ เวลา 10.00 น. โดยในการประชุมดังกล่าวจะมีการรับรองงบดุลของพรรค และการดำเนินการจัดงานครบรอบวันเกิดของพรรคครบ 73 ปี ในวันที่ 6 เมษายน 2562 แต่ยังไม่ได้มีการเลือก กก.บห.ชุดใหม่ ซึ่งตามข้อบังคับพรรคจะกำหนดวันเลือก กก.บห.ชุดใหม่ภายใน 60 วัน โดยจะต้องมีการพูดคุยกันอีกครั้งว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมควรจะเป็นเมื่อไหร่
      นายถาวร เสนเนียม ผู้สมัคร ส.ส.สงขลา ปชป. ให้สัมภาษณ์ผ่านสถานีข่าวเนชั่นกรณีนายอภิสิทธิ์ ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคหลังพ่ายการเลือกตั้งว่า เป็นเยี่ยงอย่างของนักการเมือง เมื่อลั่นวาจาไว้อย่างไรในฐานะผู้นำองค์กรก็ต้องแสดงสปิริต และเชื่อว่าในพรรคยังมีคนที่สามารถทำหน้าที่ได้อีก  โดยนายอภิสิทธิ์จะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาที่ดีให้หัวหน้าพรรคคนใหม่ได้
    เมื่อถามถึงผลการเลือกตั้งของพรรค ปชป.ในภาคใต้ นายถาวรกล่าวว่า ประชาชนคงกลัวความวุ่นวาย และความไม่เป็นเอกภาพอันก่อให้เกิดการชุมนุมและต่อต้านระหว่างกลุ่มการเมืองด้วยกัน อีกทั้งเป็นการกีดกันคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ และต้องการให้คนดีเข้ามามีอำนาจ
    ที่ จ.พิษณุโลก นพ.วรงค์ เดชกิจกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรค ปชป.เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ตนยอมรับความพ่ายแพ้ครั้งนี้ แต่ความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ไม่ใช่ความพ่ายแพ้ของตนเองเท่านั้น แต่เป็นความพ่ายแพ้ของพรรค ปชป.ทั่วประเทศ ไม่ใช่แค่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากตัวผู้สมัครอย่างเดียว แต่ปัญหาใหญ่คือพรรคมีความผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ ที่ผ่านมาเราควรต่อสู้กับพรรคเพื่อไทยมากกว่าเพราะเป็นศัตรูของ ปชป. ไม่ควรไปต่อสู้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกฯ และหัวหน้า คสช. พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งควรเป็นแนวร่วม สู้กันพอประมาณ ซึ่งประเมินความผิดพลาดเป็นอย่างมาก 
    "พรรคเราเปิดเกมที่เราไม่ถนัด ประชาธิปัตย์เป็นพรรคเก่าแก่กว่า 70 ปี เรากลับไปเปิดเกมกับคนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นเกมที่เราไม่ถนัด 3 สิ่งนี้มันทำให้ประชาชนเบื่อหน่ายเรา ความเชื่อมั่นของพรรคประชาธิปัตย์ลดน้อยลง และสุดท้ายประชาชนก็ลงโทษเรา ซึ่งทำให้เห็นว่าวันนี้กรุงเทพฯ เราสูญพันธุ์ ภาคเหนือเหลือเราแค่คนเดียว อีสาน 2 ภาคใต้ก็หายไปเยอะ และหลายพื้นที่ก็หายไปเยอะมาก"
    นพ.วรงค์กล่าวต่อว่า ในเมื่อเกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาก็ไม่ท้อแท้ ซึ่งถึงเวลาที่พวกเรา ปชป.ต้องปิดประตูห้องมาคุยกัน เพราะวันนี้นักรบในพื้นที่ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของพรรคเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ คนชนะเป็นคนส่วนน้อย เราต้องเปิดใจคุยกันในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพรรค ปชป.ครั้งใหญ่ ทั้งเปลี่ยนวิธีคิดวิธีทำงาน เปิดใจให้กว้างรับฟังความคิดเห็นคนส่วนใหญ่และเดินหน้าไปด้วยกัน ไม่ใช่เดินหน้าเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
    ผู้สื่อข่าวถามว่า อนาคตหลังจากนี้ของ นพ.วรงค์จะเดินไปในทิศทางใด อดีตผู้ท้าชิงหัวหน้า ปชป. กล่าวว่า ตนเองพูดเสมอว่าพรรคประชาธิปัตย์คือบ้านของตน จากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นเราจะต้องไปพูดคุยกัน และต้องมาช่วยสร้างพรรคขึ้นมาใหม่ อาจจะต้องใช้เวลาหน่อย เพราะครั้งนี้ไม่ใช่แค่อับปางแค่เล็กน้อย แต่มันกลายเป็นซากปรักหักพัง ซึ่งต้องใช้เวลาและใช้พลังร่วมกัน
    "ผมมีเงื่อนไข 2 ข้อคือ ผู้ที่เป็นผู้บริหารพรรคต้องชนะ หรือมากกว่าเดิม เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าคนนำพาพรรคจะต้องพาไปเรื่อยๆ หากไม่ได้ข้อใดข้อหนึ่งก็คงต้องออก เพื่อให้คนใหม่เข้ามา พรรคจะได้โตขึ้นเรื่อยๆ ไม่ควรอยู่ต่อ และต้องเน้นย้ำคือไม่ควรมีการสืบทอดอำนาจในพรรคประชาธิปัตย์ เราต้องเปิดใจให้กว้าง พวกเราที่อยู่บ้านหลังนี้คือพรรคประชาธิปัตย์ อย่าไปกล่าวหากัน ช่วยกันทำงาน" นพ.วรงค์ กล่าว .