การเมือง 'ไฮบริด' หลังเลือกตั้ง


เพิ่มเพื่อน    

    ผลการเลือกตั้งวันอาทิตย์ที่ผ่านมาจะทำให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ภาวะ “การเมืองไฮบริดผสมผสาน” หรือ hybrid อีกครั้งหนึ่ง เป็นก้าวใหม่ที่ไม่ว่าจะยุ่งยากสลับซับซ้อนอย่างไรก็จะต้องประคับประคองให้พ้นกับดักเดิมๆ ที่หลอกหลอนคนไทยมายาวนานให้ได้
    ที่ผมเรียกเป็น “Hybrid Politics” ก็เพราะดูจากปรากฏการณ์ที่คนรุ่นใหม่เทคะแนนให้กับพรรคอนาคตใหม่อย่างคักคักเกินความคาดหมายเดิมๆ ทั้งหมด 
    เป็นเสียงตะโกนดังก้องคูหาเลือกตั้งทั่วประเทศที่ต้องการ “ความเปลี่ยนแปลง”
    ขณะเดียวกันเราก็เห็นผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งเทใจให้กับพรรคพลังประชารัฐที่เป็นตัวแทนของการเมืองแบบเก่า และเป็นสัญลักษณ์ของ “การต่อเนื่องและความสงบ”
    ผมเห็นการมาบรรจบของสองกระแสนี้ที่ไปกันคนละทาง แต่สะท้อนถึงความต้องการของคนสองรุ่นสองแนวคิดที่ปรากฏตัวออกมาอย่างชัดเจน
    อีกด้านหนึ่งคือการล่มสลายของพรรคเก่าแก่ที่สุดของประเทศอย่างพรรคประชาธิปัตย์ และการสะดุดหยุดลงของพรรคเพื่อไทยอาจจะถือได้ว่าเป็นตัวแทนของการเมืองแห่งความขัดแย้งในอดีต
    แต่ก็ต้องยอมรับว่าพรรคเพื่อไทยยังสามารถรักษาฐานเสียงของตนในบางภาคในระดับหนึ่ง แม้จะถูกเจาะโดยพรรคคู่แข่งและพันธมิตรในหลายๆ กรณี
    ความหวังให้คนออกมาลงคะแนนให้อย่างถล่มทลายดั่งที่หาเสียงไม่เกิดขึ้น
    และเราได้เห็นพรรคเก่าแก่ที่สุดของประเทศเผชิญกับคำตัดสินของประชาชนที่ต้องการการเมืองอีกรูปแบบหนึ่ง
    ความยุ่งยากที่กำลังจะเกิดขึ้นคือ ใครจะได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล
    หากจะบอกว่า “พรรคที่ได้ที่หนึ่ง” ในการเลือกตั้งครั้งนี้ควรจะได้โอกาสตั้งรัฐบาลก่อน ก็จะมีคำถามว่าจะนับ “ที่หนึ่ง” อย่างไร
    เพราะพรรคหนึ่งอาจได้คะแนนเสียงรวม หรือ popular votes มากกว่าอีกพรรคหนึ่ง แต่เมื่อคำนวณตามข้อกำหนดในกติกาใหม่แล้วอาจมีจำนวนที่นั่งจริงๆ ในสภาทั้งจากการเลือกตั้งเขตและในบัญชีรายชื่อน้อยกว่า
    และแม้จะบอกได้ว่าพรรคสองพรรคใหญ่ควรจะมีโอกาสชักชวนพรรคอื่นๆ มาร่วมรัฐบาลก็มีประเด็นว่า เสียงที่รวบรวมได้นั้นจะไม่มีเสียงข้างมากถึง 300 เสียง เพื่อให้การบริหารบ้านเมืองดำเนินไปอย่างเรียบร้อย
    ด้วยเหตุนี้จึงอาจจะเกิดกรณี “ถึงทางตัน” หรือ deadlock ทั้งสองฝั่ง ทำให้ไม่อาจจะขยับขับเคลื่อนตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพได้
    คำว่า “รัฐบาลไร้เสถียรภาพ” เป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาสำหรับผู้คนทุกวงการ แต่เมื่อผลการเลือกตั้งออกเช่นนี้ กลุ่มการเมืองทั้งหมดจึงมีหน้าที่จะต้องหาทางออกเพื่อทำให้การบริหารบ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้
    แน่นอนว่าโดยประเพณีปฏิบัติระดับสากลแล้ว ความไร้เสถียรภาพทางการเมือง เพราะรัฐบาลไม่มีเสียงข้างมากเด็ดขาดมิใช่เป็นเรื่องที่ผิดปกติเสมอไป แต่ก็ควรจะเป็นกรณีชั่วคราวเมื่อผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงตัดสินออกมาเช่นนั้น
    รัฐบาลผสมในลักษณะนี้จึงควรจะเป็นทางออกชั่วคราวเพื่อรอจังหวะที่จะเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เลือกใหม่เพื่อนำไปสู่ “คณิตศาสตร์การเมือง” อีกสูตรหนึ่งที่จะทำให้ประเทศชาติหลุดออกจากมุมอับได้
    ตัวเลขที่นั่งของสภาล่าสุดจาก กกต. เมื่อนับไปแล้ว 94% เมื่อวานนี้สะท้อนถึงความยุ่งยากในการตั้งรัฐบาลผสมครั้งนี้
    เพราะหากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนตั้งรัฐบาลและชักชวนพรรคอนาคตใหม่และภูมิใจไทยกับพรรคเล็กๆ อื่นๆ มาร่วมอาจจะมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งได้ แต่ก็จะมีประเด็นว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีหากแกนนำของพรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นสมาชิกสภาฯ
    หรือถึงขั้นมีการต่อรองจากหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยหรืออนาคตใหม่ที่จะอาสาเป็นนายกฯ ในสูตรนี้?
    ขณะเดียวกันหากพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนตั้งรัฐบาล แม้จะมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ อีกรอบหนึ่ง แต่การชักชวนพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมพร้อมกับพรรคเล็กๆ อีกจำนวนหนึ่ง เสียงในสภาล่างของรัฐบาลก็จะเข้าลักษณะ “หืดขึ้นคอ”
    อีกทั้งจะเกิดปรากฏการณ์​ “งูเห่า” ขึ้นได้ไม่ยาก เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้บังคับให้ ส.ส.ต้องยกมือตามมติของพรรคที่ตนสังกัด 
    การต่อรองและความโกลาหลในกระบวนการผ่านกฎหมายและการบริหารบ้านเมืองของรัฐบาลใหม่ก็จะเผชิญกับอุปสรรคไม่น้อยเช่นกัน
    แม้ขั้วการเมืองนี้จะหวังพึ่งเสียงจากสมาชิกวุฒิสภาแต่งตั้ง 250 เสียงได้ แต่ก็มิได้รับรองความมั่นคงยั่งยืนเสมอไป
    ทั้งหมดนี้ไม่ได้แปลว่าผลการเลือกตั้งเช่นนี้เป็นปัญหาใหญ่โตอันใด หากแต่เป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นได้ ทั้งในประเทศไทยเองในอดีตและในต่างประเทศ
    สิ่งสำคัญที่นักการเมืองทุกพรรคทุกฝ่ายในสภาฯ จะต้องร่วมกันหาสูตรการทำงานทั้งในฐานะฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ที่จะตอบสนองความคาดหวังของประชาชนที่ได้ออกมาใช้สิทธิ์หลังจากที่รอคอยมาถึง 8 ปี
    การเมืองไฮบริดท้าทายความสามารถและวิสัยทัศน์ของนักการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งทุกคน 
    จึงเป็นหน้าที่ที่พวกท่านทั้งหลายจะต้องแสดงความพร้อมที่จะหาทางออกอย่างสร้างสรรค์, เสียสละและรับผิดชอบต่อทุกคะแนนเสียงที่ได้แสดงออกถึงความต้องการกลับเข้าสู่ระบอบ “ประชาธิปไตย” ที่ทุกฝ่ายเรียกร้องมาตลอด.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"