โอ่จัดบิ๊กแบงปฏิรูป ตีปี๊บยุทธศาสตร์20ปีทั่วปท./คสช.แจ้งจับดะรวม50ราย


เพิ่มเพื่อน    

    “ประยุทธ์” นั่งหัวโต๊ะลุยยุทธศาสตร์ 20 ปี  ฟุ้ง มี.ค.จัด “บิ๊กแบง” ยิ่งใหญ่ สั่งเร่งพีอาร์โดยด่วน  “ประธาน สนช.” ย้ำไม่มีทางคว่ำ 2 กฎหมายลูกแน่ ลั่นอย่างช้าไม่เกิน ก.พ.62 หย่อนบัตร “ปชป.-พท.” ประสานเสียงถล่มความน่าเชื่อ “บิ๊กตู่-รัฐบาล” อึ้ง! แม้วสั่งสมุนทำมาหากินก่อน เพราะยังไม่รู้ว่าเลือกตั้งเมื่อไหร่ ส่วนเรื่องหัวขบวนนั้นขึ้นอยู่กับเสียงส่วนใหญ่ “บุรินทร์” เดินสายฟ้องม็อบ 3 ระลอกรวม 50 ราย ศาลปกครองสูงสุดยืนคุ้มครอง “วีวอล์ก”
    เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ครั้งที่ 1/2561 โดยมีผู้เกี่ยวข้องเข้าประชุมอย่างพร้อมเพรียง ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเปิดประชุมว่า วันนี้เป็นการประชุมที่สำคัญ เพราะจะเป็นมาตรการและกลไกหลักที่จะทำให้เกิดการบริหารราชการแผ่นดินในลักษณะบูรณาการที่มีความต่อเนื่องและมีธรรมาภิบาล เกิดความยั่งยืนในการพัฒนาประเทศและการใช้จ่ายงบประมาณ รวมถึงการจัดทำแผนงานให้ตรงกับความต้องการของประชาชนและศักยภาพของประเทศ มีเป้าหมายให้เกิดการบริหารงานอย่างยั่งยืนในห้วงระยะเวลา 20 ปีตามยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อทำให้อนาคตของประเทศเป็นไปตามวิสัยทัศน์ มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนได้อย่างแท้จริง 
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวหลังประชุมว่า นายกฯ ได้สั่งการหลายเรื่อง ทั้งที่เกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เน้นเรื่องการประชาสัมพันธ์และการทำความเข้าใจ โดยในภาพรวม ทุกอย่างยังเดินไปตามโรดแมปของการปฏิรูปประเทศและโรดแมปยุทธศาสตร์ชาติ โดยในเรื่องยุทธศาสตร์ชาติ 6 ด้านที่ผ่านการรับฟังความคิดเห็นประชาชนมาแล้ว 2 ครั้งนั้น นายกฯ มองว่าน้อยเกินไป และแนะนำให้เปิดฟังความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ และหากลุ่มเป้าหมาย โดยมอบสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไปตั้งคณะทำงานเรื่องดังกล่าว แล้วนำความคิดเห็นต่างๆ ที่ได้รับมาปรับปรุง ก่อนเสนอเข้าที่ประชุม ครม.ในเดือน มี.ค.นี้ ต่อด้วยการส่งไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งคาดว่าจะประกาศใช้ได้ในเดือน ส.ค.-ก.ย.นี้ 
“หลังประกาศใช้แผนยุทธศาสตร์ชาติแล้ว จะจัดทำแผนแม่บทที่กำหนดว่าปีไหนต้องทำอะไรบ้าง ซึ่ง สศช.เสนอว่า แม้แผนยุทธศาสตร์ชาติกำหนดยาว 20 ปี แต่อยากให้จัดทำแผนแม่บทฉบับแรกระยะเวลา 10 ปีที่ถือว่าครอบคลุมแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม 2 แผนแล้ว จากนั้นจึงทำแผนแม่บทฉบับที่ 2 ต่อไป” นายวิษณุกล่าว
ด้านนายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการสภาพัฒน์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ แถลงภายหลังการประชุมว่า เป็นการประชุมเพื่อรับทราบความก้าวหน้าการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ 6 คณะ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้สั่งเพิ่มเติมเรื่องการเผยแพร่สร้างการรับรู้และความเข้าใจ รับฟังความเห็นให้มากขึ้น โดยเฉพาะให้ความสำคัญกับเยาวชนที่จะเข้าสู่วัยทำงานในช่วง 20 ปีต่อไปในยุทธศาสตร์ชาติ รวมถึงกลุ่มผู้ประกอบการคนรุ่นใหม่ 
“ยืนยันการจัดทำทิศทางเป้าหมาย 20 ปี ที่วิจารณ์ว่าเป็นเรื่องระยะยาว จะมองทิศทางกำหนดเป้าหมายได้อย่างไร เรื่องดังกล่าวมีข้อมูลว่าหลายประเทศในโลกมีการจัดทำยุทธศาสตร์วิสัยทัศน์ประเทศในระยะยาว บางประเทศไปถึง 30-50 ปีด้วยซ้ำ และถ้าไม่ทำยุทธศาสตร์ชาติ ประเทศจะถูกวิจารณ์ได้ว่าไม่มีวิสัยทัศน์ ทำเรื่องระยะสั้นไปวันๆ” นายปรเมธีกล่าว
โอ่จัดบิ๊กแบงยุทธศาสตร์ชาติ
เลขาธิการสภาพัฒน์ยังระบุว่า นายกฯ สั่งการให้ทุกกระทรวงจัดตั้งคณะทำงานเพื่อติดตามและประสานงานกับคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ และคณะกรรมการปฏิรูปประเทศในแต่ละด้าน โดยจะมีผู้บริหารระดับปลัดกระทรวงเป็นประธาน รวมถึงติดตามประเมินผลและรายงานนายกฯ รับทราบทุกๆ 3 เดือน ทั้งนี้ ร่างแผนยุทธศาสตร์และร่างปฏิรูปประเทศขณะนี้ถือว่าเสร็จแล้วกว่า 90% และในเดือน มี.ค.นี้ จะจัดงานมหกรรมยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ หรือบิ๊กแบง เพื่อสร้างการรับรู้ในกรุงเทพฯ พร้อมกับมีเวทีย่อยๆ ระดับพื้นที่ทั่วประเทศ ผ่านกลไกโครงการไทยนิยมยั่งยืน เพื่อเข้าถึงประชาชนทุกส่วน
สำหรับความเคลื่อนไหวในการตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วม 3 ฝ่ายพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) นั้น นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. กล่าวว่า สนช.มีความมุ่งมั่นตั้งใจทำกฎหมายให้ดีที่สุด และยืนยันว่าไม่มีเหตุผลที่จะคว่ำกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ เพราะหากจะทำ ก็คงทำไปก่อนหน้านี้แล้ว ที่ใช้เสียงเพียงเกินกึ่งหนึ่งเท่านั้น แต่ถ้าจะคว่ำในชั้นนี้ ต้องใช้เสียง 2 ใน 3 คือ 166 เสียงจาก 248 เสียง ซึ่งถือว่ายากมาก อีกทั้งในประเด็นที่เห็นมาตรงกันนั้น ก็ไม่ได้มีประเด็นใดที่ตกลงกันไม่ได้ 
 “สนช. คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เราไม่ใช่ศัตรูกันที่จะไปรบไปคว่ำ ความเห็นต่างทางกฎหมายก็เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันก็จบ ขอยืนยันว่าการแก้กฎหมายครั้งนี้ เพื่อทำให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างสมบูรณ์ ไม่เป็นปัญหา บ้านเมืองสงบสุข ไม่นำไปสู่ความขัดแย้งและไม่ทะเลาะกันก่อนหรือหลังเลือกตั้ง” นายพรเพชรกล่าว และว่า หากนับเต็มที่ โรดแมปจะขยายไปถึงเดือน ก.พ.2562 หรืออาจเกินไป 4-5 วันจากเดิมที่จะเลือกตั้งปลายปี 2561 เท่านั้น
ทั้งนี้ ในการประชุม สนช. มีการประชุมเพื่อตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ ฉบับละ 11 คน และนัดประชุมครั้งแรกในวันที่ 19 ก.พ.นี้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณี พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกสำนักนายกฯ กล่าวว่า คสช.และรัฐบาลไม่ได้เป็นเลื่อนโรดแมปเลือกตั้ง แต่เป็นเพียงคนที่ได้รับอานิสงส์ ว่า คสช. คือคนกำหนด เพราะหากนายกฯ ไม่ต้องการให้ สนช.ขยายเวลาการบังคับใช้ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่า ส.ส.ออกไป 90 วัน นายกฯ สามารถใช้มาตรา 44 แก้ได้ เพราะเคยใช้มาตรา 44 แก้กฎหมายพรรคการเมืองมาแล้ว 
ซัดความเชื่อถือดิ่งเหว
    “วันนี้ประเด็นหลักหมุนกลับมาที่ความน่าเชื่อถือ เนื่องจากว่า 90 วันหรือจะกี่วันก็แล้วแต่ ก็อาจจะเลื่อนอีก วันนี้ไม่ได้มาเถียงกันแค่ว่ากี่วัน แต่กลายเป็นกระแสขึ้นมา คือความไม่เชื่อถือและความไม่แน่นอน รวมทั้งคำอธิบายไม่ตรงกับความเป็นจริง” นายอภิสิทธิ์กล่าว  
    นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า เมื่อไม่ได้รับคำอธิบาย ไม่มีความชัดเจน จึงนำไปสู่การชุมนุมเรียกร้อง ซึ่งทำให้เกิดปัญหาขัดคำสั่ง คสช.อีก เพราะเรามีกฎหมายพิเศษใช้อยู่ รวมทั้งพัวพันไปยังเรื่องอื่นๆ ดังนั้นนายกฯ ต้องจับประเด็นให้ถูกว่าข้อท้วงติงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นหรืออาจจะเกิดขึ้นต่อไปคืออะไร ซึ่งเคยพูดมาเป็นปีแล้วว่าสภาวะการใช้กฎหมายพิเศษนี้จะนำมาสู่ปัญหาแบบที่เราเผชิญอยู่ในขณะนี้ คือเมื่อไม่มีการผ่อนคลาย ไม่มีการปูทางไปสู่สภาวะปกติ พอถึงจุดหนึ่งก็จะเกิดสภาวะอย่างนี้ พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น จะไม่บังคับใช้กฎหมายก็คงไม่ได้ ครั้นจะบังคับใช้กฎหมายแบบเคร่งครัด ก็คงไม่ได้อีกเช่นเดียวกัน เพราะอาจจะนำไปสู่การลุกลามอะไรต่างๆ ได้ 
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า สภาพการณ์ของรัฐบาลในปัจจุบัน อยู่ในสถานะขาลงแบบดิ่งเหวด้วยการกระทำของตนเองทั้งสิ้น ไม่ใช่จากฝีมือฝ่ายใด ด้วยเหตุ 3 ประการใหญ่ 1.ผู้นำฝ่ายบริหารไม่รักษาสัจจะ ไม่รักษาคำมั่นสัญญาด้วยการเลื่อนโรดแมปการเลือกตั้งซ้ำซาก นับเป็นวิกฤติศรัทธาของผู้นำฝ่ายบริหาร 2.ครม. รัฐมนตรีในคณะรัฐบาลให้สัมภาษณ์ตำหนิรัฐมนตรีด้วยกัน ถึงขนาดใช้ถ้อยคำรุนแรงว่า อย่างหนาตราช้าง นับเป็นวิกฤติศรัทธา ถ้าภาษาชาวบ้านเรียกว่า เละตุ้มเป๊ะ และ 3.ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งจะเห็นได้จากโพล ไม่ว่าทำครั้งใด ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง จะเป็นปัญหาอันดับ 1 ที่รัฐบาลแก้ไม่ตก 
“ความเดือดร้อนที่ประชาชนได้รับ แม้จะมีอำนาจกดทับอยู่ แต่ก็เริ่มมีนักศึกษา ประชาชน ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เริ่มชุมนุมปราศรัยให้รัฐบาลพิจารณาตนเอง นับเป็นเรื่องที่น่าวิตก หากมีการขยายตัวมากขึ้น”
นพ.เหวง โตจิราการ สมาชิก พท.และแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เตือนว่า ยุคคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ของ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ไม่รักษาสัจวาจา ไม่ทำตามคำมั่นสัญญา แค่ครั้งเดียวยังเป็นเรื่องเลย แต่ครั้งนี้มีความพยายามหลายอย่างชัดเจนที่จะทำให้การเลือกตั้งขยับออกไปได้อย่างไม่มีวันสิ้นสุด 
“ระวังนะครับ เรื่องของประชาชนไม่ใช่ของเด็กเล่นตามอำเภอใจของท่าน ประชาชนนั้นเหมือนน้ำ ที่ทำให้เรือแล่นได้ แต่ขณะเดียวกัน น้ำก็อาจจะคว่ำเรือได้เช่นกัน” นพ.เหวงกล่าว
    ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวจากอดีต ส.ส.ภาคอีสาน พท. ที่เดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ฮ่องกง กล่าวว่า ได้เข้าพบกับนายทักษิณในช่วงบ่ายวันที่ 15 ก.พ. และได้พบกับเพื่อนอดีต ส.ส.ที่เดินทางมาถึงก่อนหน้านี้แล้วรวม 11-12 คน โดยได้พูดคุยกันประมาณ 1 ชั่วโมง นายทักษิณยังมีสุขภาพที่แข็งแรง ยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นอย่างดี ซึ่งการพูดคุยกัน ส่วนใหญ่พูดถึงเรื่องพัฒนาการของโลกและนวัตกรรมต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยีต่างๆ และยังได้แนะนำการกำจัดศัตรูพืชแบบใช้โดรนแบบ 1 ตำบล 1 โดรนแทนที่การใช้เกษตรกร
แม้วแนะทำมาหากินก่อน
สำหรับเรื่องการเมืองนั้น ได้พูดคุยกันเล็กน้อย โดยนายทักษิณระบุว่า การเมืองไทยไม่แน่นอน เมื่อไหร่จะมีการเลือกตั้งยังไม่รู้ อยากให้ทุกคนทำมาหากิน แต่หากเลือกตั้งให้สมาชิกพรรคทุกคนสามัคคี ร่วมกันทำงานให้ประชาชน จะเป็นคำตอบการเลือกตั้ง ส่วนเรื่องผู้นำพรรคเพื่อไทยคนใหม่นั้น ไม่ได้พูดคุยกันมาก ท่านระบุเพียงว่ามีคนมาบอกเยอะ แต่ยังทำอะไรไม่ได้ ต้องรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนด้วยว่าเป็นอย่างไร และคงต้องรอให้ คสช.ปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมทางการเมืองได้ก่อน จากนั้นเสียงสมาชิกส่วนใหญ่ว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น ปัญหาจะได้จบ เพราะขณะนี้ยังต่างคนต่างพูด ถ้ามาพูดกันคนละทีแบบนี้มันก็จะไม่จบ
    “ท่านบอกว่าไม่อยากเข้ามายุ่งอะไรมาก รัฐธรรมนูญใหม่ห้ามไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับพรรค ขนาดมีข่าวอดีต ส.ส.เดินทางมาพบท่าน ผู้มีอำนาจก็ยังออกมาโจมตีเลย วันนี้ประเทศไทยยังมีปัญหาเรื่องของการยอมรับซึ่งกันและกัน” แหล่งข่าวกล่าว
    นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ อดีต ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เมื่อ 2 อดีตนายกฯ เดินทางมาละแวกใกล้ไทยในช่วงตรุษจีน เป็นธรรมดาที่คนเคารพนับถือกันจะไปพบเพื่ออวยพร และการพูดคุยคงเป็นการถามไถ่ทุกข์สุขตามประสาคนเคยทำงานร่วมกันที่ไม่ได้เจอกันนาน ไม่มีประเด็นการเมืองอะไรที่จะสร้างผลกระทบกับประเทศ รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงไม่ต้องกังวลอะไรในเรื่องนี้ เพราะคนเป็นถึงอดีตนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งจากประชาชน ไม่มีทางคิดร้ายกับประเทศ รัฐบาลควรเอาสมาธิทั้งหมดไปทุ่มเทกับการพัฒนาประเทศ เร่งสร้างผลงาน และคืนความสุขในช่วงเวลาที่เหลืออยู่จะดีกว่า
    พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. กล่าวกรณีนี้ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ทำหนังสือไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 12 ก.พ. เพื่อให้ตรวจสอบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์อยู่ในประเทศใด รวมทั้งตรวจสอบว่าจะไปประเทศไหน สายการบินอะไร เมื่อไหร่ ใช้หนังสือเดินทางอะไร ซึ่งยังไม่ได้รับรายงานกลับมา ตำรวจทำได้อย่างเดียวคือประสานไปยัง กต. ส่วนการดำเนินการจะล่าช้าหรือไม่ ตอบแทน กต.ไม่ได้ 
    ส่วนนายวิษณุกล่าวถึงความคืบหน้าการยึดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าไม่ทราบ เพราะเจ้าหน้าที่ไม่จำเป็นต้องมารายงานแล้ว ส่วนที่ทีมทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์อ้างว่าทรัพย์สินไม่สามารถขายทอดตลาดได้ เพราะหากชนะคดีรัฐไม่สามารถเยียวยา น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้นั้น ทุกอย่างมีคำอธิบายอยู่ในกฎหมายแล้ว ปกติ ไม่มีอะไรที่แตกต่างจากการยึดทรัพย์ตามคำสั่งศาล มันมีวิธีแก้ของมันอยู่
คสช.ฟ้องกราวรูด 50 ราย
สำหรับกรณีกลุ่มอยากเลือกตั้งที่มีการชุมนุมบริเวณสกายวอล์กนั้น มีรายงานแจ้งว่า พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารปฏิบัติการประจำกองบัญชาการกองทัพบก ปฏิบัติหน้าที่คณะทำงานด้านกฎหมายส่วนงานการรักษาความสงบแห่งชาติ ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ 6 แกนนำไปแล้วเมื่อวันที่ 13 ก.พ. และเมื่อวันที่ 14 ก.พ. ได้เข้าแจ้งเพิ่มอีก 1 ราย รวมทั้งยังแจ้งความนายภาวัต ผ่องใส กับพวกรวม 43 ราย ซึ่งทั้ง 43 คนรายพบว่าเป็นแนวร่วม นปช. และเป็นบุคคลเป้าหมายที่จับตาความเคลื่อนไหวอยู่ และเมื่อนับรวมการแจ้งความเอาผิดทั้งหมดมีด้วยกัน 50 ราย
วันเดียวกัน ศาลปกครองกลางได้อ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุดในเรื่องการขอคุ้มครองชั่วคราว ในคดีที่นายเลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ กับพวกรวม 4 คน ฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ผกก.สภ.คลองหลวง, ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี, ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา, ผบช.ภ.1, ผบช.ภ.3 และ ผบช.ภ.4 รวม 7 คน จากกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมและจัดกิจกรรม “We walk เดินมิตรภาพ” จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต มุ่งสู่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองกลาง คุ้มครองการจัดกิจกรรมดังกล่าว
นายสุรชัย ตรงงาม ทนายความกลุ่มเดินมิตรภาพกล่าวหลังฟังคำสั่งว่า คำสั่งศาลปกครองสูงสุดคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาถือว่าเป็นที่สุด ซึ่งผลของคำสั่งจะมีจนกว่าเสร็จสิ้นการชุมนุม โดยผลของคำสั่งเท่ากับรับรองว่าการเดินมิตรภาพเป็นการใช้เสรีภาพชุมนุมโดยสงบ หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมต้องเคารพคำสั่งโดยไม่ดำเนินการใดๆ ซึ่งเป็นการปิดกั้นขัดขวาง ซึ่งในความเป็นจริงเราก็ยังพบว่าปัญหาเรื่องการกดดันและการปิดกั้นยังคงอยู่
“ในวันที่ 16 ก.พ. จะนำคำสั่งศาลปกครองสูงสุดไปยืนยันกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดการปิดกั้น แต่หากยังมีการปิดกั้นอีก เราก็จะเข้ามาฟ้องศาลต่อไป หรืออาจดำเนินคดีอาญากลับไปยังหน่วยงาน”นายสุรชัยกล่าว
ทั้งนี้ ตามกำหนดการ เครือข่ายวีวอล์กมีกำหนดการจะจัดเวทีเสวนาทางวิชาการ รวมทั้งนิทรรศการ ในวันที่ 17 ก.พ.2561 ที่อาคารองค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น แต่ล่าสุด ผศ.ดร.สมพงษ์ สิทธิพรหม ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายรักษาความปลอดภัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า ยังไม่ได้รับหนังสือขออนุญาตใช้สถานที่แต่อย่างใด และผู้บริหารมหาวิทยาลัยไม่อนุญาตให้เข้ามาใช้สถานที่ เพราะเป็นการขอใช้สถานที่ที่เกี่ยวโยงกับทางการเมืองหรือกระทบต่อสถาบัน ซึ่งมหาวิทยาลัยจะไม่อนุญาต เพราะถือว่าเป็นกฎหมายของบ้านเมือง
        “การอนุญาตให้ใช้สถานที่หรือไม่นั้น แบ่งเป็น 2 ประเด็นหลักคือ การทำกิจกรรมเกี่ยวกับการเมืองที่ผิดต่อกฎหมายต้องได้รับการอนุญาตจากฝ่ายความมั่นคงในการใช้พื้นที่ และมหาวิทยาลัยเป็นพื้นที่ส่วนการศึกษา คนที่อนุญาตให้ใช้พื้นที่ต้องเป็นอธิการบดี กิจกรรมต้องส่งเสริมและเกี่ยวข้องกับการศึกษา ส่วนกลุ่มวีวอล์กนั้น เป็นบุคคลภายนอก ไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ยังเกรงว่านักศึกษาจะเป็นเครื่องมือทางการเมืองของกลุ่มคนบางกลุ่ม” ผศ.ดร.สมพงษ์กล่าว
นายภาสกร อินทุมาร เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิมนุษยชน ในฐานะแกนนำกลุ่มวีวอล์ก กล่าวในเรื่องนี้ว่า  ยังไม่รู้รายละเอียด แต่ถ้ายังไม่มีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเป็นทางการจากมหาวิทยาลัย ก็ยังพูดไม่ได้ว่าทางมหาวิทยาลัยยังไม่อนุญาต ซึ่งความจริงแล้วมหาวิทยาลัยควรเป็นพื้นที่มีอิสระทางวิชาการ ซึ่งในวันดังกล่าวเราก็จะใช้เป็นเวทีทางวิชาการ ซึ่งจะมีประเด็นสิทธิเสรีภาพ โดยยังรอทางมหาวิทยาลัยขอนแก่นอยู่ว่าจะอนุญาตหรือไม่.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"