กองกำลังชาวเคิร์ดที่ยึดดินแดนสุดท้ายของไอเอสในซีเรียได้สำเร็จเมื่อวันเสาร์ เรียกร้องประชาคมนานาชาติยื่นมือจัดการนักรบญิฮาดชาวต่างชาติและครอบครัวหลายหมื่นคนที่ถูกควบคุมตัวไว้ ระบุเป็นระเบิดเวลาที่ต้องรีบปลดชนวน
ภาพเมื่อ 23 มี.ค. 2562 ธงของกองกำลังประชาธิปไตยซีเรียโบกสะบัดบนอาคารหลังหนึ่ง ภายในที่มั่นแห่งสุดท้ายของไอเอสในซีเรีย อวสานดินแดนรัฐอิสลามในอุดมคติของไอเอสที่มีอายุนานเกือบ 5 ปี / AFP
นักรบกองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย (เอสดีเอฟ) ที่มีสหรัฐหนุนหลังและมีกองกำลังชาวเคิร์ดเป็นผู้นำ สามารถทำลายคอลิฟะห์ดินแดนสุดท้ายของกลุ่มนักรบญิฮาดรัฐอิสลาม (ไอเอส/ไอซิส) เดนตาย ที่ปักหลักอยู่ในหมู่บ้านบากูซ หมู่บ้านห่างไกลติดแม่น้ำยูเฟรตีสทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย ได้เมื่อวันเสาร์ที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นอันยุติปฏิบัติการรุกโจมตียาวนาน 6 เดือนเพื่อยึดคืนที่มั่นแห่งสุดท้ายของไอเอส
"กองกำลังประชาธิปไตยซีเรียประกาศการกำจัดสิ่งที่เรียกว่าคอลิฟะห์ได้แล้วอย่างสิ้นเชิง และโค่นดินแดนของไอซิสได้ 100 เปอร์เซ็นต์" มุสเตฟา บาลี โฆษกของเอสดีเอฟ กล่าวเมื่อวันเสาร์
หลังคำประกาศนี้บรรดาผู้นำโลกต่างแซ่ซ้องด้วยความยินดี แต่ในวันอาทิตย์ มีคำเตือนจากรัฐบาลปกครองตนเองของชาวเคิร์ดในซีเรียว่า พวกสมาชิกไอเอสที่ถูกจับได้ระหว่างปฏิบัติการนี้ยังคงเป็นภัยคุกคามไม่ต่างจากระเบิดเวลา
"มีพวกนักรบ, เด็กและผู้หญิงนับหมื่นคน และพวกเขามาจาก 54 ประเทศ ซึ่งไม่นับราวชาวอิรักและซีเรีย ที่เป็นภาระหนักและอันตรายร้ายแรงต่อพวกเราและต่อประชาคมระหว่างประเทศ" อับเดล คาริม โอมาร์ เจ้าหน้าที่กิจการต่างประเทศของรัฐบาลเคิร์ดซีเรีย กล่าวกับเอเอฟพี "คนพวกนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมากมายในช่วง 20 วันสุดท้ายของปฏิบัติการบากูซ"
นักรบกองกำลังประชาธิปไตยซีเรียเดินบนถนนภายในหมู่บ้านบากูซที่เข้ายึดได้เมื่อวันเสาร์ / AFP
ตามข้อมูลของเอสดีเอฟ นับแต่เดือนมกราคมปีนี้ มีผู้คนตกค้างอยู่ในดินแดนสุดท้ายของไอเอสราว 66,000 คน ในจำนวนนี้รวมถึงพวกนักรบญิฮาด 5,000 คน และญาติของพวกเขาอีก 24,000 คน
องค์กรจับตาสิทธิมนุษยชนแห่งซีเรียเคยระบุไว้ว่า ปฏิบัติการที่เริ่มมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีนี้ ได้คร่าชีวิตพลเรือน 630 คน, นักรบเอสดีเอฟ 750 คน และมีนักรบญิฮาดโดยฆ่าตายราว 1,600 คน
ปฏิบัติการของเอสดีเอฟต้องหยุดชะงักหลายครั้ง เพื่อเปิดระเบียงด้านมนุษยธรรมเป็นช่องทางให้ผู้คนที่นั่นอพยพออกมา ญาติๆ ส่วนใหญ่ของไอเอสที่อพยพออกมาถูกควบคุมตัวไว้ที่ค่ายอัลโฮล ซึ่งสร้างมาเพื่อรองรับผู้คนเพียง 20,000 คน แต่ปัจจุบันมีคนพักพิงอยู่ถึง 72,000 คน
รัฐบาลปกครองตนเองชาวเคิร์ดเตือนว่า พวกเขาไม่สามารถควบคุมผู้คนจำนวนมากมายถึงขั้นนี้ได้ไหว มิพักต้องพูดถึงการดำเนินคดี แต่ประเทศถิ่นกำเนิดของพวกนักรบญิฮาดเกือบทั้งหมดไม่เต็มใจรับพลเมืองของพวกเขากลับคืน เนื่องจากกังวลความเสี่ยงด้านความมั่นคงและการต่อต้านของประชาชน บางประเทศถึงขั้นเพิกถอนสัญชาติพลเมืองของตนที่โดนจับกุมในซีเรีย
"จะต้องมีการประสานงานระหว่างเรากับประชาคมระหว่างประเทศเพื่อจัดการกับปัญหาอันตรายนี้" อับเดล คาริม โอมาร์ กล่าว และว่า มีเด็กนับหมื่นคนที่ถูกเลี้ยงมาตามอุดมการณ์ของไอเอส ถ้าเด็กๆ เหล่านี้ไม่ได้รับการฝึกอบรมความรู้ใหม่และการสอนให้รวมเข้ากับสังคมพื้นเพเดิมแล้ว พวกเขาก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นผู้ก่อการร้ายในอนาคต
สภาพฐานที่มั่นสุดท้ายของนักรบไอเอสเดนตายภายในหมู่บ้านบากูซ / AFP
เมื่อวันเสาร์ ประธานาธิบดีทรัมป์ออกแถลงการณ์ยกย่องการล่มสลายของคอลิฟะห์ แต่ขณะเดียวกันก็ให้คำมั่นว่าสหรัฐจะยังคงระแวดระวังต่อไปจนกว่าไอเอสจะปราชัยสิ้น ไม่ว่าพวกนี้จะปฏิบัติการอยู่ที่ใดในโลก สหรัฐจะร่วมมือกับหุ้นส่วนและชาติพันธมิตรเพื่อทำลายผู้ก่อการร้ายอิสลามหัวรุนแรงอย่างราบคาบ
แพทริก ชานาแฮน รักษาการรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ชี้ว่าชัยชนะครั้งนี้เป็นหลักหมุดสำคัญยิ่ง แต่ก็ยอมรับว่างานยังไม่เสร็จสมบูรณ์ สหรัฐจะร่วมมือกับพันธมิตรทั่วโลกเพื่อไม่ให้ไอเอสมีที่หลบซ่อน
แม้จะสูญเสียดินแดนคอลิฟะห์ในซีเรียและอิรักที่ไอเอสเคยครอบครองพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 88,000 ตร.กม.เมื่อปี 2517 ไปแล้ว แต่ไอเอสยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในหลายประเทศ ตั้งแต่ไนจีเรียจนถึงฟิลิปปินส์ ส่วนในซีเรีย พวกนักรบญิฮาดก็ยังคงซ่อนตัวกระจัดกระจายในทะเลทรายบาเดียและอีกหลายพื้นที่ ซึ่งเสี่ยงต่อการกลับมารวมตัวกันใหม่ได้อีก.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |