ประธาน กกต.เชิญชวนประชาชนออกมาใช้สิทธิ คาดหวังมากกว่า 80% ก่อนเข้าคูหาฟังเสียงเตือน กับ 7 ข้อห้าม ห้ามฉีกบัตร ห้ามถ่ายรูปบัตร ห้ามเซลฟีบัตร ผิดอาญามีโทษจำคุก ยันปากกาหมึกล่องหนไม่มีจริงเพราะแพง ถ้าเอามาใช้ต้องลงทุนถึงร้อยล้าน ?ขณะที่ต่างชาติเข้าร่วมสังเกตการณ์เลือกตั้งเพียบ
เมื่อวันที่ 23 มีนาคม นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมศูนย์อำนวยการและประสานงานการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ว่าการจัดส่งอุปกรณ์การเลือกตั้งและบัตรเลือกตั้งถึงจุดหมายปลายทางเรียบร้อย ไม่มีปัญหาหรืออุปสรรคใดๆ สำหรับคืนสุนัขหอนหรือคืนหมาหอน กกต.ขอย้ำถึงข้อห้ามสำคัญคือห้ามหาเสียงเด็ดขาดหลังเวลา 18.00 น. ไม่ว่าจะเป็นการหาเสียงด้วยวิธีการใดๆ รวมถึงการหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ และห้ามจำหน่ายจ่ายแจกสุราตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงเวลา 18.00 น. ของวันที่ 24 มี.ค. ซึ่งเป็นเรื่องต้องห้ามเด็ดขาด
ส่วนการติดตามป้องกันและปราบปรามการซื้อสิทธิขายเสียง กกต.มีชุดเคลื่อนที่เร็วออกตรวจสอบในจุดต้องสงสัยว่ามีการซื้อสิทธิขายเสียง และมีหน่วยข่าวกรองและเครือข่ายของ กกต.ข่วยดำเนินการ
เมื่อถามถึงลงพื้นที่ตรวจสอบการลงคะแนนและการใช้สิทธิ หาก กกต.พบเห็นการกระทำทุจริตเลือกตั้ง จะสั่งระงับการลงคะแนนทันทีหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า หาก กกต.พบเห็นเหตุการณ์ที่จะทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรม กกต.สามารถใช้อำนาจสั่งการระงับยับยั้งไม่ให้มีการดำเนินการลงคะแนนต่อในหน่วยเลือกตั้งนั้น หรือหน่วยเลือกตั้งอื่นที่อยู่ใกล้เคียงกัน
ส่วนการสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ต้องเสนอให้กรรมการ กกต.พิจารณาตัดสินใจอีกครั้ง ซึ่งเป็นการใช้อำนาจครั้งแรกตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต.มาตรา 26 เทียบเคียงได้กับมีการกระทำความผิดเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา หรือเป็นความผิดซึ่งหน้า ในส่วนของพื้นที่ที่มีการแข่งขันรุนแรง ยอมรับว่ามีรายงานเชิงข่าวกรองเข้ามา แต่ยังไม่ขอเปิดเผย ซึ่งกกต.ทั้ง 7 คนจะออกตรวจพื้นที่ต่างๆ และดูแลความเรียบร้อย เพื่อทำให้มั่นใจว่าการเลือกตั้งจะไม่มีปัญหาอุปสรรคทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต และไม่มีการซื้อสิทธิขายเสียง
นายอิทธิพรเชิญชวนประชาชนให้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง อยากให้ใครเข้ามาเป็นตัวแทน ขอเน้นย้ำว่า ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน มี 1 เสียง 1 คะแนนเท่ากัน โดย 1 เสียงมีความหมาย ใช้สนับสนุนผู้สมัครที่เห็นว่ามีผลงานดี พรรคการเมืองที่มีนโยบายดี 1 คะแนนของท่านยังจะนำไปคำนวณเป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และมีผลให้พรรคที่ท่านเลือกสามารถเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรีได้
อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากจริงๆ จะเห็นได้จากการขยายเวลาการลงคะแนน จาก 08.00-15.00 น. มาเป็น 08.00-17.00 น. ท่านมีเวลามากขึ้น และไม่มีผู้ใดห้ามไม่ให้ไปให้ไปใช้สิทธิ โดยผู้ใดที่ขัดขวางการไปใช้สิทธิเลือกตั้งต้องรับโทษ
คาดหวังใช้สิทธิ 80%
"โอกาสเปิดให้ท่านแล้ว ขอให้ออกมาใช้สิทธิกันมากๆ ผลการเลือกตั้งจะเป็นเครื่องชี้ว่าการเมืองในระบอบประชาธิปไตยของเราจะไปในทิศทางใด และจะเป็นไปในทิศทางที่ท่านต้องการหรือไม่ ซึ่งจะไม่เกิดขึ้นหากท่านไม่ออกมาใช้สิทธิ โดย กกต.คาดหวังให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์" นายอิทธิพรกล่าว
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า กกต.ยืนยันความพร้อมจัดการเลือกตั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ โดยในวันนี้จะส่งมอบอุปกรณ์จัดการเลือกตั้งให้กับ กกต.เขต เพื่อนำไปส่งมอบให้กับกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นแนวกั้น สายรัด บัตรเลือกตั้ง หีบบัตรลงคะแนน รวมทั้งปากกา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการโพสต์และแชร์ข้อความให้ระวัง "ปากกาล่องหน" ซึ่งในประเด็นดังกล่าวกกต.จังหวัดได้จัดซื้อปากกาตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อมีความกังวลว่าหมึกปากกาจะล่องหนได้ จึงสั่งการให้ กกต.จังหวัดตรวจสอบปากกาด้วยว่าขีดแล้วหมึกจะล่องหนหรือหายไปตามที่มีการแชร์ความข้อความหรือไม่
ทั้งนี้ อยากทำความเข้าใจว่า กกต.เขตและกรรมการประจำหน่วย (กปน.) ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ กกต. เพราะ กกต.มีเจ้าหน้าที่อยู่เพียง 2,000 คน ไม่สามารถกระจายกำลังไปจัดการเลือกตั้งทั่วประเทศได้ แต่ กปน.เกือบ 8 แสนคน เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง หรือประชาชนทั่วไปในพื้นที่ ซึ่งเข้ามาทำหน้าที่เป็น กปน. หากมีการกระทำความผิดใดๆ ก็คงปิดไม่อยู่
"กกต.ไม่สามารถเข้าไปสั่งการ กปน.ได้ จึงได้แต่แนะนำให้ไปตรวจสอบปากกาด้วย เพื่อให้ผู้มาใช้สิทธิมั่นใจว่าข้อความต่างๆ ที่โพสต์และแชร์กัน ไม่เป็นความจริงและเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากให้ไปโฟกัสประเด็นปากกามากเกินไป ขอให้มั่นใจในการทำงานของ กกต."
พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวถึงการส่งบัตรเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัดและนอกราชอาณาจักรว่า กระบวนการจัดส่งพบว่ามีการจัดส่งบัตรไปผิดเขตบ้าง แต่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นมีจำนวนไม่มาก และเราสามารถแก้ไขสิ่งที่ผิดให้ถูกได้ทันเวลา กกต.ตระหนักดีว่าบัตรทุกใบมีค่า ประชาชนที่กาบัตรเจตนามอบให้ใครเข้าไปทำหน้าที่แทน
ส่วนกรณีข้อวิจารณ์ถึงสัญญาณจีพีเอสของรถขนส่งบัตรที่หายไปจากจอมอนิเตอร์เมื่อวันที่ 22 มี.ค. บริษัท ไปรษณีย์ไทยฯ ได้ชี้แจงแล้วว่าเป็นการเข้าใจผิดของสื่อมวลชน รถขนส่งบัตรเมื่อจอดที่จุดพักรถเพื่อรับประทานอาหารกลางวันสัญญาณจะเปลี่ยนเป็นจุดสีดำ แสดงให้เห็นว่ารถจอด
ห้ามใส่เสื้อมีโลโก้พรรค
นอกจากนี้ภายในรถยังมีตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) นั่งควบคุมไปตลอดเส้นทาง และยังมีตำรวจทางหลวงขับรถนำขบวน ยืนยันว่าการส่งบัตรเป็นไปตามระบบ เมื่อบัตรส่งถึงปลายทางจะมีกรรมการตรวจรับ ทั้งนี้ หากประชาชนพบความไม่โปร่งใส ขอให้แจ้งมายัง กกต.ให้ตรวจสอบได้ ส่วนบัตรนอกราชคาดว่าจะส่งถึงเขตเลือกตั้งในวันพรุ่งนี้ ทั้งนี้ กกต.ยืนยันว่าจะทำทุกวิถีทางให้บัตรไปถึงเขตเลือกตั้งให้ทันเวลา เพราะถ้าส่งไปไม่ทันการนับคะแนนก็จะกลายเป็นบัตรเสียทันที
เลขาฯ กกต.ขอย้ำเตือนถึงการกระทำที่พบเป็นความผิดการเลือกตั้งเกือบทุกครั้งคือการใส่เสื้อที่มีโลโก้พรรคเข้าไปลงคะแนน กฎหมายห้ามหาเสียงในวันเลือกตั้ง อะไรที่เป็นความผิดก็ขอให้หลีกเลี่ยง ในการใช้สิทธิบัตรเลือกตั้งมีใบเดียว กาได้เบอร์เดียว เมื่อไปถึงหน้าหน่วยให้ตรวจสอบซ้ำอีกครั้งว่าผู้สมัครที่ตั้งใจมาเลือกถูกเพิกถอนสิทธิหรือไม่ รายละเอียดจะติดที่หน้าหน่วย เชื่อว่าประชาชนที่จะออกมาใช้สิทธิได้ตัดสินใจมาจากบ้านแล้วว่าจะเลือกใคร คงไม่ได้มาตัดสินใจหน้าหน่วย เพราะก่อนวันลงคะแนนต้องศึกษานโยบายพรรคการเมืองมาอย่างดีแล้ว
พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวด้วยว่า เมื่อได้รับบัตรแล้ว เข้าไปในคูหาอย่าเพิ่งรีบร้อนเสียเวลาอ่านรายละเอียดในบัตรให้ดีก่อนกา เพราะบางคนกาผิดแล้วฉีกบัตรก็จะมีโทษทางอาญา บัตรเลือกตั้งแม้จะมีค่าเพียงใบละ 2 บาท แต่มีคุณค่ามากกับการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย เมื่อกาบัตรเลือกตั้งแล้วอย่าถ่ายรูปบัตร ห้ามนำบัตรมาถ่ายรูปเซลฟีกับตัวเอง และห้ามโชว์บัตรให้คนอื่นเห็นผลคะแนน หรือโชว์ให้คนอื่นถ่ายรูป ถ้าอยากถ่ายรูปเป็นที่ระลึกขอให้ออกมาถ่ายหน้าหน่วย
ทั้งนี้ ขอให้ผู้ใช้สิทธิใจเย็นๆ เข้าไปในคูหาแล้วไม่ต้องประหม่า นอกจากนี้กฎหมายยังห้ามเล่นการพนัน ทายผลเลือกตั้ง เว็บไซต์ที่เปิดให้แทงผลการเลือกตั้งจะมีความผิด แม้เป็นเว็บไซต์ในต่างประเทศก็จะถูกดำเนินคดีอาญาด้วย ในส่วนของสื่อมวลชนและสำนักโพลต่างๆ สามารถนำเสนอข่าวได้ปกติ แต่ต้องไม่ใช่ลักษณะการหาเสียง อีกทั้งผลโพลต่างๆ ไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้
เขายังกล่าวถึงการทุจริตการเลือกตั้งว่า มีเบาะแสหลักฐานที่นำไปสู่การพิจารณาให้มีการเลือกตั้งใหม่ ผู้แจ้งเบาะแสจะได้รับเงินรางวัลหลักแสนบาท สำหรับเรื่องร้องเรียนการทุจริตหรือการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งได้รับรายงานว่าขณะนี้เริ่มมีเข้ามาบ้างแล้ว โดย กกต.จังหวัดจะตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนเพื่อส่งมายังส่วนกลางเสนอให้คณะกรรมการ กกต. พิจารณาระงับสิทธิสมัคร ให้ใบแดง
9 พ.ค.ต้องจบ
"กระบวนการนี้ เจ้าหน้าที่ กกต.รู้ดีว่าจะต้องทำงานโดยเร็ว หากต้องมีการสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ กระบวนการจะเสร็จสิ้นก่อนต้นเดือน พ.ค. โดยล่าสุด กกต.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อวินิจฉัยคำร้อง ปัญหาหรือข้อโต้แย้ง 35 คณะ จำนวน 175 คน จึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถพิจารณาความเห็นได้อย่างรวดเร็วทันเวลา"
พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังปิดหีบเลือกตั้ง จะเริ่มนับคะแนน และ กกต.จะประกาศผลอย่างไม่เป็นทางการร้อยละ 95 แต่จะไม่ประกาศผล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เพราะยังต้องมีกระบวนการตรวจสอบอีก 60 วัน รวมถึงการพิจารณาคำร้องคัดค้านต่างๆ อย่างไรก็ตาม ภายในวันที่ ?9 พ.ค.นี้ กกต.จะประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งรวมถึงจำนวน ส.ส.แบบบัญชีด้วย
ด้านนายณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขาธิการ กกต. กล่าวถึงเรื่องกระแสข่าวปากกาล่องหนในหน่วยเลือกตั้งว่า เรื่องดังกล่าวเป็นการสร้างกระแสก่อนการเลือกตั้งอีกเรื่องหนึ่งเท่านั้น เพราะหากประชาชนใช้วิจารณญาณพิจารณา จะเห็นได้ว่าไม่เป็นเรื่องจริง เพราะปากกาลักษณะดังกล่าวมีราคาแพง และในการเลือกตั้งครั้งนี้ มีหน่วยเลือกตั้งกว่า 93,000 หน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศ หาก กกต.จะต้องซื้อปากกาล่องหนมาใช้ในหน่วยเลือกตั้งทั้งหมด จะต้องใช้งบประมาณกว่า 100 ล้านบาทเลยทีเดียว
"เรื่องดังกล่าวจึงไม่เป็นความจริง เพราะ กกต.ไม่รู้จะทำอย่างนั้นไปทำไม เพราะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใด แต่หากประชาชนไม่มั่นใจก็สามารถนำปากกาติดตัวมาใช้สิทธิได้" รองเลขาธิการ กกต.ระบุ
ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ สำนักงาน กกต. จัดโครงการสังเกตการณ์การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ.2562 ของผู้แทนองค์กรจัดการเลือกตั้งต่างประเทศและองค์การระหว่างประเทศ เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจในกระบวนการจัดการเลือกตั้งของไทยและแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรจัดการเลือกตั้งต่างประเทศและองค์การระหว่างประเทศ
โดยมีตัวแทนจากองค์กรจัดการเลือกตั้งต่างประเทศเข้าร่วม 11 ประเทศ และองค์การระหว่างประเทศ 1 องค์กร ได้แก่ ผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูตเครือรัฐออสเตรเลียประจำประเทศไทย เป็นผู้แทนคณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งราชอาณาจักรภูฏาน ราชอาณาจักรกัมพูชา มาเลเซีย สาธารณรัฐมัลดีฟส์ สหภาพเมียนมา สาธารณรัฐ อินโดนีเซีย สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และ International IDEA(องค์การระหว่างประเทศ)
7 ข้อห้ามบัตรเลือกตั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการจัดการเลือกตั้งครั้งนี้มีการแบ่งการสังเกตการณ์การเลือกตั้งออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่ กกต.มีหนังสือเชิญร่วมโครงการ ซึ่งก็คือกลุ่มประเทศที่มาร่วมรับฟังการชี้แจงในวันนี้ รวมทั้งสิ้น 42 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้นำองค์กรร่วมสังเกตการณ์ อาทิ H.E.Mr.Arief Ubaid ประธาน กกต.อินโดนีเซีย, H.E.Mr.U Hla Theinประธาน กกต.เมียนมา, Mr.U Than Htay กกต.เมียนมา, H.E.Mr.Alcino de Araujo Baris ประธาน กกต.ติมอร์-เลสเต, H.E. Mr.Joaquim Amaral เอกอัครราชทูตติมอร์-เลสเตประจำประเทศไทย เป็นต้น โดยผู้สังเกตการณ์กลุ่มนี้จะลงพื้นที่ กทม.และปริมณฑล พร้อมกับการสังเกตการณ์การเลือกตั้งของ กกต.ไทย ระหว่างวันที่ 22-26 มี.ค.นี้
ส่วนอีกกลุ่มคือกลุ่มที่มีหนังสือถึง กกต. เพื่อขออนุญาตเข้าร่วมสังเกตการณ์การเลือกตั้งด้วยตนเอง ได้แก่ สถานเอกอัครราชทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย จำนวน 7 ประเทศ ได้แก่ เครือรัฐออสเตรเลีย แคนาดา ราชอาณาจักรเดนมาร์ก สาธารณรัฐฝรั่งเศส ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ยังมีองค์กรระหว่างประเทศ 2 องค์กร คือ สหภาพยุโรปและเครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้งเสรี รวมทั้งสิ้นจำนวน 145 คน ซึ่งจะลงพื้นที่สังเกตการณ์การเลือกตั้งด้วยตนเอง
กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง สำนักงานกกต. นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับฐานความผิดอันเกี่ยวเนื่องกับบัตรเลือกตั้ง แจ้งเตือนไปยังประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 52 ล้านคน ไม่ให้พลั้งพลาดกระทำผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ที่มีโทษทั้งจำคุก ปรับเงิน และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 7 ฐานความผิด เกี่ยวกับบัตรเลือกตั้ง ดังนี้
1.ห้ามผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้ใดใช้บัตรอื่นที่มิใช่บัตรเลือกตั้งที่ได้รับจากเจ้าพนักงาน มีโทษจำคุก ไม่เกิน 1 -10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี
2.ห้ามมิให้นำบัตรเลือกตั้งออกไปจากที่เลือกตั้ง มีโทษจำคุกไม่เกิน 1-5 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000- 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี
3.ห้ามมิให้ผู้ใดจงใจทำเครื่องหมายเพื่อเป็นที่สังเกตโดยวิธีใดไว้ที่บัตรเลือกตั้ง มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 -5 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี
4.ห้ามมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งใช้เครื่องมือ หรืออุปกรณ์ใดถ่ายภาพบัตรเลือกตั้งที่ได้ลงคะแนนเลือกตั้งแล้ว มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
5.ห้ามมิให้ผู้ใดนำบัตรเลือกตั้งใส่หีบเลือกตั้งโดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือกระทำการใดให้มีบัตรเลือกตั้งเพิ่มขึ้นจากความจริง มีโทษจำคุก ไม่เกิน 1-5 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี
6.ห้ามมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งนำบัตรเลือกตั้งที่ออกเสียงลงคะแนนแล้วแสดงต่อผู้อื่น เพื่อให้ผู้อื่นทราบว่า ตนได้ลงคะแนนเลือกหรือลงคะแนนไม่เลือกผู้สมัครใด มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
7.ผู้ใดจงใจกระทำให้บัตรเลือกตั้งชำรุด เสียหาย ทำให้เป็นบัตรเสีย หรือทำให้บัตรเสียเป็นบัตรที่ใช้ได้ มีโทษจำคุก ไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี
ทั้งนี้ การกระทำทั้ง 7 ข้อห้ามดังกล่าว ล้วนเป็นความผิดตามกฎหมายเลือกตั้งทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการกระทำโดยตั้งใจหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เมื่อศึกษาข้อมูลพร้อมแล้ว ในวันที่ 24 มี.ค. ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. อย่าลืมออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เข้าคูหากาบัตรใบเดียว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |