“ถ้าใครไม่อยากเห็นความขัดแย้งรอบใหม่ เลือกพรรคภูมิใจไทย ผมจะทำทุกวิถีทางไม่ให้เกิดความขัดแย้งขึ้นอีก แต่ถ้าใครอยากจะสู้ต่อ ผมก็คงไม่ใช่ตัวเลือกในช่วงชีวิตของผม ผมคิดว่า ความขัดแย้งและความยากจนของคนในชาติเป็นปัญหาที่น่ากลัวที่สุด”
โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม หลายพรรคการเมืองออกมาเรียกร้องให้สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จำนวน 250 คนจากการแต่งตั้งของ คสช.ฟังเสียงประชาชน ด้วยการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีตามเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎรเพื่อเดินหน้าสู่ระบอบประชาธิปไตย พร้อมหยุดอำนาจแทรกแซงจากนอกระบบ หนึ่งในความเห็นสำคัญและจุดประเด็นนี้เป็นคนแรกๆ คือ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.)
ก่อนหน้านี้ "หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย" ประกาศว่า ถ้าได้รับเลือกตั้งเป็นที่ 1 จะไปกราบขอร้องทุกพรรคให้จับมือกันให้ได้เสียงเกิน 376 เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้กำหนดตัวนายกรัฐมนตรี ไม่ต้องสนใจเสียง ส.ว. ทางทฤษฎีเป็นไปได้หรือไม่ ท่ามกลางสภาพการณ์ที่หลายพรรคการเมืองประกาศแยกทางเดิน อยู่ในสภาวะการเมืองแบบ 3 ก๊ก
"ถ้าผมได้ที่ 1 ผมมั่นใจว่าผมทำได้ ก่อนวันลงคะแนนเลือกตั้งทุกพรรคมีสิทธิ์คิดว่าจะเป็นที่ 1 แต่ถ้าผมไม่ได้ที่ 1 ผมก็ต้องดูพรรคที่ได้ที่ 1 ดำเนินการให้กำลังใจและเอาใจช่วย"
ผมต้องการจะสื่อสารไปถึงทุกพรรคที่คิดว่าจะได้ที่ 1 ว่าถ้าคุณได้ที่ 1 คุณมีภาระที่จะต้องนำประเทศไทยออกจากสถานการณ์ที่กำลังจะเดินเข้าสู่ทางตัน และคุณต้องรักษาการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้ประชาชนให้ได้
อย่าทำให้ประชาชนที่มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งต้องผิดหวัง ต้องสูญเสียอำนาจที่เขามอบให้คนที่เขาไว้วางใจที่สุดไป อย่าเปิดโอกาสให้คนที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนมาชี้นำ มากำหนด มาตัดสิน มามีอำนาจเหนือกว่าคนที่มาจากการเลือกตั้ง
คุณเห็นคนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าแล้ว นั่นคือการแสดงออกว่าประชาชนต้องการใช้อำนาจ และเขาได้มอบอำนาจให้คุณแล้ว อย่าทำอะไรที่ทำให้อำนาจที่ประชาชนมอบให้สูญเสียไป เพราะนักการเมืองใช้อำนาจอย่างประมาทเลินเล่อ จนกระทั่งมีคนมายึดอำนาจไปอีก และทุกครั้งที่มีการยึดอำนาจ คนที่สูญเสียอำนาจที่แท้จริงไม่ใช่นักการเมืองที่เป็นรัฐบาลแต่คือประชาชน
ดังนั้นในฐานะที่ประชาชนให้ความไว้วางใจคุณมากที่สุด คุณต้องทำงานหนักที่สุด 4 เรื่อง คือ 1. ต้องทำให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้าด้วยความมั่นคง ไม่สร้างความขัดแย้ง ไม่แบ่งข้างคนในชาติ 2.ต้องแก้ไขปัญหาปากท้องให้ประชาชนเป็นเรื่องแรก 3.ต้องจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ไม่เช่นนั้นปัญหาของประชาชนจะไม่ได้รับการแก้ไข เพราะรัฐบาลมัวแต่แก้ปัญหาของตัวเอง และ 4.รัฐบาลเป็นรัฐบาลในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต้องปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ไว้สูงสุด
การจะทำ 4 เรื่องนี้ได้ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ นักการเมือง พรรคการเมืองที่ได้รับมอบอำนาจมาจากประชาชนต้องมาจับมือกัน มาร่วมมือกันทำงานเพื่อชาวบ้าน ต้องไม่แบ่งข้าง ไม่แตกแยกกันเอง จุดยืนเดียวกันของคนที่มาจากการเลือกตั้ง คือมีความเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย เป้าหมายที่ทุกคนมีร่วมกันคือ การแก้ไขปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน ถ้าเรามีจุดยืนเดียวกัน มีเป้าหมายร่วมกัน มองประโยชน์ส่วนตัวของตัวเองเป็นรอง ทำไมเราจะร่วมมือกันไม่ได้ ผมมั่นใจว่า ส.ส. 500 คนที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนจะพาประเทศไทยพ้นวิกฤติได้
"การประสานงานให้ทุกคนมาจับมือกันให้ได้เกิน 376 เสียงเพื่อลงมตินายกรัฐมนตรี ถ้าใครได้รับโอกาสจากประชาชนต้องทำให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ผมเสนอตัว ผมจะทำให้เอง เพื่อป้องกันอำนาจนอกระบบเข้ามาแทรกแซงสภาผู้แทนราษฎร"
-ไม่ประกาศว่าจะยืนข้างไหน ทำให้ถูกมองว่าไม่มีจุดยืน
พรรคภูมิใจไทยพูดมาตลอดว่า จุดยืนของเราคือการเป็นพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย เป็นพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เราเลือกที่จะยืนข้างประชาชน เพราะเราไม่เห็นด้วยกับการแบ่งข้างประชาชน
พรรคภูมิใจไทยเห็นด้วยกับการแสดงความคิดเห็นที่หลากหลายแตกต่างกัน เราเชื่อว่าการได้ถกเถียงกัน การได้แลกเปลี่ยนความเห็นกันจะทำให้เกิดการพัฒนา การค้นหาแนวทางที่ดีที่สุด แต่เราไม่เห็นด้วยกับการแบ่งข้างประชาชน เราไม่เชื่อว่าแนวทางที่บอกว่าคิดเหมือนกันถูก คิดต่างกันผิด ถ้าคิดไม่เหมือนกันก็ถือว่าอยู่คนละข้างกัน ต้องสู้กันให้รู้แพ้รู้ชนะไปข้าง
เราจึงประกาศจุดยืนว่าเรายืนข้างประชาชน และเราจะไม่นำประเทศไทยก้าวไปสู่ความขัดแย้ง ความแตกแยกรอบใหม่ หลายพรรคพูดเรื่องก้าวข้ามความขัดแย้ง ไม่มีใครต้องการให้เกิดความขัดแย้ง แต่ในการหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมาประชาชนจำนวนไม่น้อยฟังแล้วเครียดและไม่สบายใจ โดยเฉพาะคนที่เคยผ่านประสบการณ์และได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา และการเลือกตั้งครั้งนี้ผมอยากให้ประชาชนใช้สิทธิ์เลือกตั้งเพื่อตัวเอง เพื่อปากท้องของตัวเองและครอบครัว เพื่ออนาคตของลูกหลาน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนเอง ไม่ต้องห่วงนักการเมืองคนไหนจะแพ้
"ถ้าใครไม่อยากเห็นความขัดแย้งรอบใหม่เลือกพรรคภูมิใจไทย ผมจะทำทุกวิถีทางไม่ให้เกิดความขัดแย้งขึ้นอีก แต่ถ้าใครอยากจะสู้ต่อ ผมก็คงไม่ใช่ตัวเลือก ในช่วงชีวิตของผม ผมคิดว่าความขัดแย้งและความยากจนของคนในชาติเป็นปัญหาที่น่ากลัวที่สุด”
-หลังเลือกตั้งภูมิใจไทยจะยืนอยู่จุดไหน เพื่อไม่ให้ประเทศเกิดความขัดแย้งรอบใหม่
ผมเชื่อในพลังของประชาชน ผมเคารพเสียงของประชาชน เมื่อประชาชนตัดสินแล้วผมพร้อมยอมรับ ไม่ว่าผมจะเป็นอย่างไรผมรับได้หมด และขอเรียกร้องทุกพรรคการเมืองให้ยอมรับการตัดสินใจของประชาชนด้วย ขอให้ทุกคนอยู่ในกรอบกติกา แม้ว่าเราจะอึดอัดไม่ยอมรับกฎกติกาทุกข้อ แต่ก็ต้องยอมรับว่าทุกคนทุกพรรคมีทั้งได้และเสียจากกฎกติกาฉบับนี้ ไม่มีใครได้ทั้งหมดไม่มีใครเสียทั้งหมด
ถ้าเรายอมรับกฎกติกา ผมเชื่อว่าความขัดแย้งจะไม่เกิด และพรรคภูมิใจไทยจะยืนอยู่ในจุดที่ทำให้เสียงของประชาชนได้รับการยอมรับและได้รับการเคารพ และทำให้สภาผู้แทนราษฎรมีศักดิ์ศรี ปลอดจากการชี้นำครอบงำขององค์กรอื่น
ผมไม่ได้สนใจว่าหลังเลือกตั้งพรรคภูมิใจไทยจะอยู่ตรงไหน ผมห่วงว่าหลังเลือกตั้งประเทศไทยจะอยู่ตรงไหนมากกว่า ถ้าเลือกตั้งแล้วเรายังไม่หลุดพ้นจากวงจรเดิมๆ ความขัดแย้งของพรรคการเมือง ความแตกแยกของประชาชนและการยึดอำนาจ ผมยังนึกไม่ออกว่าเราจะเยียวยาฟื้นฟูกอบกู้ประเทศไทย ความเชื่อมั่นของประชาชนคนไทยและประชาคมโลกที่มีต่อประเทศไทยได้อย่างไร
ดังนั้นเพื่อรักษาประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการตามที่หลายๆ พรรคโฆษณาไว้กับประชาชน สิ่งแรกที่เราต้องทำคือ พรรคการเมืองต้องไม่สร้างความขัดแย้งและความแตกแยกให้เกิดขึ้นกับคนในชาติ เพราะการสร้างความขัดแย้งและความแตกแยกของคนในชาติ คือการเปิดประตูเปิดโอกาสให้อำนาจนอกระบบเข้ามา
นี่คือข้อเรียกร้องของพรรคภูมิใจไทยทั้งก่อนเลือกตั้งและหลังเลือกตั้ง และยังเป็นจุดยืนที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง คือเป็นพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยที่จะไม่นำประเทศไทยไปสู่ความขัดแย้งรอบใหม่.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |