เริ่มคึกคักกันอีกแล้วสำหรับถนนทุกสายที่มุ่งไปยังสุสาน (คนจีน) ต่างๆ ทั่วประเทศ เพราะใกล้เทศกาลวันเช็งเม้งหรือวันไหว้บรรพบุรุษ ณ สถานที่ฝังร่างของท่าน
    ถ้ายึดตามวัน-เวลา ก็ต้องถือว่า 5 เมษายนคือวันเช็งเม้ง แต่อันเนื่องมาจากวิวัฒนาการของสังคม ทำให้มีการขยับขยายการไหว้เช็งเม้งตามสุสานต่างๆ เอาตามที่แต่ละครอบครัวสะดวก เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรติดขัดอัดแน่นในวันจริง หรือ 5 เมษายนของทุกปีนั่นเอง
    ตอนยังเป็นเด็กจำได้ว่า ทุกวันที่ 5 เมษายน จะได้ยินได้ฟังข่าวรถติดเป็นแพบนถนนสุขุมวิท เพราะส่วนใหญ่สุสานจะไปอยู่กันหนาแน่นที่จังหวัดชลบุรี ต่อมาก็กระจายไปที่ถนนมิตรภาพ เพราะสระบุรีก็มีการขายคอนโดฯ สำหรับผู้ล่วงลับลอกเลียนแบบที่เมืองชล
    แต่มาให้หลังสัก 20 ปีกระมังที่ปัญหานี่ค่อยๆ คลี่คลาย อย่างที่ว่านั่นแหละ ทุกครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีนที่นับถือพุทธศาสนา เลือกเอาว่า ฤกษ์ดีคือฤกษ์ที่เราสะดวกและสบายใจ...ก็เป็นพอ ฉะนั้นเทศกาลเช็งเม้งในบ้านเราจึงมักจะนับหนึ่งกันตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมไล่ไปจนหลังวันที่ 5 เมษายนประมาณ 7 วันเลยทีเดียว
    อย่างไรก็ตาม วันเช็งเม้งมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง แต่บางอย่างก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง นั่นคือ จะต้องมีการเผากระดาษเงินกระดาษทอง หรือส่งสิ่งของต่างๆ ในรูปกระดาษที่เป็นความเชื่อเผาไปให้กับบรรพบุรุษ ส่วนจะเผามากเผาน้อยลง เพราะต้องการรักษาคุณภาพของสิ่งแวดล้อม ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ไม่เผาเลยสักนิด เชื่อว่า..หายากค่ะ
    สัปดาห์ที่แล้วมีโอกาสตามคุณพี่สาวไปเยาวราชเพื่อหาซื้อของเตรียมไหว้เช็งเม้ง สำรวจแล้วก็พบว่ากระดาษที่ทำเป็นเสื้อผ้าชุดต่างๆ นั้น ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม รวมทั้งสิ่งของเครื่องใช้อุปโภคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า รองเท้า ตู้เย็น หม้อหุงข้าว ทีวี บ้าน รวมทั้งโทรศัพท์มือถือ
    แต่ที่เพิ่มมาอย่างน่าสนใจคือ พาสปอร์ตและตั๋วเครื่องบิน รวมทั้งชุดฟันปลอม 555 เรียกว่าไอเดียบรรเจิดกันเสียจริงๆ สำหรับร้านค้าผลิตภัณฑ์งานกระดาษสำหรับผู้ล่วงลับไปแล้ว
    ก็ไม่รู้ว่าเอาบรรทัดฐานอะไรเป็นเครื่องกำหนดว่า ปู่ย่าตายายที่นอนอยู่ในสุสานอยากได้อยากมีอะไร จึงได้ประดิษฐ์สารพัดของออกมาเช่นนั้น ทั้งๆ ที่ทุกปีก็ส่งเงินและส่งทองเป็นก้อนๆ ไปให้อยู่แล้ว ถ้าหากท่านยังอยู่และสามารถใช้สิ่งของที่เราส่งไปให้ได้จริงล่ะก็ ท่านก็น่าจะเอาเงินไปหาซื้อของได้เอง ไม่ต้องให้เราเสื้อหลุยส์ วิตตอง กระเป๋าปราดาไปให้อย่างแน่นอน....จริงไหม
    ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า นี่ปี 2019 แล้วความเชื่อที่สั่งสมและสั่งสอนกันมาแต่เดิม เอาว่ามากเท่าอายุมนุษย์ป้าวันนี้ ก็ยังคงอยู่ยั้งยืนยง ยิ่งย้อนหลังไปถึงที่มาของวันเช็งเม้งก็ยิ่งน่าอัศจรรย์ เพราะมีมากว่า 2,000 ปีแล้ว...นี่นาสะท้อนได้ว่า ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่นะคะ.

                                    "ป้าเอง"