19 มี.ค.62-นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคเพื่อชาติเดินสายหาเสียงทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มเสียงฝ่ายประชาธิปไตยให้ถึง 376 เสียง เป็นที่ทราบกันว่าในระบบเลือกตั้งบัตรใบเดียวคะแนนจะชนเพดาน ถ้าเราไม่ชนะเด็ดขาดต้องจับมือรวมกันให้ได้ 251 เสียง แม้มีการวางแผนกันว่าถ้าจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ก็จะอยู่ตำแหน่งนายกฯ ต่อไป สิ่งที่ตนกังวลที่สุดคือ ปรากฏการณ์งูเห่าจะเกิดขึ้นอย่างมโหฬารในพรรคการเมืองขนาดใหญ่ อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 2 พรรค ถ้าเสียงของฝ่ายประชาธิปไตยไม่ชนะอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซึ่งจะไปสู่วิกฤตศรัทธาทางการเมือง เชื่อว่าจะนำมาสู่หายนะรุนแรงมากที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการพูดคุยกันเรื่องเทคะแนนหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า ในระบบนี้ถ้าคิดเทคะแนนจะแพ้หมด พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กับพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ก็ไม่คิดจะเทคะแนน แต่ละพรรคไม่สามารถออกแบบวางแผนได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ขณะนี้พรรคเพื่อชาติจะทำให้ดีที่สุด ไม่จำเป็นต้องคุยกันหรือฮั้วกัน แต่สิ่งที่ควรจะคุยกันคือแต่ละพรรคไปดูแลลูกพรรคของตัวเองว่าถูกเจาะอย่างไร ทุกพรรคมีปัญหาภายในจริงๆ พปชร. เขาแต่งตัวดี การมีอำนาจรัฐในมือมันสะดวกในเรื่องจำนวนคนมาฟังปราศรัย แต่อาจไม่ใช่คะแนนที่เลือก ในการเลือกตั้งล่วงหน้า ปรากฏการณ์ประเภทให้บัตรเลือกตั้งทั้งเล่มไปใช้สิทธิ มันไม่ใช่ความบังเอิญ คนเราจะบังเอิญถึงขนาดนั้นหรือ มันเป็นปัจจัยหนึ่งที่ถูกวางไว้เป็นเหตุวันหนึ่งวันใดจะหยิบมาใช้ทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ หรือแม้กระทั่งการจับบัตรในหีบ ทุกอย่างถูกออกแบบไว้ และที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้ง รปช. บอก พล.อ.ประยุทธ์ มี 250 เสียง อีก 126 เสียง มาหาที่พรรค รปช. ก็เชิญหาความสำราญตามสบาย เพราะมันจะไม่เป็นอย่างนั้น
ถามถึงความกังวลต่อความขัดแย้งรอบใหม่หรือไม่หลังนายสุเทพปลุก กปปส. และพรรคเพื่อชาติมีนโยบายพานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับ นายจตุพร กล่าวว่า ต้องยอมรับความเป็นจริงว่าในช่วง 12 ปีนี้ ทุกอย่างเหมือนเปิดไพ่เล่นกัน ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน การร่วมมือระหว่าง พล.ประยุทธ์ กับนายสุเทพนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ก็คือลูกน้องนายสุเทพมาก่อน นายสุเทพพูดเคยหมดเงินไป 1,400 ล้าน ตอนชุมนุม กปปส. ท้ายที่สุดก็ไปเปิดประตูให้ พล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจ ขณะเดียวกันในช่วงปลาย คนใน กปปส. ก็อยู่ในคณะรัฐมนตรี และบัญชีรายชื่ออันดับ 1 ของพรรค พปชร. คือนายณัฐพล ทีปสุวรรณ ลูกน้องนายสุเทพ ดังนั้นมันเป็นการสมคบคิด ตนก็พยายามชวนคุยแต่ดูแล้วคุยกันยาก
“ความจริงทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และนายทักษิณ ควรจะกลับบ้านทั้งคู่ ดังนั้นในความหมายของการกลับบ้านอาจจะมีความแตกต่างกัน เราเองก็เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ทำเนียบมา 5 ปีแล้ว ได้เกิดความเสียหายมากมาย มันควรจะพอได้แล้ว ควรจะกลับบ้าน กรณีของนายกทักษิณก็ควรจะกลับบ้าน มาทำกระบวนการให้ถูกต้อง” นายจตุพร กล่าว
ถามถึงคดีที่ศาลฎีกาพิพากษาจำคุกนายทักษิณไปแล้ว หากกลับมาต้องมีการนิรโทษกรรมหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า คดีที่ศาลฎีกาพิพากษาจำคุกนั้นหมดอายุความไปแล้ว ที่เหลือยังไม่มีโทษ เรื่องนี้เป็นประเด็นสาธารณะหลักที่วิพากษ์กันตอนยึดอำนาจปี 2549 แล้วตั้ง คตส. ต่อมาตอนยึดอำนาจปี 2557 ที่ตนถูกจับไปขัง แกนนำคนสำคัญบอกกับตนว่าจะไม่เดินตามรอย คตส. เพราะเห็นถึงความผิดพลาด บุคคลดังกล่าวเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ต่อมาก็เลื่อนในตำแหน่งที่สูงกว่า เพราะฉะนั้นคนละขั้นตอน กระบวนการยุติธรรมตอนปลายอย่างไรก็ต้องปฏิบัติตามนั้น สรุปทั้งสองคนควรกลับบ้านทั้งคู่
ถามว่าหมายความว่าคดีที่ดำเนินการไปแล้วต้องมีการรื้อคดีใหม่หรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า ตนยังไม่ได้พูดไกลขนาดนั้น เพียงแต่ว่าบทเรียนที่ผ่านมาต้องไปเริ่มให้ถูก ที่วิพากษ์วิจารณ์ไม่เกี่ยวกับเรื่องศาล แต่เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมตั้งต้น ตั้ง คตส. มีนายแก้วสรร อติโพธิ, นายนาม ยิ้มแย้ม และคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา แต่ละคนมีความรู้สึกเฉพาะตัวอยู่แล้ว ถ้าคณะนั้นปฏิบัติต่อนายกฯ ทุกคนก็ไม่เป็นปัญหาอะไร ปัญหามันอยู่เท่านี้เอง
และถามว่าปรากฏการณ์งูเห่าจะเกิดอย่างไร นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าฝ่ายประชาธิปไตยไม่ชนะเบ็ดเสร็จ แต่ละพรรคก็เห็นอาการกันอยู่ พรรคประชาธิปัตย์ก็มีไข่เต็มไว้หมด พรรคเพื่อไทยก็ต้องไประวังกันเอง ตนว่าทุกพรรคก็ต้องระวัง ไม่เว้นแม้กระทั่งพรรคเพื่อชาติ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |