นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา
ยึดหลัก “สัจจะ กตัญญู”
นับตั้งแต่ยังเป็นพรรคชาติไทยจนมาเป็นพรรคชาติไทยพัฒนา และมาถึงปัจจุบันที่นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 21 ไม่อยู่ มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมายในพรรค มีสมาชิกเข้า – ออกหลายคน ดิฉันคิดว่าเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้กับทุกพรรคการเมือง เพราะการเข้า – ออก ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งแม้จะมีบางคนออกจากพรรคไป แต่ก็มีสมาชิกใหม่ๆ เข้ามาจำนวนไม่น้อย แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดยืนต่อเนื่องมาตั้งแต่พ่อบรรหารยังอยู่คือ พ่อจะพูดคำว่า “สัจจะ กตัญญู” ตลอด เวลารับปากกับใคร หรือร่วมงานกับใคร จะไม่ทิ้งเขา จะต้องทำได้อย่างที่รับปากเอาไว้ จะไม่พูดอะไรที่เป็นเพียงลมปาก ซึ่งไม่ใช่บุคลิกของนายบรรหาร และไม่ใช่สิ่งที่สอนพวกเราในพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งเรายึดถือมาจนถึงทุกวันนี้
อีกสิ่งที่พ่อบรรหารสอนคือ ต้องไม่เป็นศัตรูกับใคร ไม่คิดอาฆาต โกรธ หรือแค้นใคร แน่นอนว่าความเป็นปุถุชนเมื่อเกิดเหตุการณ์ใดที่เป็นความขัดแย้ง ความกระเพื่อมในอารมณ์หรือความโกรธย่อมต้องมี แต่เมื่อมีแล้วเราต้องวางให้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว ไม่เก็บมาเป็นความเคียดแค้น ต้องมองผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก ถึงได้มีคำที่เรายึดถือมาตั้งแต่ปี 2554 และใช้เป็นสโลแกนของพรรคชาติไทยพัฒนาจนปัจจุบันว่า “ก้าวข้ามความขัดแย้ง ร่วมแรงปฏิรูปประเทศไทย” จะเห็นว่า มีหลายพรรคเริ่มใช้คำพูดในลักษณะนี้มากขึ้น ซึ่งมาจากพ่อบรรหาร
“พรรคชาติไทยพัฒนาจะสานต่อสิ่งที่พ่อบรรหารเคยทำเอาไว้ จะทำให้ใกล้เคียงกับสิ่งที่พ่อบรรหารได้ทำมาแล้ว หากต่อยอดตรงไหนได้เราจะทำ และในความเป็นพรรคการเมือง จะสืบสานปณิธานของพ่อบรรหารให้เป็นพรรคการเมืองที่มีคุณภาพ มีคุณธรรม ทำสิ่งดีเพื่อสังคมไทย การเป็นนักการเมืองถ้าเป็นคนดี มีความสามารถ และมีคุณธรรม สิ่งที่คุณทำจะเป็นคุณูปการต่อคนจำนวนมาก กลับกันถ้าเก่งแต่เป็นคนไม่ดี ก็จะเกิดผลร้ายเป็นวงกว้างเช่นเดียวกัน คนเป็นนักการเมืองจึงต้องมีคุณธรรมที่สูงกว่าอาชีพอื่นๆ ต้องคำนึงตลอดเวลาว่า ชีวิตคนเราไม่ยืนยาว เราควรจะสร้างสังคมและประเทศชาติที่งดงามส่งต่อไปยังรุ่นลูกรุ่นหลาน”
ยอมรับว่าการรับช่วงต่อจากพ่อบรรหารที่ทำประโยชน์ให้กับประเทศเอาไว้จำนวนมากถือว่าค่อนข้างหนัก แต่ดิฉันจะทำให้ดีที่สุดในทุกๆ วัน ทำให้เต็มความสามารถ และมีคุณธรรมในสิ่งที่เราทำ ส่วนผลจะเป็นอย่างไรเราไม่คาดหวัง เพียงแต่คิดว่าถ้าเราทำแต่สิ่งดี ผลที่ดีย่อมต้องมาแน่นอน ดังนั้น แม้จะเป็นสิ่งที่หนักหน่วง แต่ดิฉันไม่หนักใจ เพราะไม่คิดว่าหน้าที่คือภาระ
“ในวันที่ไม่มีพ่อบรรหารแล้ว แม่ (คุณหญิงแจ่มใส ศิลปอาชา) ถือเป็นกำลังใจให้ลูกทั้งสองคนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะถ้าเป็นการไปหาเสียงในจังหวัดสุพรรณบุรี ท่านมักจะขอไปด้วยเสมอ ถ้าไปหาเสียงที่อื่นแม่ก็มักจะให้พรก่อนออกจากบ้าน พอกลับมาบ้านก็มักจะถามว่าเหนื่อยไหม แม่ถือเป็นพลังที่สำคัญให้ลูกทั้งสองคนในวันที่ไม่มีพ่อ”
ไม่โจมตีใคร มุ่งนำเสนอนโยบายต่อประชาชน
ถ้าเริ่มต้นด้วยการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายทั้งที่ยังไปไม่ถึงวันเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 จะทำให้ไปถึงจุดที่จะสร้างความปรองดองได้ยาก บ้านเมืองจะเดินต่อไปไม่ได้ นโยบายดีๆ ของหลายพรรคการเมืองจะเกิดขึ้นไม่ได้หากมีการทะเลาะเบาะแว้ง และมีการประท้วงบนท้องถนน ซึ่งการปรองดองไม่สามารถกระทำได้โดยลมปาก แต่ต้องทำให้เกิดขึ้นจริง การพยายามแบ่งฝ่ายประชาชนออกเป็นสองฝ่ายไม่เป็นผลดีกับประเทศทั้งสิ้น
พรรคชาติไทยพัฒนาพร้อมจะมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาประเทศ โดยการไม่ทำตัวให้เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งในสังคม ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งเราใช้แนวทางที่สร้างสรรค์ มุ่งลงพื้นที่รับฟังความเห็นพี่น้องประชาชนในทั่วทุกภาค เพื่อนำมากลั่นกรองเป็นนโยบายและแก้ปัญหาดังกล่าวให้ได้ นอกจากนี้ พรรคได้พยายามคัดสรรบุคลากรที่มีศักยภาพ และเป็นที่ยอมรับของประชาชน เพื่อมาลงสมัคร ส.ส.ในพื้นที่นั้นๆ โดยกำชับสมาชิกพรรคทุกคนไม่ให้สร้างความแตกแยก ไม่เลือกข้าง หรือนำไปสู่ความขัดแย้งใดๆ แต่จะมุ่งเน้นที่การแก้ไขปัญหาให้ประชาชนโดยนำเสนอนโยบายของพรรค
หลังการเลือกตั้ง ไม่ว่าพรรคชาติไทยพัฒนาจะอยู่จุดไหนเราจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด หากได้เป็นรัฐบาล เราจะพยายามผลักดันนโยบายที่ได้นำเสนอต่อพี่น้องประชาชนไปสู่การปฏิบัติ รวมถึงนโยบายดีๆ ของพรรคอื่นที่สามารถแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้เราก็พร้อมจะผลักดันเช่นกัน โดยไม่มีอคติหรือแบ่งแยกว่าเป็นของพรรคใด หรือหากเราต้องเป็นฝ่ายค้าน เราจะเป็นฝ่ายค้านที่มีคุณภาพ ซึ่งเรายึดถือมาตลอดตั้งแต่เป็นพรรคชาติไทย
นโยบายของพรรคชาติไทยพัฒนา ได้กลั่นกรองออกมาครอบคลุมพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ไม่ใช่เฉพาะภาคกลาง หรือจังหวัดสุพรรณบุรี สมัยพ่อบรรหารได้รับเลือกตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี จังหวัดแรกที่ลงพื้นที่คือ จังหวัดสงขลา และได้พัฒนาพื้นที่ภาคใต้หลายเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชน รวมถึงภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทุกๆ ภาคนายบรรหารมีความผูกพันทั้งหมด เราไม่ได้เป็นพรรคเฉพาะภาคกลางเท่านั้น
ประชาชนต้องกินอิ่มนอนหลับ
อยากให้เป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นประชาธิปไตยที่นักการเมืองมองพรรคอื่นว่าเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่ต่างต้องการที่จะทำให้ประเทศชาติและคนในชาติอยู่ดีกินดี นักการเมืองทุกคนไม่ว่าจะได้รับบทบาทฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน จะต้องทำหน้าที่อย่างสร้างสรรค์ อยากให้มีรัฐบาลที่รักประชาชนจริงๆ
“เวลาดิฉันลงพื้นที่ได้เห็นแววตาชาวบ้านแล้วรู้สึกว่าพวกเขารอคอยการช่วยเหลือจริงๆ ถ้าได้เห็นแววตาและมือที่เขามาจับเรา เราอยากจะมีมือสักร้อยสักพันมือเพื่อจับพวกเขาให้ทั่วถึง พวกเขาต้องการแค่ความเป็นอยู่ที่พอใช้ได้ในระดับพื้นฐานเท่านั้น ไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่ากินอิ่มนอนหลับ ไม่ได้ต้องการอะไรหรูหรา จิตวิญญาณที่แท้จริงของนักการเมืองต้องยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนจากที่แร้นแค้นมากให้ดำรงชีวิตอยู่ได้ ตลอดจนลูกหลานได้ศึกษาเล่าเรียน”
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |