เมื่อวาน........
เอา "ข้อชี้แนะ" ของอาจารย์ "สมเกียรติ โอสถสภา" ที่ท่านโพสต์เฟซไว้มาหากิน
ติดใจที่ท่านเขียนแนะ "ลุงตู่" ว่า
"เชิญหม่อมเต่ามาเลย สุดยอด แนวคิดเพิ่มงานเป็นสองกะ ก็เพิ่มแรงงาน เงินหมุน ไม่ต้องใช้งบเยอะ เคนสครับ เร่งงานก่อสร้าง เงินไหลโจ๊ก หม่อมเต่าทำเป็น ให้คุมอีอีซีเลย
ความคิดหม่อมเต่าเรื่องสร้างโรงงานสามจังหวัดภาคใต้ เป๊ะมาก
น่าช่วยกันทำให้สามจังหวัดจบเกมส์ได้แบบ วิน วิน ผมจะไปช่วยด้วย
จบงานสามจังหวัด ให้ท่านช่วยบริหารสำรองแบงค์ชาติหน่อย แก้ปัญหา dutch disease มีเงินหมุนเศรษฐกิจทำได้สิบวิธี
คนที่ดีที่สุด อยู่พรรคคุณสุเทพ แล้วหม่อมเต่าก็จะระดมพลเศรษฐกิจมาเพิ่มได้อีกหมื่นสาย ทำเป็นมาเอง ทำเลย"
อาจารย์สมเกียรติ "มองข้ามช็อต" ไปถึงรัฐบาลใหม่โน่น ว่านายกฯ คือ "ลุงตู่"
แต่ผมไม่ได้ติดใจตรงประเด็นนี้ เพราะแหงอยู่แล้ว!
หากแต่ "ติดใจ" ประเด็น "หม่อมเต่า".........
ก็ "ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล" หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย อันมี "กำนันสุเทพ" เป็นหัวหอกทะลวงแทงอยู่ตอนนี้
คือผมนึกไม่ถึง ว่าอาจารย์สมเกียรติ จะมอนิเตอร์ "ทุกคน-ทุกพรรค" ละเอียดขนาดนี้
เมื่ออาจารย์โฟกัส "หม่อมเต่า" ผมจึงติดใจ!
ติดใจในความหมาย ว่าหม่อมเต่า "วันนี้" ต่างกับหม่อมเต่า "วันโน้น" ชนิดเป็นคนละคนเลยทีเดียว
คือตอนเป็นปลัดกระทรวงการคลัง และตอนเป็นผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ต้องบอกว่า
คนชนชั้น "คุณชาย" ที่เห็นในวงราชการงานเมือง เกือบทุกคน จะมีบุคลิกพิเศษทางการแสดงออก มาในโทนเดียวกัน
ก็อะไรล่ะ...
อย่างที่เขาเรียก "อีโก้" หรือ "อัตตา" สูง ประมาณนั้น!
พูดจาเอาแต่ใจ ยึดถือตัวเองเป็นใหญ่ และการปฏิสันถาร กระเดียดไปทาง "ไว้เนื้อ-ถือตัว"
อย่างที่ชาวบ้านเขาเรียกว่า "หยิ่ง"
หลายๆ หม่อมที่เห็นในแวดวงการเมือง ก็เป็นลักษณะนี้!
มองอีกด้าน.......
ไม่ใช่ท่านหยิ่งโดยเจตนา หากแต่มันเป็นธรรมชาติต่อเนื่องแห่งชนชั้นอย่างนั้นมากกว่า
ระดับ ม.ร.ว.นี่ ต้องเรียก "คุณชาย" ต่ำศักดิ์กว่า ม.ร.ว.ลงมาถึงจะเรียก "หม่อม"
"หม่อมหลวง" ถือเป็นชั้นสุดท้ายในระบบศักดินา จากนั้น เป็น นาย..นาง..มึง..กู
เรียกว่า "หมดเชื้อ" คืนสู่สามัญ!
แต่ที่เรียก ม.ร.ว.จัตุมงคลกันว่า "หม่อมเต่า" เพราะติดปากอย่างหนึ่ง สังคมคุ้นคำว่า "หม่อม" มากกว่าคำว่า "คุณชาย" อีกอย่างหนึ่ง
คุณชายเต่า หรือคุณชายท่านอื่นๆ อย่างคุณชายอุ๋ย คุณชายสุขุมพันธุ์ ในระดับ ม.ร.ว.
นักข่าวกระทั่งชาวบ้าน ก็เรียกท่าน "หม่อม..หม่อม" ซึ่งท่านก็เข้าใจ และไม่ถือสา
"คุณชายเต่า" จึงถูกเรียกเป็น "หม่อมเต่า" ติดปากกันมาถึงทุกวันนี้
แต่ หม่อมเต่าวันนี้ ในวัย ๗๕-๗๖ ปี เป็น "คนละคน" กับหม่อมเต่าใน ๕๐-๖๐ ปี ด้านอัตตาคือการ "ถือตัว-ถือตน" เห็นชัดมาก
ผมมาสะดุดใจ เมื่อ ๒ สัปดาห์ก่อน เมื่อเห็นท่านมาให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ ช่อง ๒๒ เนชั่น
ท่าน "ตกผลึก" จนแทบไม่เชื่อว่านี่ คือ "หม่อมเต่า" จอมขวานผ่าซาก เมื่อ ๒๐ กว่าปีที่แล้ว?
เป็นคนละคนอย่างว่าจริงๆ แต่ละคำพูด-คำตอบ เห็นชัดว่า ทุกคำ-ทุกประเด็น
"กลั่น" ออกมาจาก "เครื่องกรอง" ที่เรียก........ประสบการณ์ วิชาการ ความรอบรู้ ความรับผิดชอบ นอบน้อม-ถ่อมตน เป็นวิสัยทัศน์ตกผลึก
"วิญญูชน+รัตตัญญูชน" เช่นนี้ หายากยิ่งในหมู่คนรุ่นเก่า-รุ่นใหม่
เมื่อ "หม่อมเต่า" เป็นผลึกแห่งทรัพยากรบุคคลปรากฏขึ้นในภูเขาขยะทางการเมืองเช่นนี้
ไม่มีทั้งอีโก้-อัตตาใดๆ มีแต่ความเป็นผู้ใหญ่ปรารถนาดี ในความเป็นบ้านเมืองที่ต้องช่วยกัน
ผมประทับใจท่านจากหน้าจอวันนั้น.....
เมื่ออาจารย์สมเกียรติที่โอตะตรึมไม่น้อยหน้าเฌอปราง มาอวยหม่อมเต่าให้ลุงตู่ชวนไปทำงานเข้าอีก จึงปลื้มสองต่อ!
ย้อนกลับไป ๒๐ ปีก่อนโน้น หม่อมเต่าที่ไม่เคยแคร์และแยแสคน
แต่วันนี้.......
หม่อมเต่าแปลงความไม่แคร์และไม่แยแสคน ไปเป็นความแคร์และแยแสต่ออนาคตบ้านเมือง
ช่ำชองทั้งด้านวิศวกรรมศาสตร์และเศรษฐศาสตร์จากเคมบริดจ์ บริหารจากฮาร์วาร์ด
นั่นยังแค่ตำรา.........
แต่ประสบการณ์ถึงระดับปลัดคลังและผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ แต่ยอมเป็น "สามัญชนต่ำศักดิ์"
เดินย่ำต๊อก นอนกลางดิน กินกลางทราย ไปคารวะแผ่นดิน กับกำนันสุเทพและคณะในบทนักการเมือง
ตำแหน่งและผลประโยชน์ เป็น "ส่วนเกิน" ที่หม่อมเต่าจะปรารถนาแล้ว
แต่เพราะเล็งเห็นว่า ผลึกอันเกิดจากบ่มเพาะในตัวท่าน สามารถช่วยสังคมชาติบ้านเมืองช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ได้บ้าง
ท่านจึง "ยอมเหนื่อย" ยอมเป็นขี้ปากให้คนบางคน-บางพวกในงานอาสา!
เห็นคุณค่าจะเอาใช้...ก็ใช้ ไม่เห็น..ไม่เอา ก็อย่าเอา มันก็เท่านั้น
ยากนะ.......
ไม่ยากเรื่องงาน!
แต่มัน "ยาก" ที่ระดับหม่อมเต่าจะยอมลงมา "เหนื่อย" กับสังคมเลือกตั้ง
ซึ่งจะว่าไปแล้ว "ไม่จำเป็น" เลย สำหรับท่าน เพราะเท่าที่ท่านมีและที่ท่านเป็นทุกวันนี้
มันก็มากและสูงอยู่แล้ว!
ก็เป็นเครื่องบ่งบอกอย่างหนึ่ง หม่อมเต่านั้น ถ้าต้องการตำแหน่งและไม่ต้องเหนื่อย เลือกพรรคสังกัดได้เยอะแยะ
แต่ที่ปลงใจในพรรครวมพลังประชาชาติไทย นอกจากหม่อมเต่าจะพึงใจอะไรบางประการในตัวกำนันสุเทพแล้ว
ที่แน่ๆ แสดงว่า.......
บุคลากรในพรรค ต้องเป็นบุคคลคุณภาพ ทั้งรุ่นเก่า-รุ่นใหม่ มีคำว่า "ชาติบ้านเมือง" อยู่ในหัวใจ แทนคำว่า "ประโยชน์กูจะได้" ซึ่งเหมาะแก่งานอาสาทางการเมือง ที่ต้องอดทน-เสียสละสูง
ด้วยวิสัยทัศน์และประสบการณ์บริหารของหม่อมเต่า ท่านคงเห็นตรงนี้ในพรรคลุงกำนันด้วย
ถึงยอมลงมาเหนื่อย สำเร็จ-ไม่สำเร็จทางการเมือง เป็นเรื่องหนึ่ง
แต่อย่างน้อย ได้อุทิศแบบอย่างเป็น "หน่อแนว" ให้คนในพรรค ได้สืบสานเป็นตำนานที่สวยงามของ "พรรครวมพลังประชาชาติไทย" ยาวไปสู่ศตวรรษที่ ๒๑
ดูๆ ไป คนพรรครวมพลังประชาชาติไทย เป็นอย่างที่อาจารย์สมเกียรติว่าไว้จริงๆ ที่ว่า
"คนที่ดีที่สุด อยู่พรรคคุณสุเทพ"!
เช่น ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล, เพชรชมพู กิจบูรณะ, เขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์, อนุสรี ทับสุวรรณ, ทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง, จุฑาฑัตต เหล่าธรรมทัศน์, ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์, พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์, เบญญา นันทขว้าง
รศ.ดร.จักษ์ พันธ์ชูเพชร, ผศ.ร.ต.อ.ดร.จอมเดช ตรีเมฆ, ประสาร มฤคพิทักษ์ และสำราญ รอดเพชร เป็นต้น
ที่ว่า ม.ร.ว.จัตุมงคล "ตกผลึก" เห็นชัด
โดยทั่วไป ในฐานะหัวหน้าพรรค ท่านก็ต้องเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค
แต่คนที่เคยอัตตาสูง กลับประกาศแต่แรกเลยว่า พรรคท่าน ไม่เสนอใครเป็นนายกฯ พรรค
เพราะต้องการ "สนับสนุน" พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เป็นนายกฯ เพื่อสานงานที่เริ่มไว้ดีแล้วต่อไปให้สำเร็จ!
จากยอด......
"หม่อมเต่า" ยอมมาเป็นฐาน
ใครจะนึกว่าได้เห็นปรากฏการณ์นี้จากบุคคลชื่อ "ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล"?
ส่วนตัวผม.......
มื้อนี้ "ขอยอมให้ท่าน"!
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |