18 มี.ค.62 -  พรรคเพื่อชาติสัญจร ภาคอีสาน ช่วยผู้สมัครหาเสียง จ.ร้อยเอ็ด จ.มหาสารคาม จ.ขอนแก่น นำโดย นายอารี ไกรนรา รองหัวหน้าพรรค พร้อมด้วยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ เริ่มตั้งแต่เช้ามืด ช่วยผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อชาติ เขตสาม จ.ร้อยเอ็ด ดร.พีระประพล  พลเยี่ยม เบอร์ 7  พบปะพี่น้องประชาชน ณ ตลาดสด อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด จากนั้นปราศัยและพบปะพี่น้องประชาชน ณ พื้นที่ ต.นาอุดม ต.โพธิ์ทอง ต.นาคำดี ต.โคกสูง ต.โพธิ์ศรีสว่าง,  ต.สว่าง ต.โคกม่วง ต.พรมสวรรค์ อ.โพนทอง,  วัดป่าเฉลิมราช อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด

นายจตุพร กล่าวถึงกรณีปัญหาที่เกิดในการเลือกตั้งล่วงหน้าทั้งนอกราชอาณาจักรและนอกเขต ว่า เรื่องนี้เป็นบทเรียนสำคัญ หากมีการหยิบยกมาในวันหน้า อาจทำให้เกิดการเลือกตั้งโมฆะได้ ดังที่เคยขึ้นในอดีต สองครั้งแล้วก็มีการยึดอำนาจตาม อะไรที่เป็นสิ่งที่ผิด หากไม่ถูกหยิบยกขึ้นมา ก็สามารถเดินหน้าต่อได้ แต่ตนก็หวั่นเกรงว่า วันหนึ่ง ถ้าในซีกสนับสนุนการสืบทอดอำนาจ ประชาชนไม่ขานรับ จากการที่ใช้อำนาจ เงินตรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอีสาน บทเรียนในอดีตมีมาแล้วว่า ใช้เงินมากก็แพ้การเลือกตั้ง วันนี้ก็เช่นเดียวกัน รับเงินหมากาพรรคเพื่อชาติ ก็เป็นสิทธิ์ของพี่น้องประชาชนจะทำได้  ยิ่งใช้อำนาจรัฐมากเท่าไรประชาชนคนไทยยิ่งไม่ชอบ แล้วประชาชนจะไปสำแดงกันในวันเลือกตั้ง จะเป็นหนทางแห่งหายนะของเผด็จการ ที่จะได้รับความพ่ายแพ้ บทเรียนที่เผด็จการไม่เคยจดจำ คือการใช้อำนาจรัฐและอำนาจเงิน นำพาไปสู่ความพินาศย่อยยับ

นายจตุพร กล่าวอีกว่า สถานการณ์ ณ วันนี้ บทเรียนการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรและบทเรียนเรื่องการเลือกตั้งล่วงหน้าที่น่าสนใจก็คือ การดูแลหีบบัตรเลือกตั้งใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้านั้น ได้มีมาตรการในการดูแลอย่างไร กกต.ต้องแถลงชัดเจน เพราะการเลือกตั้งหลายครั้งที่ผ่านมา มีประชาชนจำนวนมากเชื่อว่ามีการเปลี่ยนหีบบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า โดยเฉพาะในช่วงระหว่างจำแนกแยกบัตรที่ส่งมาตามเขตเลือกตั้งต่างๆ มันกลายเป็นช่องว่าง 

"เพราะฉะนั้นถ้าประชาชนจับได้ว่า ได้มีการเปลี่ยนบัตรเลือกตั้ง เปลี่ยนหีบเลือกตั้ง ซึ่งวันนี้ยังไม่มีหลักฐาน แต่บทเรียนที่ผ่านมาความรู้สึกของประชาชนที่ใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า กับวันเลือกตั้งจริงมันขัดแย้ง ย้อนแย้งกันหลายกรณีในอดีต เพราะฉะนั้นฝากบอกต่อว่า อย่าได้ตามรอยอดีต" 

นายจตุพร  เชื่อว่า กกต. ทั้ง 7 คนก็ ต้องการจัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ ยุติธรรม  และตนก็เชื่ออีกว่า เพราะ กกต.เกรงกลัวการใช้อำนาจมาตรา 44 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ซึ่งมีอำนาจที่จะปลด กกต. ได้ เพราะฉะนั้นถ้าการเลือกตั้งไม่สุจริตและเที่ยงธรรม  ก็จะกลายเป็นการเลือกตั้งสกปรก เหมือนปี 2500 แม้ว่าจะชนะ ก็อยู่ไม่ได้ ประชาชนก็ลุกขึ้นมาจัดการ แต่ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ก็จะมีการรัฐประหารซ้อนขึ้นมาอีก ซึ่งเราไม่ต้องการเช่นนี้แล้ว

 อย่างไรก็ตาม หากเรามีนักประชาธิปไตยเกินครึ่งของสภา ก็จะไม่มีใครกล้ายึดอำนาจได้ แต่ในสภาผู้แทนราษฎรจริงๆ เรามีคนทำงานจริงไม่เกิน 50 คน จาก 500 คน วันนี้พรรคเพื่อชาติต้องการจะเปลี่ยนแปลงเพื่อป้องกันเหตุการณ์ยึดอำนาจในอนาคต จึงได้คัดเลือกผู้สมัครที่เป็นนักประชาธิปไตย ขอโอกาสเข้าไปเป็นผู้แทน  

ทั้งนี้นายจตุพร ได้กล่าวเชิญชวนพี่น้องประชาชนมาร่วมฟังปราศรัยใหญ่ ในภารกิจ “ฝ่ายประชาธิปไตย ส่งพลเอกประยุทธ์กลับบ้าน” มาฟังกันว่าทำไม จึงต้องส่งท่านกลับบ้าน ในวันอังคารที่ 19 มีนาคม 2562  ที่ วงเวียนใหญ่ กรุงเทพมหานคร เริ่มตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป