กองแช่งอารมณ์ค้าง ตามรุมถล่มหมอธี/ครม.ส่อร้าวไร้เงาร่วมอุ่นไอรัก


เพิ่มเพื่อน    

    “ประยุทธ์ 5” ส่อเค้าร้าวหนัก บิ๊กตู่ขน ครม.เที่ยวงานอุ่นไอรักฯ แต่ไร้เงาหมอธี “บิ๊กป้อม” อ้างเจ็บคอปฏิเสธตอบคำถามให้อภัยหรือยัง เรืองไกรเขย่าซ้ำรุกบี้ รมว.ศธ.ถือหุ้นปูนใหญ่ “พท.-แดง-ปชป.”  ประสานเสียงรุมถล่มรัฐมนตรี ซัดดีแต่ปาก สุดท้ายเลือกยึดเก้าอี้ หวั่นเป็นแบบอย่างไม่ดีแก่เยาวชน
เมื่อวันพุธที่ 14 ก.พ. ยังคงมีความต่อเนื่องในกรณี นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ลาหยุดเมื่อวันอังคาร เพื่อเข้าชี้แจงกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กรณีวิจารณ์ปมนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม   
โดยล่าสุดเมื่อวันพุธ นพ.ธีระเกียรติยังคงมาทำงานตามปกติ 
ขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตรเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 ครั้งที่ 2/2561 โดย พล.อ.ประวิตรยังกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งว่า "ยังเจ็บคออยู่" และเมื่อผู้สื่อข่าวพยายามถามว่าให้อภัย นพ.ธีระเกียรติหรือยัง พล.อ.ประวิตรไม่ตอบคำถาม เดินเข้าห้องประชุมทันที ต่อมาภายหลังประชุม พล.อ.ประวิตรยังคงปฏิเสธให้สัมภาษณ์ แต่ได้กล่าวเพียงสั้นๆ เมื่อถูกถามว่าวันวาเลนไทน์อยากอวยพรอะไรว่า "เจ็บคอๆ ขอให้รักกันมากๆ นะ"
ต่อมาในช่วงเย็น ในงานอุ่นไอรัก คลายความหนาว ณ พระลานพระราชวังดุสิต พล.อ ประยุทธ์พร้อมด้วยภริยา นำคณะรัฐมนตรีและคู่สมรสแต่งชุดไทยมาร่วมงาน โดยนายกฯ ได้นุ่งผ้าโจงกระเบนและเสื้อในโทนสีม่วง ถือไม้เท้า ส่วนบรรดารัฐมนตรีพร้อมผู้ติดตามต่างพากันแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใสย้อนยุคสมัยรัชกาลที่ 5 ขณะที่ พล.อ.ประวิตรสวมเสื้อและโจงกระเบนสีเขียวอ่อน มีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า นพ.ธีระเกียรติไม่ได้มาร่วมงานดังกล่าวแต่อย่างใด
ส่วน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการแชร์ภาพคลิปการชุมนุมและภาพ พล.อ.ประวิตรเกี่ยวกับนาฬิกาหรูในโลกโซเชียลมีเดียว่า คสช.และรัฐบาลเห็นแล้ว แต่ไม่อยากไปวิจารณ์คลิปชุมนุมจริง ไม่จริง แต่พูดกันด้วยเหตุและผล เชื่อว่าน้ำหนักด้วยเหตุและผลใครฟังก็เข้าใจได้ว่าควรรับฟังและเชื่อในข้อมูลไหน ส่วนเรื่องของ พล.อ.ประวิตร เป็นคนกรณี และได้ชี้แจงชัดเจนแล้วต้องชี้แจงต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อยู่ในระหว่างการตรวจสอบของ ป.ป.ช. ต้องรอ ป.ป.ช.ว่าอย่างไร ถ้าถูกคือถูก ถ้าผิดกระบวนการต่อไปก็ต้องมีว่าต้องทำอย่างไรต่อไป ถ้าเอาอารมณ์เป็นเครื่องตัดสินทุกอย่างในสังคมจะวุ่นวายไปหมด
         ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้า ที่สำนักงาน ป.ป.ช. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) เดินทางมาให้ถ้อยคำต่อเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. กรณีเป็นผู้ร้องขอให้ยึดหรืออายัดนาฬิกาหรู 25 เรือนที่ปรากฏภาพ พล.อ.ประวิตรเคยสวมใส่ โดยนายเรืองไกรกล่าวก่อนเข้าให้ปากคำว่า ป.ป.ช.ได้ตั้งคำถาม 4 ประเด็น คือ 1.ข้อมูลนาฬิกาว่ามีกี่เรือน รุ่นอะไร มูลค่าเท่าไร ซึ่งเรื่องนี้ตนเองไม่รู้ และยืนยันว่าเป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช.ที่จะต้องไปตรวจสอบความมีอยู่จริงของทรัพย์สินดังกล่าว 2.นาฬิกาและแหวนเพชรทั้งหมดเป็นของ พล.อ.ประวิตรหรือไม่ เรื่องดังกล่าวมีข้อมูลจากการชี้แจงของ พล.อ.ประวิตรแล้วว่าเป็นของเพื่อนคือ นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ 3.การได้ทรัพย์ของ พล.อ.ประวิตร เป็นการได้มาที่ไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่หรือไม่ ซึ่งข้อมูลส่วนนี้ พล.อ.ประวิตรชี้แจงมาแล้วว่าเป็นของเพื่อนไม่ใช่ของท่าน แต่เมื่อเป็นการยืมต้องตรวจสอบว่ามีการจ่ายค่าบำรุงรักษาหรือไม่ ไม่อย่างนั้นอาจจะเข้าข่ายเป็นการรับผลประโยชน์อื่นใด ตามตามมาตรา 103 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ได้ด้วยเช่นกัน และ 4.มีข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งในส่วนนี้ก็เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. ต้องไปรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว และจะยืนยันเช่นเดิมว่า ป.ป.ช.ต้องทำการยึดอายัดนาฬิกาและทรัพย์สินที่ตกเป็นข่าวมาตรวจสอบ
บี้ธีระเกียรติถือหุ้นปูนใหญ่
นายเรืองไกรยังกล่าวว่า ได้ส่งจดหมายถึง นพ.ธีระเกียรติให้พิจารณาในเรื่องการถือหุ้นบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 5,000 หุ้น ว่าเป็นหุ้นสัมปทานหรือไม่ รวมทั้งการซื้อหุ้นเพิ่มเติมอีก 800 หุ้น ก่อนดำรงตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการจริงหรือไม่ และหากเป็นหุ้นสัมปทาน นพ.ธีระเกียรติจะดำเนินการเหมือนที่ได้ให้สัมภาษณ์กรณีนาฬิกาหรือไม่ ซึ่งในวันที่ 19 ก.พ.นี้ ไม่ว่า นพ.ธีระเกียรติจะลาออกหรือไม่ ก็จะยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้ดำเนินการก่อนส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องการขาดคุณสมบัติต่อไป 
นพ.ธีระเกียรติกล่าวเรื่องนี้ว่า ไม่ขอพูดเรื่องนี้ เนื่องจาก ป.ป.ช.ก็บอกแล้วว่าจะทำอะไร ส่วนที่ว่าถ้า ป.ป.ช.เข้ามาตรวจสอบแล้วจะผิดหรือไม่นั้น ก็ตรวจสอบไป รัฐมนตรีคนอื่นก็มีปัญหาแบบนี้ ให้สอบมาก็ว่ากันไป ส่วนจะขาดคุณสมบัติหรือไม่ ก็ให้ไปดูที่กฤษฎีกาตีความ ซึ่งกฤษฎีกาก็ได้ตีความมาแล้วว่าไม่ได้ทำผิดอะไร 
          วันเดียวกัน ยังคงมีการวิพากษ์วิจารณ์กรณี นพ.ธีระเกียรติในประเด็นนาฬิกาหรูอย่างกว้างขวาง โดยนายวัฒนา เมืองสุข สมาชิกพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “พอกัน” ว่า หลายคนตื่นเต้นกับคำพูดของรัฐมนตรีศึกษาฯ และคงคาดเดาว่ารัฐมนตรีคนนี้คงเป็นพวกน้ำดี แต่คิดว่าเป็นการพูดเพียงให้ดูเท่ เพราะเผด็จการเป็นสิ่งน่ารังเกียจ ใครก็ตามที่อยู่ร่วมกับเผด็จการได้ก็ต้องเป็นคนประเภทเดียวกัน แบบที่โบราณกล่าวไว้ว่างาช้างย่อมไม่งอกจากปากสุนัข ในกองอาจมก็ย่อมไม่มีดอกบัวเช่นกัน แต่ที่ห่วงคือเยาวชนของชาติที่อาจเอาพฤติกรรมของรัฐมนตรีศึกษาฯ เป็นแบบอย่าง
      นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โพสต์เฟซบุ๊กในเรื่องนี้ ว่า ท่าดีทีเหลว และต้องดูกันต่อไปว่านายกฯ จะจัดการปัญหานี้อย่างไรกับผู้ที่มาบั่นทอนมาตรฐานทางจริยธรรมคุณธรรมของรองนายกฯ จะจบเพียงแค่ขอโทษเท่านั้นหรือเปล่า แล้วเรื่องนาฬิกาหรู 25 เรือนจะว่ากันอย่างไรต่อไป จะจบที่ ป.ป.ช.หรือเปล่า หรือจะคล้ายกับกรณีร้อยศพปี 53 หรือเปล่า
    ขณะที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า นพ.ธีระเกียรติเขาต้องเลือกสถานภาพของเขา ถ้าสิ่งที่เขาเชื่อยังคงดำรงอยู่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เขาจะอยู่ในสภาพนั้นหรือไม่ ถ้าเชื่อว่าสิ่งนั้นยังอยู่แล้วยังอยู่ได้ ก็แสดงว่าเขาไม่ได้แตกต่างจากสิ่งที่เขากล่าวเท่าไหร่ ไม่ได้แตกต่างจากบุคคลที่เขากล่าวเลย การที่เขาแถลงอย่างนี้แสดงว่าเขายังหวงตำแหน่ง เขาจะอยู่กับใครอย่างไรก็ไม่สนใจ แต่ขอให้ได้อยู่ แต่การพูดครั้งแรกก็เพื่อให้ดูดี แต่ไม่ได้ดีจริง
ยกสปิริตนักการเมืองยุคเก่า
    เมื่อถามว่า นพ.ธีระเกียรติเป็นถึงรัฐมนตรี ศธ. ควรเป็นต้นแบบให้นักเรียนนักศึกษาหรือไม่ นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า เขาต้องวางมาตรฐานของ รมว.ศึกษาธิการว่าฐานของรัฐมนตรีควรอยู่ระดับไหน ควรเป็นต้นแบบอย่างไร แต่เห็นว่าสังคมอย่าไปคาดหวังอะไรมาก ทุกคนก็ต้องการให้ตัวเองดี แต่ไม่ได้ดีจริง สมัยที่รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง ถูกกล่าวหานิดเดียวก็ลาออกเลย เช่น นายวิทยา แก้วภราดัย ลาออกจาก รมว.สาธารณสุข และนายวิฑูรย์ นามบุตร ลาออกจาก รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ซึ่งอยู่ที่สปิริตของนักการเมืองที่เรียกตัวเองว่าปฏิรูป แต่สปิริตแย่กว่านักการเมืองที่มาจากเลือกตั้งที่ยังไม่ปฏิรูป
         ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่ นพ.ธีระเกียรติออกมาแถลงว่าผิดมารยาท ก็คงมองเรื่องภาพรวมของรัฐบาลเป็นหลักว่าถ้าเขาไม่มีท่าทีอะไรหลังไปพบนายกฯ ก็อาจมีผลกระทบต่อรัฐบาลได้ เพราะเมื่อใดก็ตามที่คนในคณะรัฐบาลวิพากษ์วิจารณ์กันเอง ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นรัฐบาลไม่มากก็น้อย ซึ่งแน่นอนที่สุดการออกมาแถลงอย่างนี้ อาจจะถูกสังคมส่วนหนึ่งวิพากษ์วิจารณ์ได้ ท่านคงตัดสินใจแล้วว่าวิธีการนี้เป็นวิธีการที่จำเป็นต้องแสดงออกในลักษณะนี้
    “สิ่งที่พูดตอนแรกเป็นความคิดเห็นของท่านโดยตรง ท่านอาจจะไม่ได้คิดว่าจะส่งผลกระทบต่อรัฐบาล แต่สิ่งที่ท่านพูดไปปรากฏต่อสาธารณชน ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อรัฐบาลไม่มากก็น้อย ท่านก็ตัดสินใจโดยนึกถึงรัฐบาลเป็นหลัก ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องที่ต้องรับผิดชอบหรือไม่ และคิดว่าไม่ถึงขนาดเป็นรอยร้าวของรัฐบาล เมื่อคน 2 คนในรัฐบาลมีความเห็นไม่ตรงกัน ก็เป็นเรื่องของตัวบุคคลของคน 2 คนเป็นด้านหลัก เพราะในสมัยก่อนก็เป็นเรื่องของพรรค เมื่อเห็นไม่ตรงกันก็จะมีปัญหา แต่นี่เป็นเรื่องปัจเจกบุคคลเป็นหลัก” นายองอาจกล่าว
    ส่วนนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน โพสต์เฟซบุ๊กว่า คิดไม่ผิดจริงๆ ครม.ชุดนี้มีแต่พวกจอมปลอม วันที่ 9 ก.พ.2561 พูดมาจากต่างประเทศอย่างเข้มแข็ง ประกาศกร้าว ถ้าเป็นผมถูกเปิดโปงนาฬิกาข้อมือเพียงเรือนเดียวก็ลาออกแล้ว แต่วันนี้ อังคารที่ 13 ก.พ.2561 ในการประชุม ครม. คนที่ทำเป็นปากเก่ง กลัวถูกปลดออกจากตำแหน่ง รีบเข้าไปยกมือไหว้ขอโทษเจ้าของนาฬิกา 25 เรือน คนที่ตัวเองเพิ่งเอ่ยปากไล่ออก เหนือสิ่งอื่นใด นายกฯ ประยุทธ์ซึ่งเป็นผู้ออกมาประกาศจะปราบปรามการทุจริต กลับไม่เคยกล้าเอาผิดกับคนใกล้ตัวเลย นอกจากไม่จริงใจ ไม่จริงจัง ยังช่วยปกป้องคนผิด.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"