ทั่วไทยจัดพิธีวิวาห์ชื่นมื่น ปีแรกจดทะเบียนสมรสบนเขาพนมรุ้ง/พบตายายครองรักนิรันดร์


เพิ่มเพื่อน    

   ทั่วไทยจัดพิธีวิวาห์ชื่นมื่น บุรีรัมย์จดทะเบียนสมรสบนเขาพนมรุ้งเป็นปีแรก สุรินทร์จัดพิธีแต่งงานแบบชาวกูย จดทะเบียนสมรสบนหลังช้างสุดยิ่งใหญ่หนึ่งเดียวในโลก ต่างชาติแห่ร่วมงานบนหน้าผาสูงที่อ่าวไร่เลย์ คู่บ่าวสาวชาวคริสต์ 14 คู่ถือฤกษ์วันเลนไทน์จูงมือเข้าประตูวิวาห์ ที่พิจิตรจัดงานย้อนยุค คู่บ่าวสาวแต่งชุดไทยนั่งรถไฟไปแต่งงาน พบสองตายายคู่รักนิรันดร์จดทะเบียนสมรส 69 ปี ยังครองรักกันดี แถมมีสุขภาพแข็งแรง
    เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศวันวาเลนไทน์ในปีนี้เป็นไปอย่างคึกคัก หน่วยงานราชการหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทยจัดงานพิธีมงคลสมรสเฉลิมฉลองให้แก่คู่บ่าวสาว
    ที่บริเวณทางดำเนินเสานางเรียง อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ น.ส.เพชรรัตน์ ภูมาศ นายอำเภอเฉลิมพระเกียรติ เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมเนื่องในวันแห่งความรัก “มหัศจรรย์แห่งรัก @ Phanomrung ก้าวเดินไปด้วยกัน ด้วยรักที่มั่นคง ดุจขุนเขา” โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ รวมถึงญาติของคู่รักฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาวร่วมงานกันอย่างคึกคัก
    ทั้งนี้ อ.เฉลิมพระเกียรติ ร่วมกับอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง จัดขึ้นเป็นปีแรก เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวตามแผนพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์ ตามวิสัยทัศน์ศูนย์กลางการท่องเที่ยวอารยธรรมขอมและกีฬามาตรฐานโลก เศรษฐกิจที่มั่นคง สังคมสันติสุข พร้อมทั้งยังอำนวยความสะดวกแก่คู่สมรสที่ขอจดทะเบียนในวันแห่งความรักให้เป็นประเพณีที่นิยมถือปฏิบัติ เกิดความมั่นคง สร้างความอบอุ่นแก่ครอบครัว และได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย
    โดยมีคู่รักบ่าวสาวชาวไทยรวม 13 คู่ ทั้งใน จ.บุรีรัมย์และจังหวัดใกล้เคียงร่วมกิจกรรมตั้งแต่การจดทะเบียนสมรส ที่สำนักงานทะเบียนอำเภอเฉลิมพระเกียรติ ต่อมาคู่รักประกอบพิธีบูชาบัวแปดกลีบ บริเวณสะพานนาคราช ชั้น 1 จากนั้นจูงมือกันเดินขึ้นปราสาทพนมรุ้ง แสดงถึงความรักที่มั่นคงยาวนาน และประกอบพิธีบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำปราสาทพนมรุ้ง ส่วนในช่วงท้ายของงาน น.ส.เพชรรัตน์ ภูมาศ นายอำเภอเฉลิมพระเกียรติ มอบทะเบียนสมรสและของที่ระลึกเป็นสัญลักษณ์พนมรุ้ง พร้อมถ่ายภาพคู่เก็บไว้เป็นที่ระลึก
    ที่สุรินทร์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดกิจกรรม “จดทะเบียนสมรสบนหลังช้าง” ประจำปี 2561 ครั้งที่ 11 ณ ศูนย์คชศึกษา จ.สุรินทร์ บ้านตากลาง ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของ จ.สุรินทร์ และเสริมสร้างความอบอุ่น ความเข้มแข็ง ความผูกพันของคู่สามีภรรยาให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
    นายอรรถพร สิงหวิชัย ผู้ว่าฯ สุรินทร์ เป็นประธานในพิธีซัตเต หรือการแต่งงานแบบชาวกูยโบราณ ให้แก่คู่บ่าวสาวจำนวน 28 คู่ ในจำนวนนี้มีคู่ชาวต่างชาติจำนวน 9 คู่ โดยการแต่งกายของเจ้าบ่าวจะต้องนุ่งโสร่งไหม เสื้อแขนยาวสีขาว ผ้าไหมพาดบ่า พร้อมด้ายมงคล 3 สีสวมศีรษะ (ด้ายสีแดง ขาว น้ำเงิน และทาด้วยข้าวเหนียว) เจ้าสาวนุ่งผ้าไหมซิ่นลายกวย เสื้อแขนกระบอกสีอ่อน (ขาว ครีม หรือชมพู) พาดด้วยสไบสีแดง และศีรษะสวม “จะลอม” (มงกุฎที่ทำจากใบตาล)
    ต่อมาเจ้าบ่าวจัดขบวนขันหมากช้างไปรับเจ้าสาว ก่อนจูงมือกันเข้าประกอบพิธีตามลำดับสำคัญคือ พิธีสวมด้ายมงคลบ่าวสาว บายศรีสู่ขวัญ และพิธีถอดคางไก่เสี่ยงทายชีวิตคู่บ่าวสาวโดยหมอพราหมณ์ รวมถึงเลี้ยงบุฟเฟต์อาหารช้างเพื่อความเป็นสิริมงคล และการจดทะเบียนสมรสบนหลังช้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
    ขั้นตอนสุดท้าย เจ้าบ่าวและเจ้าสาวขึ้นบนรถอีแต๋นแล้วเดินทางไปยังวังทะลุ บริเวณที่บรรจบของลำน้ำมูลกับลำน้ำชี จุดประสงค์เพื่อไปบอกกล่าวกับเจ้าที่ว่าทั้งคู่ได้ตกลงเป็นสามีภรรยากันแล้วตามประเพณี ซึ่งคนรุ่นหลังก็ทำตามกันมาอย่างยาวนานจวบจนทุกวันนี้
    ที่จันทบุรี บริเวณจุดชมวิวเนินนางพญา ต.สนามไชย อ.นายายอาม นายสุพจน์ ต่ออาจหาญ นายอำเภอนายายอาม นำคู่รักจำนวน 20 คู่ เข้าร่วมกิจกรรมจดทะเบียนสมรสคล้องกุญแจใจ เพื่อแสดงออกซึ่งความรักที่มั่นคงและตลอดไป ซึ่งกิจกรรมมีตั้งแต่การแห่ขันหมากไปยังจุดชมวิวเนินนางพญา ก่อนจะทำการจดทะเบียนสมรส ตลอดจนเข้าร่วมกิจกรรมอุ้มรัก คล้องรัก รถรางคู่รัก โดยนำคู่รักทั้งหมดไปไหว้เจดีย์บ้านหัวแหลม และปล่อยพันธุ์กุ้งจำนวน 1 ล้านตัว พร้อมเข้ากราบไหว้ขอพรพระยืน พระสังกัจจายน์ และเยี่ยมชมจุดชมวิวหินโคร่ง
    ที่หาดสุวรรณเกลียวทอง ต.แหลมกลัด อ.เมือง จ.ตราด นายสมนึก หงษ์วิเศษ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำหบล (อบต.) แหลมกลัด เดินทางมาเป็นประธานในการจัดกิจกรรม "14 กุมภาพันธ์ วันแห่งความรัก” โดยมีกิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างคู่รัก เช่น การอุ้มคนรักวิ่ง 50 เมตร การจัดกีฬาสร้างความสัมพันธ์ของชุมชน เช่น การแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอลเยาวชน และการแข่งขันเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเยาวชนไทย จ.ตราด และ จ.โพธิสัต ประเทศกัมพูชา รวมทั้งการแข่งขันชักเย่อของเยาวชน 2 จังหวัด
    กิจกรรมที่เป็นไฮไลต์ของงานคือ การประกวดธิดาช้างไทย-กัมพูชา ซึ่งมีผู้เข้าประกวดทั้งจากกรุงเทพฯ ต.แหลมกลัด อ.เมืองตราด และจากบ้านทมอดา อ.เวียงเวล จ.โพธิสัต มาร่วมประกวด ซึ่งแต่ละคนมีน้ำหนักระหว่าง 80-140 กก. ท่ามกลางชาวตราดและชาวกัมพูชามาร่วมชมกว่า 300 คน
    ที่บริเวณจุดปีนผาอ่าวไร่เลย์ ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ พ.ต.ท.ม.ล.กิติบดี ประวิตร ผู้ว่าฯ กระบี่ เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม ปีนผาจดทะเบียนสมรสไร่เลย์ ประจำปี 2561 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬาปีนผาของอ่าวไร่เลย์ให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในหมู่นักปีนผาทั่วโลก โดยมีคู่บ่าวสาวรวม 10 คู่ แบ่งเป็นชาวไทย 8 คู่ และคู่ต่างชาติ 2 คู่ ร่วมกิจกรรม
    โดยคู่สมรสทุกคู่จะต้องไต่ขึ้นไปบนหน้าผาสูงกว่า 20 เมตร เพื่อจดทะเบียสมรส ณ จุดที่กำหนดไว้ โดยมีนายศรัทธา ทองคำ นายอำเภอเมืองกระบี่ เป็นนายทะเบียนในพิธี จากนั้นคู่บ่าวสาวโหนเชือกลงมาด้านล่าง
    ผู้ว่าฯ กระบี่กล่าวว่า การจัดงานปีนผาจดทะเบียนสมรสที่อ่าวไร่เลย์ถือว่ามีแห่งเดียวในประเทศ หรืออาจจะเป็นที่เดียวในโลกก็ว่าได้ ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่พี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวได้จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย เสริมสร้างความเข้มแข็ง ความอบอุ่น และความผูกพันระหว่างสามีภรรยา ให้ตระหนักถึงความสำคัญของการจดทะเบียนสมรส
    ที่จันทบุรี ได้มีพิธีสมรสหมู่ที่อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล โบสถ์คริสต์ตั้งอยู่ในตัวเมืองจันทบุรี โดยมีคุณพ่อชาติชาย เวฬุรัตนกุล บาทหลวง เป็นประธานในการจัดงานสมรสหมู่วิวาห์วาเลนไทน์ พร้อมด้วยคู่บ่าวสาวจำนวน 14 คู่ และญาติพี่น้องร่วมงานพิธีวิวาห์วาเลนไทน์เป็นจำนวนมาก สำหรับการจัดงานสมรสหมู่วิวาห์วาเลนไทน์ครั้งนี้ มีพิธีมิสซาศีลสมรสให้กับคู่บ่าวสาวจำนวน 14 คู่ และ 1 ใน 14 คู่ ได้มีคู่รักจาก สปป.ลาวเข้าร่วมในพิธีด้วย โดยแต่งงานถูกต้องตามกฎหมายพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก
    ที่พิจิตร นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าฯ พิจิตร พร้อมด้วยนางชุติพร วิจิตร์แสงศรี นายกเหล่ากาชาดจังหวัดพิจิตร นำคู่บ่าวสาวที่มีทั้งคู่รักที่เป็นชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่พร้อมใจกันแต่งกายด้วยชุดไทยย้อนยุคสมัยรัชกาลที่ 5 จำนวน 16 คู่ นั่งรถไฟจากสถานีพิจิตรไปลงที่สถานีวังกรด เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมการจดทะเบียนสมรส ณ บ้านหลวงประเทืองคดี อัยการคนแรกของเมืองพิจิตร และถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของ ต.วังกรด ซึ่งเป็นกิจกรรมวันแห่งความรักที่จัดขึ้นตามโครงการ “เติมรักวันวาน ย่านเก่าวังกรด ฉลองสมรสที่บึงสีไฟ”
    โดยกิจกรรมจัดขึ้นตามแบบฉบับประเพณีไทย ทั้งพิธีสงฆ์ พิธีแห่ขันหมากรับคู่บ่าวสาวจากสถานีรถไฟบ้านวังกรดไปยังสถานที่จัดกิจกรรม รวมทั้งยังมีพิธีผูกข้อมือคู่บ่าวสาวโดยผู้ว่าราชการจังหวัดและญาติพี่น้อง เพื่อนๆ ของคู่บ่าวสาว ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีขบวนแห่ขันหมากตามประเพณีไทย ซึ่งการจัดกิจกรรมดังกล่าวเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของ จ.พิจิตร
    วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสุรินทร์ได้พบสองตายาย คู่รักนิรันดร์ ทราบชื่อคือ นายแสน อินทร์งาม อายุ 89 ปี และนางคาน อินทร์งาม อายุ 83 ปี สองสามีภรรยาอยู่บ้านเลขที่ 33 หมู่ 4 บ้านโนนงิ้ว ต.หนองสนิท อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ ทั้งคู่แต่งงานกันมานานกว่า 69 ปี โดยแสดงใบสำคัญการสมรสให้ผู้สื่อข่าวได้ชม ทั้งคู่ยังมีสุขภาพแข็งแรง มีลูก 10 คน เป็นชาย 5 คน หญิง 5 คน พร้อมบอกว่าเทคนิคการดูแลสุขภาพคือ ชอบกินผักและผลไม้
    กิจวัตรประจําวันเริ่มตั้งแต่เช้า คุณยายคานตื่นมามักจะกวาดบ้าน ดูแลหม่อนที่เลี้ยงไว้ ซึ่งจะนำมาทอเป็นผ้าถุง ส่วนคุณตาแสนมักจะไปนาแทบทุกวัน นอกจากนี้ ตาแสนยังอ่านหนังสือได้อย่างชัดเจนโดยไม่ใส่แว่นตาเลย
    สาเหตุที่คุณตาแสนเลือกที่จะใช้ชีวิตคู่กับคุณยายคาน คุณตาแสนเปิดเผยว่า ประทับใจภรรยาเป็นคนพูดเก่ง ประหยัด อดออม เก็บหอมรอมริบ ในวันแต่งงาน กำหนดจัดงานแต่งที่บ้านฝ่ายเจ้าบ่าว คนมาร่วมงานไม่ค่อยเยอะ ฆ่าหมูเพียงตัวเดียว ส่วนสินสอดนั้นจำนวนน 300 บาท ซึ่งย้อนกลับไปเมื่อ 69 ปีที่ผ่านมาถือว่าสูงพอสมควร
    ตาแสนและยายคาน อินทร์งาม ยังฝากถึงหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่อยากใช้ชีวิตคู่ร่วมกันว่า ต้องรักกันอย่างแท้จริง มีความซื่อสัตย์ต่อกัน ทำแต่ความดี ทำบุญบ่อยๆ นั่งสมาธิ ทําจิตใจให้สงบ หมั่นดูแลรักษาสุขภาพ ดูแลเรื่องอาหารการกิน และที่สำคัญอยากให้ครองรักยาวนาน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"