'อดุลย์'สั่งช่วย แรงงานฆ่าตัว


เพิ่มเพื่อน    

    ส่งศพหนุ่มบุรีรัมย์ผูกคอตายในเกาหลีกลับบ้านเกิด ครอบครัวระส่ำขาดเสาหลัก วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ รมว.แรงงานสั่ง จนท.ประสานตำรวจลากคอผู้หลอกลวงดำเนินคดี
    เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ ครอบครัวและญาติพี่น้องของนายวันสิน บุญกลาง ชาว ต.ห้วยสำราญ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ร่วมกันจัดเตรียมสถานที่เพื่อรอรับศพนายวันสินจากประเทศเกาหลีเพื่อกลับมาบำเพ็ญกุศล โดยทราบว่าศพนายวันสินจะมาถึงประเทศไทยในวันที่ 15 ก.พ.นี้ เวลา 02.00 น. ซึ่งเบื้องต้นครอบครัวและญาติยังไม่ได้กำหนดรายละเอียดงานศพ ต้องหารอหารือกันอีกครั้ง
    นายวันสิน วัย 40 ปี หลงเชื้อนายหน้า ไปกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 1.5 แสนบาท เพื่อซื้อทัวร์เดินทางไปเกาหลีพร้อมกับ น.ส.ออม วงจันทร์ ภรรยา แล้ววางแผนที่จะหนีทัวร์เพื่อหางานทำ วาดฝันหาเงินมาปลูกบ้านตามที่นายหน้าหว่านล้อมว่าสามารถใช้ชีวิตเป็นแรงงานเถื่อนหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำ ทว่าสิ่งที่ประสบไม่เป็นอย่างที่คิด หางานไม่ได้ ซ้ำค่าครองชีพสูงจนเงินร่อยหรอ ที่สุดนายวันสินเจียดเงินให้ภรรยาซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางกลับไทย ส่วนตัวเองไปตายเอาดาบหน้า หางานจนได้ ทว่านายจ้างกลับใช้เป็นแรงงานทาส ไม่จ่ายค่าจ้าง จนในที่สุดนายวันสินตัดสินใจผูกคอตาย
    น.ส.อมาวศรี บุญกลาง อายุ 16 ปี ลูกสาวคนโตของนายวันสิน กล่าวว่า ยังทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสียพ่อซึ่งเป็นเสาหลักไปอย่างกะทันหัน รู้สึกสงสารพ่อที่ต้องไปจบชีวิตที่ต่างประเทศแบบไร้ญาติ ขณะนี้ความเป็นอยู่ของครอบครัวยิ่งลำบากกว่าเดิมมาก แม่ต้องแบกรับภาระหนี้สินที่กู้ยืมเพื่อใช้เป็นเป็นใช้จ่ายเดินทางไปทำงานที่เกาหลีอีกกว่า 2 แสนบาทด้วย ตนในฐานะลูกคนโตก็อยากจะแบ่งเบาภาระช่วยแม่ แต่ไม่รู้จะทำยังไง จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐช่วยเหลือ ทั้งเรื่องค่าจัดการศพของพ่อ และช่วยหางานให้แม่และตนเองทำ เพื่อจะได้มีเงินไปใช้หนี้สิน และส่งเสียน้องอีก 2 คนเรียนด้วย    
    ส่วนนางพรศิตา จันทะคัด อายุ 46 ปี พี่สาว น.ส.ออม กล่าวว่า เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอยากให้กรณีของวันสินเป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ที่คิดจะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ควรจะคิดให้รอบคอบ หากจะไปก็ควรไปให้ถูกต้องโดยผ่านกรมการจัดหางาน ไม่ควรไปแบบผิดกฎหมาย 
    นายอนุรักษ์ ทศรัตน์ อธิบดีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน มีความห่วงใย และกำชับเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานเข้าไปดูแล ให้คำแนะนำ ชี้แจงข้อเท็จจริงตามกฎหมายให้กับญาติแรงงานที่เสียชีวิต และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือต่อไป นอกจากนี้ยังให้ร่วมมือกับตำรวจดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่หลอกลวงแรงงาน และประชาสัมพันธ์กระตุ้นเตือนให้คนหางานรับรู้และเข้าใจว่า การลักลอบไปทำงานต่างประเทศเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและมีโทษหนัก
    นายอนุรักษ์กล่าวว่า กรมการจัดหางานได้รวบรวมผลการดำเนินคดีผู้ที่หลอกลวงคนหางานผ่านทางสื่อโซเชียล พร้อมจัดตั้งชุดเฝ้าระวัง และตรวจสอบเว็บไซต์ที่มีพฤติกรรมในการโฆษณาชักชวนคนหางานไปทำงานต่างประเทศ และใช้สายตรวจออนไลน์คอยตรวจสอบ เฝ้าระวังพฤติการณ์ของขบวนการค้ามนุษย์และกลุ่มมิจฉาชีพอย่างเข้มงวด หากพบการกระทำผิดจะดำเนินคดี และโพสต์ข้อความเตือนชี้แจงข้อเท็จจริงและข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับการไปทำงานต่างประเทศไปยังเฟซบุ๊ก ซึ่งในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา มีสถิติการโพสต์ตอบโต้ผ่านทางเฟซบุ๊ก 733 ชื่อผู้ใช้ ทั้งนี้ คนที่หลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานหรือสามารถส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 60,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2537.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"