"๗ วันสุดท้าย"
ก่อนถึงวันเลือกตั้ง อาทิตย์ที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๒ แล้ว
คุยเชิงวิพากษ์กันมานาน
วันนี้ สรุป "ความน่าจะเป็น" ดูซักตั้งเป็นไง ว่าใคร-พรรคไหน จะได้เป็นนายกฯ จัดตั้งรัฐบาล?
สรุปเองก็จะมั่ว
ฉะนั้น จะใช้ "ผลสำรวจและวิเคราะห์" รังสิตโพล โดย รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นฐานข้อมูล
อาจสงสัย โพลทำกันว่อน ทั้งเหนือ-ใต้-อีสาน-กลาง ทำไมจึงยึดโพลอาจารย์สังศิตสำนักเดียว?
คำตอบ สั้นและตรงตัว
มาตรฐาน "ไม่มีนอก-ไม่มีใน" เชื่อได้มากที่สุด ตัวท่านยืนยัน เชื่อมั่นได้ ๘๓% โอกาสคลาดเคลื่อนได้ ๗%
รังสิตโพล ทำมาแล้ว ๖ ครั้ง ตั้งแต่เดือนพฤษภา ๖๑ จนถึง ๕ มีนา ๖๒
เมื่อวาน (๑๕ มี.ค.๖๒) ท่านเปิดเผยผลสำรวจเทียบเคียงแต่ละครั้งให้ดู และครั้งล่าสุด
คะแนนนิยมผู้จะเป็นนายกฯ ๕ อันดับ เป็นดังนี้
อันดับ ๑ พลเอกประยุทธ์ ๒๓.๕๑%
อันดับ ๒ นายอภิสิทธิ์ ๑๗.๖๗%
อันดับ ๓ คุณหญิงสุดารัตน์ ๑๔.๖๓%
ปรากฏว่า พลเอกประยุทธ์ "นำตลอด" ทั้ง ๖ ครั้งของการสำรวจ ส่วนอภิสิทธิ์แซงนำสุดารัตน์ในช่วง ๒ เดือนหลัง ก่อน ๕ มีนา
อันดับ ๔ นายอนุทิน พรรคภูมิใจไทย ๘.๒๙% และอันดับ ๕ นายธนาธร พรรคอนาคตใหม่ ๗.๕๒%
ทีนี้ มาดูผลสำรวจคะแนนนิยมพรรคบ้าง ผลสำรวจทั้ง ๓๕๐ เขต ทั่วประเทศออกมาว่า
-เพื่อไทย อันดับ ๑
ส.ส.เขต ๑๒๘ ที่นั่ง คะแนนรวมกว่า ๕,๘๐๐,๐๐๐ คะแนน
-พลังประชารัฐ อันดับ ๒
ส.ส.เขต ๑๐๐ ที่นั่ง คะแนนรวมกว่า ๗,๘๐๐,๐๐๐ คะแนน
-ประชาธิปัตย์ อันดับ ๓
ส.ส.เขต ๘๖ ที่นั่ง คะแนนรวมกว่า ๖,๖๐๐,๐๐๐ คะแนน
-ภูมิใจไทย อันดับ ๔
ส.ส.เขต ๓๘ ที่นั่ง คะแนนรวมกว่า ๓,๓๐๐,๐๐๐ คะแนน
-พรรคอนาคตใหม่ อันดับ ๕
ส.ส.เขต ๓๐ ที่นั่ง คะแนนรวมกว่า ๒,๙๐๐,๐๐๐ คะแนน
-เสรีรวมไทย อันดับ ๖
ส.ส.เขต ๒๕ ที่นั่ง คะแนนรวม ๒,๕๐๐,๐๐๐ คะแนน
-รวมพลังประชาชาติไทย อันดับ ๗
ส.ส.เขต ๒๕ ที่นั่ง คะแนนรวมกว่า ๒,๔๐๐,๐๐๐ คะแนน
-ชาติไทยพัฒนา อันดับ ๘
ส.ส.เขต ๑๙ ที่นั่ง คะแนนรวม ๑,๘๐๐,๐๐๐ คะแนน
-เพื่อชาติ อันดับ ๙
ส.ส.เขต ๑๕ ที่นั่ง คะแนนรวมกว่า ๑,๔๐๐,๐๐๐ คะแนน
-ชาติพัฒนา อันดับ ๑๐
ส.ส.เขต ๑๓ ที่นั่ง คะแนนรวมกว่า ๑,๓๐๐,๐๐๐ คะแนน
-ประชาชาติ อันดับ ๑๑
ส.ส.เขต ๑๒ ที่นั่ง คะแนนรวมกว่า ๑,๑๐๐,๐๐๐ คะแนน
สรุปผลสำรวจ "คะแนนรวม" แต่ละพรรค อาจารย์สังศิตฟันธง
"พลังประชารัฐ" มีโอกาสได้จัดตั้งรัฐบาล
"พล.อ.ประยุทธ์" มีโอกาสได้เป็นนายกฯ
เหตุผลคือ.........
เพื่อไทยและประชาธิปัตย์ แม้ได้ ส.ส.เขตมาก แต่มีโอกาสที่จะไม่ได้ "ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์" แม้แต่คนเดียว
พลังประชารัฐ จะเป็น "แกนนำ" ตั้งรัฐบาลผสม ๒๘๐-๓๐๐ เสียง
เพื่อไทยจะเป็น "แกนนำ" ฝ่ายค้าน ๑๘๐-๑๙๐ เสียง
อนาคตใหม่ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์มากที่สุด!
อาจารย์สังศิตบอกด้วยว่า ตั้งแต่ ๕ มีนา ถึง ๒๓ มีนา คะแนนมีโอกาสปรับเปลี่ยนได้อีก
"การปรับบุคลิกนิ่มนวลของนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้คะแนนบวกดีขึ้น
ประเมินว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ จะมีคนออกไปเลือกตั้งเกิน ๘๐% อยู่ที่ ๗๕-๘๐%
จากกว่า ๕๑ ล้านคน อยู่ที่ประมาณ ๓๘-๔๑ ล้านคน"
ครับ....
สรุปซะว่า ๒๔ มีนาคนไปเลือกตั้ง ๔๐ ล้านคน คิดตามสูตร ๔ ล้าน หารด้วย ๕๐๐
ก็จะได้ ๘๐,๐๐๐ คะแนน แลก ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ได้ ๑ คน!
อาจสงสัย เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ ได้ ส.ส.ตั้งเยอะ แต่ทำไมจะไม่ได้ปาร์ตี้ลิสต์เลยแม้แต่คนเดียว?
คำตอบ คือ เป็นไปตามระบบ "จัดสรรปันส่วนผสม" ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๙๑
พูดไปก็จะสับสน จำง่ายๆ ก็แล้วกัน
คะแนนรวมทั้งประเทศของแต่ละพรรค จะเป็นตัวกำหนด พรรคไหน "จะพึงมี ส.ส." ได้แค่ไหน?
สมมุติ คนเลือกพรรคนี้ ๑๐-๒๐ ล้านเสียง จะต้องได้ ส.ส.ซัก ๑๕๐ คน
แต่ปรากฏว่า ได้ ส.ส.เขต แค่ ๑๐๐ คนเอง ขาดไปตั้ง ๕๐ คน
แบบนี้ เอาคะแนนรวมของพรรคไปแลก ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ได้ ตามอัตราส่วน คือ ๘๐,๐๐๐ ต่อ ๑ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ก็เอาไปเลย อีก ๕๐ คน
รวมกับ ส.ส.เขตที่ได้ ๑๐๐ เป็น ๑๕๐ คน ครบ!
แต่ถ้าได้ ส.ส.เขตแล้ว ๑๕๐ คน หรือมากกว่าเท่าไหร่ก็ตาม ถือว่าได้ครบตามสัดส่วนพึงมีได้แล้ว จะไม่ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เพิ่ม
จำง่ายๆ ยึดคะแนนรวมพรรค ด้วยสูตร ๘๐,๐๐๐ ต่อ ๑ ปาร์ตี้ลิสต์ไว้
ถ้าได้ ส.ส.เขตครบหรือเกิน เอามาแลกอีกไม่ได้ แต่ถ้าขาด เอามาแลกได้!
ตามผลโพลนี้.........
เพื่อไทย ได้ ส.ส.มากอันดับ ๑ แต่คะแนนทั้งประเทศแค่ ๕.๘ ล้าน ประชาธิปัตย์ อันดับ ๓ แค่ ๖.๖ ล้าน
๕.๘ ล้าน เพื่อไทย ตามคะแนน "จะพึงมี ส.ส." ได้แค่ ๘๒ คน แต่ได้ ส.ส.เขตแล้ว ๑๒๘ คน "เกิน" ไปตั้ง ๔๖ คนด้วยซ้ำ ฉะนั้น "อดได้" ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์!
ประชาธิปัตย์ เช่นกัน ๖.๖ ล้าน ตามคะแนน จะมี ส.ส.ได้เพียง ๘๒ คน แต่ฮิต-ฮอต ได้ ส.ส.เขตตั้ง ๘๖
เกินไป ๔ คน "อด" ปาร์ตี้ลิสต์อีกเช่นกัน!
เนี่ย...พรรคอื่นๆ ก็เหมือนกัน
อยากรู้พรรคไหนจะได้-ไม่ได้ปาร์ตี้ลิสต์ ก็ยึด "คะแนนรวม" ของพรรคนั้น เป็นตัวตั้ง แล้วเอา ๘ หมื่นไปหาร
ออกมาเท่าไหร่ นั่นแหละ พรรคนั้น จะต้องได้ ส.ส.ตามนั้น มีมากกว่านั้นได้
แต่ถ้าน้อยกว่านั้น เอาไปแลกเป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์มาเติมให้ครบจำนวนได้
ฉะนั้น จำไว้อย่าง เลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ ๖๐ ส.ส.ระบบเขต ชนะ-แพ้ มีผลเฉพาะตัวคน
แต่ "ทุกคะแนน" ที่ได้ นั่นตะหาก มีผลต่อพรรคในทางรวม ทำให้แพ้กลายเป็นชนะ, ชนะกลายเป็นแพ้ได้
ด้วยปาร์ตี้ลิสต์เป็นตัวแปร!
ทำไมอาจารย์สังศิตบอกว่า พลังประชารัฐ มีโอกาสเป็นแกนตั้งรัฐบาล?
ก็ดูซี เพื่อไทย ส.ส. ๑๒๘ คน พรรคที่จับขั้วได้ ก็มี
อนาคตใหม่ ๓๐ เสรีรวมไทย ๒๕ เพื่อชาติ ๑๕ ประชาชาติ ๑๑ รวม ๒๐๙
ดูทางฝั่งประชารัฐ ด้วย ส.ส. ๑๐๐ ที่จะจับขั้วตั้งรัฐบาลได้ ก็มี
ประชาธิปัตย์ ๘๖ ภูมิใจไทย ๓๘ รวมพลังประชาชาติไทย ๒๕ ชาติไทยพัฒนา ๑๙ ชาติพัฒนา ๑๓ รวม ๒๘๑
สรุป ......
ขั้วพลังประชารัฐ เป็นเสียงข้างมาก ด้วย ๒๘๑
ขั้วเพื่อไทย เป็นเสียงข้างน้อย ๒๐๙
ก็แย้งว่า.......
คุณอภิสิทธิ์ กรวดน้ำคว่ำกะลาไปแล้วมิใช่หรือว่า ไม่ร่วมตั้งรัฐบาลกับพลังประชารัฐ จะตีขลุมเอาเขามานับรวมๆได้อย่างไร?
เรื่องนี้ ไม่ยาก!
๑.ประชาธิปัตย์เป็นพรรคมาตรฐาน นโยบายต้องมาจาก "มติพรรค" ไม่ใช่จากอารมณ์หัวหน้าพรรค ปัจเจกบุคคล
๒.ถึงตอนนั้น หัวหน้าพรรคไม่ใช่ "คุณอภิสิทธิ์" แล้ว ตามที่ลั่นวาจา "ได้ ส.ส.ไม่ถึง ๑๐๐ ผมลาออก"
แต่ถ้า "มติพรรค" ประชาธิปัตย์ ไม่ร่วม ไปเป็นฝ่ายค้านล่ะ?
ค้าน+ค้าน คือ ค้านประชาธิปัตย์ ๘๖+ค้านตระกูลเพื่อ ๒๐๙ เท่ากับ ๒๙๕ เสียง
วุ้ย...สนุกตายเลย ตะเอง!
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |