15 มี.ค.62- นพ.เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ ผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภา โพสต์ข้อสรุปหลังแพทยสภา แพทยสมาคมแห่งประเทศไทย และสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทย จัดเสวนาเรื่อง "นโยบายพรรคการเมืองกับความปลอดภัยในการปฏิบัติงานของบุคคลในวิชาชีพสุขภาพเพื่อผู้ป่วย" ไปเมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีการเชิญแกนนำหลายพรรคร่วมเสวนา
นพ.เมธีระบุว่าก่อนพูด เรา เป็นนาย คำพูด หลังพูด คำพูด เป็นนาย เรา อันอ้อยตาล หวานลิ้นแล้วสิ้นซาก
แต่ลมปาก หวานอยู่ มิรู้หาย หวังว่าเป็นพันธะสัญญา ไม่ใช่แค่การหาเสียงชั่วครั้งชั่วคราว
ในฐานะผู้ช่วยเลขาธิการฝ่ายกฎหมาย ขอสรุปใจความ ที่ได้ฟัง "ว่าที่" รัฐบาล ได้เสนอประเด็นการดูแลบุคลากรทางการแพทย์ไว้ดังนี้
คุณอภิสิทธิ์ทำการบ้านมาดีมาก อาจเพราะมีtutorดี หรือไม่ก็เพราะ รู้ลึก รู้จริงและตั้งใจมาหาทางออกอย่างจริงใจ
อย่างไรก็ดี สิ่งที่คุณอภิสิทธิ์ตอบ คือสิ่งที่ได้พยายามทำไปหลายครั้งแล้ว คือ การร่างกฎหมายเพื่อแก้ไขกม.บัญญติ (แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกม.อาญา)และสบัญญัติ (ออก กม.วิธีพิจารณาคดีทางการแพทย์) แต่ปัญหาที่สำคัญคือ ผู้เกี่ยวข้องตัวจริง (Stakeholder) ไม่ได้มาร่วมเวที...นักกฎหมาย อัยการ ผู้พิพากษา!!!!
เพราะตลอดสิบปีที่ผ่านมาทุกครั้งที่เข้าไปพบรัฐบาล ครม วิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน สถาบันตุลาการ รวมทั้งกฤษฎีกา...ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ..."สองมาตราฐาน" ...ทำไม่ได้
ประเด็นที่น่าสนใจ คือ คุณอภิสิทธิ์น่าจะเป็นคนเดียวที่แสดงจุดยืนว่าว่าต้องไปดึงคดีทางการแพทย์ออกจากพรบ.คุ้มครองผู้บริโภค (ซึ่งจริง ๆ แล้ว ต้องเป็นพรบ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค!!!) ....ด้วยการมีกม.ของตนเอง...
แถมท้ายด้วยว่า...คุณอภิสิทธิ์เป็นคนเดียวที่พูดเรื่อง
(๑) ควรแยกฐานความผิดทางอาญาออกเป็นประมาทเลินเล่อร้ายแรง
(๒) ให้แยกเจตนาดีในการพยายามช่วยชีวิตคน ออกมาจาก ม. 291,300
(๓) Medical Expert Witness เป็นเรื่องสำคัญในการทำความจริงให้ปรากฎ..ว่า..แพทย์พยาบาล กระทำประมาทเลินเล่อร้ายแรง จริงหรือไม่ ...ที่ผ่านมาปล่อยให้พยานกำมะลอไปเที่ยวขึ้นให้การต่อศาล ปล่อยให้เกิดการแพ้ชนะคดีเพราะทนายพูดจนทำให้ศาลเชื่อ ทั้งๆ ที่สิ่งที่พูด ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงทางการแพทย์
ทั้งสามประเด็น ล้วนมีอยู่แล้วใน ร่าง พรบ.วิธีพิจารณาคดีทางการแพทย์
หากคุณอภิสิทธิ์ยืนยันในคำพูดของตนเอง ..ก็ต้องขอสรุปว่า ทันที่ที่คุณอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตนย์ ได้เข้าไปมีอำนาจในสภาผู้แทน หรือรัฐบาล..อย่างน้อย พรรคประชาธิปัตย์ต้องสนับสนุน ร่าง พรบ.วิธีพิจารณาคดีทางการแพทย์ เต็มสูบ!!!!
พรรคเพื่อไทย นอกเหนือจากประเด็นอาญาและคดีผู้บริโภคแล้ว ยังเพิ่มเติมเรื่องของการแก้ปัญหาการบรรจุพยาบาล..แต่จริงๆ แล้วปัญหาอีกอย่างคือ ทำอย่างไรให้คนไม่ออกจากระบบ ..ไม่งั้นบรรจุเท่าไรก็ไม่พอ ...อย่าลืมว่าจำนวนพยาบาลที่ขาดนี้ แม้จะเติมให้เต็มก็ยังมีปัญหา overworked + underpaid อยู่ดี...ทางออกจริง ๆ คือ ต้องsetมาตรฐานภาระงานว่าต้องมีเท่าไรก่อนเพื่อให้คงstandardไว้ให้ได้ โดยไม่เกิดความเสียหายจากการรักษาพยาบาลผิดพลาด เพราะงานล้น
พรรคพลังประชารัฐ...แรก ๆ เหมือนจะOK เพราะเน้นให้รัฐออกกฎหมาย(วิธีพิจารณาคดีทางการแพทย์)เป็นการเฉพาะ
แต่ไป ๆ มา ๆ อาจไม่เข้าใจปัญหาลึกพอ ..ที่น่าตกใจคือ สุดท้ายออกทะเลไปว่า ให้มี พรบ.คุ้มครองผู้เสียหาย (ผู้ได้รับผลกระทบ) โดยบอกว่าจะแก้ปัญหาได้ด้วยการจ่ายเงิน จะได้ไม่ต้องมีการฟ้องร้อง!!!!!
ซึ่งนอกจากพรรคพลังประชารัฐแล้ว ดูเหมือนพรรคเพื่อไทย ก็ออกไปในแนวทาง พรบ.คุ้มครองผู้เสียหายเช่นเดียวกัน...แสดงว่าผู้อภิปรายยังไม่ได้ศึกษาเนื้อหาของ พรบ.คุ้มครองแบบทุกมาตรา ...น่าจะดูแค่ชื่อกม. + หลักการและเหตุผล โดยไม่ได้อ่านเนือหาครบทุกมาตรา. ...จึงทำให้คิดว่าการจ่ายเงินแล้วจะทำให้ไม่มีการฟ้องร้อง ...ตรงกันข้าม ยิ่งจ่ายง่าย ยิ่งล่อเป้าให้เอาแพทย์พยาบาลเป็นเหยื่อ เพื่อให้ได้เงินง่าย ๆ ....แถมในพรบ.นี้จ่ายเงินแล้วยังให้ฟ้องต่อได้อีก!!!!!
ที่น่าตกใจคือ พรรคพลังประชารัฐ ยืนยันว่าจะไม่กำหนดชั่วโมงการทำงาน แบบนักบิน...บอกว่าทำไม่ได้ สงสารคนไข้...แต่ไม่สงสารคนทำงานที่ต้องทำงาน overworked + overload + burnout โดยไม่สนใจว่าจะส่งผลเสียต่อผู้ป่วยด้วย...สรุปคือ พรรคพลังประชารรัฐจะให้แก้ไขด้วยการขอให้เสียสละเหมือนเดิม แต่จะไปผลักดันให้มีพรบ.คุ้มครองแทน!!!!!!!!!!!!!
พรรคภูมิใจไทย..ท่านหัวหน้าพรรค คุณอนุทิน กรุณาให้เกียรติมาด้วยตนเอง ...เช่นเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์...
สิ่งที่น่าสนใจคือ การยืนยันว่ารัฐต้องให้ความคุ้มครองบุคลากรทางการแพทย์ เพราะเป็นผู้บังคับให้ทำงานหนัก..โดยการตั้งค้ำประกันความเสียหายและให้อัยการมาช่วย..แต่จริง ๆ แล้วเรามีพรบ.ความรับผิดทางละเมิดอยู่แล้ว...เสียดายที่ไม่ได้ไล่ประเด็นนี้ต่อว่า จะทำอย่างไรเพิ่มเติมให้เป็นรูปธรรม ที่ไม่ซ้ำกับสิ่งที่มีอยู่แล้ว
นพ.เมธีสรุปว่า ทุกพรรค ให้สัญญาประชาคม ต่อหน้าคนหลายร้อยในห้องประชุมว่า จะแก้ไขปัญหาเรื่องคดีอาญาให้กับบุคลากรทางการแพทย์ เพราะการช่วยชีวิตคน มีเจตนาดีแต่เริ่ม จึงไม่ควรไปล้อเอา ม. 291, 300 ที่มีไว้ใช้กับอาชญกร หรือคนที่เจตนาใช้ข้ออ้างเรื่องประมาทไปทำร้ายคนอื่น
คดีทางการแพทย์ไม่ควรเป็นคดีผู้บริโภค เพราะหลักการและนิยามของกฎหมาย คดีผู้บริโภค ต่างกับปัญหาที่เกิดขึ้นในคดีทางการแพทย์ จึงควรมีกม.เฉพาะแยกออกมาดูแล เพื่อให้ความเป็นธรรม
สิ่งที่น่าเสียดายที่สุด คือ...ไม่มีพรรคไหนบอกว่าจะลดภาระงานให้เราได้อย่างไร .หลายพรรคพูดเรื่อง 2P Safety แต่นโยบายยังคงเป็นประชานิยม.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |