15 มี.ค.62- ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ นักกิจกรรมเพื่อสิทธิพลเมือง พร้อมทีมทนายความจากสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิเสรีภาพ (สกสส.) ประกอบด้วย นายปกาสิต ไตรยสุนันท์, นายรัฐศักดิ์ อนันตริยกุล, นายธำรงค์ หลักแดน และนายกัณต์พัศฐ์ สิงห์ทอง เดินทางมาเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายโรจ งามแม้น หรือเปลว สีเงิน ประธานกรรมการบริหารหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์และคอลัมนิสต์, นายเทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา ยูทูบเบอร์วิเคราะห์การเมือง และนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เป็นจำเลย ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328
โดย น.ส.ณัฏฐา กล่าวว่า ในช่วงเดือน ธ.ค.2561 - ม.ค. 2562 ที่ผ่านมา มีสื่อหลายรายที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่โดยจรรยาบรรรณ และนำอาชญากรรม คือภาพแอบถ่ายและตัดต่อโลโก้เพื่อดิสเครดิตทางการเมือง ที่เกิดกับตนมาขยายผลเพื่อโจมตีทางการเมือง และหลายรายที่มีการสื่อสารเข้าข่ายหมิ่นประมาทชัดเจน ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมการคุกคามในโลกออนไลน์ (Cyber Bullying) เป็นวงกว้าง ในขณะที่ยังมีสื่อที่ดีที่พยายามรักษาจรรยาบรรณและรายงานข่าวโดยเคารพสิทธิของผู้เสียหาย ตนจึงอยากให้การฟ้องร้องครั้งนี้เป็นตัวอย่างของการสร้างบรรทัดฐาน กระตุ้นให้สื่อมวลชนทำงานโดยมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม ในขณะเดียวกันก็หวังจะเป็นการให้กำลังใจสื่อน้ำดี ที่ยอมสละเรตติ้งที่อาจได้มาง่ายๆ จากการสร้างความบันเทิงด้วยการใส่สีตีไข่ในข่าวจากอาชญากรรม และขอแสดงความชื่นชมและให้กำลังใจสื่อเหล่านั้นเพื่อสร้างมาตรฐานที่ดีกับสังคมต่อไป
น.ส. ณัฏฐา อธิบายว่า บุคคลที่ทำการหมิ่นประมาทผ่านสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ เว็บไซต์ หรือคลิปวีดีโอ ล้วนเป็นไปเพื่อการโจมตีทางการเมือง มีการแต่งเรื่องต่างๆ นาๆ เพื่อให้เกิดความเสียหาย และดิสเครดิตการเคลื่อนไหวของตน เช่นกล่าวหาว่ารับเงินต่างชาติมาเคลื่อนไหวบ่อนทำลายประเทศ ซึ่งล้วนเป็นข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอย วิญญูชนที่วิจารณญาณไม่บกพร่อง ย่อมพิจารณาได้ว่า ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ทุกประเด็นการเคลื่อนไหวของตนล้วนอยู่ในหลักการของประชาธิปไตย ปกป้องสิทธิมนุษยชน และเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของพลเมืองทุกคน ไม่มีการเคลื่อนไหวครั้งไหนหรือประเด็นใดที่หลุดไปจากหลักการเหล่านี้แม้แต่ครั้งเดียว
นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตว่า การใส่ร้ายป้ายสีที่เข้าข่ายหมิ่นประมาทโดยสื่อฝ่ายตรงข้ามส่วนใหญ่นั้น มักกระทำโดยรู้ตัวว่ากำลังหมิ่นประมาทอยู่ จึงมีความพยายามใช้เทคนิคพูดอ้อมๆ หรือไม่ได้อ้อมแต่ตบท้ายว่าจริงๆ ไม่รู้นะว่ากำลังพูดถึงใคร ซึ่งตนคิดว่าเป็นพฤติกรรมที่ขาดความละอายแก่ใจ ไม่ตรงไปตรงมา และไม่เป็นตัวอย่างที่ดีต่อสังคม โดยเฉพาะเยาวชนที่เข้าถึงสื่อเหล่านั้นได้ หากเกิดเป็นพฤติกรรมเลียนแบบอย่างที่เกิดขึ้นแล้วในปริมาณมาก ก็จะเกิดความเสื่อมและตกต่ำทางจริยธรรมขึ้นในสังคม โดยเฉพาะเมื่อเกิดกับเหยื่ออาชญากรรม คงไม่ใช่ทุกคนที่จะรับความกดดันในระดับที่ตนเผชิญมาตลอดเวลาสามเดือนได้
"การฟ้องร้องครั้งนี้จึงเป็นเพียงกรณีตัวอย่าง เป็นความพยายามในการร่วมสร้างบรรทัดฐาน ขอขอบคุณสื่อที่ยังยึดมั่นจริยธรรม และขอให้กำลังใจในการทำงานต่อไป" น.ส.ณัฏฐา กล่าว
เมื่อถามถึงเหตุที่ยื่นฟ้อง 3 ราย น.ส.ณัฏฐา ระบุว่า ความจริงมีหลายรายที่หมิ่นประมาท บางรายแค่พลั้งปากตนก็ปล่อย หรือบางรายก็ลบคลิปไปแล้วเช่นพิธีกรดัง 2 ราย แต่รายที่เลือกฟ้องเพราะมีพฤติกรรมเรื้อรัง จงใจโจมตีดิสเครดิตขยายผลต่อเนื่องในสิ่งที่ล้วนไม่เป็นความจริง
ถามถึงความคืบหน้าคดีคลิปหลุดต้นเหตุที่ได้แจ้งความไว้ น.ส.ณัฏฐา เผยว่า ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ รวมถึงคดีข่าวปลอมที่ตนได้แจ้งความไว้ต่อตำรวจ ปอท. ก็ไม่คืบหน้า
ด้านนายปกาสิต ไตรยสุนันท์ หัวหน้า สกสส. ทีมทนายความเผยว่า คดีนี้แยกฟ้องจำเลยทั้งสามคนละสำนวน สกสส. ได้รับการร้องขอจาก น.ส.ณัฏฐา ซึ่งถูกละเมิดสิทธิ กรณีนี้เป็นการทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ด้วย การยื่นฟ้องจึงเป็นการปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ตามรัฐธรรมนูญ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |