ถึงแม้จะ เสียบรรยากาศ กันไปบ้าง...แต่ยังไงๆ ก็คงต้อง เดินหน้าประเทศไทย ต่อไปนั่นแหละทั่น ส่วนอะไรที่แล้วไปแล้ว หรือ เลอะไปแล้ว ก็อย่าถึงกับต้องเอามาห้ำหั่น เชือดเฉือน ไล่บด ไล่ขยี้ ได้ทีไล่ขี่แพะอะไรกันมากมาย ปล่อยให้วัน เวลา ท่านช่วยชะๆ ล้างๆ ให้ค่อยๆ จางๆ ลงไปตาม ธรรมชาติ น่าจะเหมาะกว่า...
-----------------------------------------------
คือโดยกรอบ โดยแนว โดยทิศทางความเป็นไปของบ้านเมืองในแบบที่ควรจะเป็นนั้น คงปฏิเสธไม่ได้นั่นแหละว่า น่าจะเป็นความปรารถนา ความต้องการ ที่อยากเห็นใครต่อใคร ไม่ว่าฝ่ายไหนต่อฝ่ายไหน พอที่จะอยู่ๆ ร่วมๆ กันไปได้ ไม่น่าต้องเสียเวลามาแตกแยก แตกหัก ใดๆ ต่อไปอีกแล้ว แม้จะ แตกต่าง กันในเรื่องหนึ่ง เรื่องใด หรือหลายๆ เรื่องก็ตาม เพราะโดยประสบการณ์ บทเรียน บทศึกษา ไม่ว่าจากภายในประเทศเราเอง หรือนอกประเทศที่ปรากฏให้เห็นเป็นตัวอย่างเยอะแยะมากมาย มันน่าจะเกินพอ หรือน่าจะช่วยให้เกิด วุฒิภาวะ มากพอ ที่จะหันมาเห็นดี เห็นงาม กับการ อยู่ร่วมกันโดยสันติ ได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์...
---------------------------------------------------
อีกทั้ง รัฐธรรมนูญ ที่ถูกนำมาบังคับใช้กันอยู่ในทุกวันนี้...ไม่ว่าจะดี-ไม่ดี ถูกใจ-ไม่ถูกใจ ใครต่อใคร หรือฝ่ายหนึ่ง-ฝ่ายใด หรือไม่ เพียงใด ก็ตาม แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันนั่นแหละว่า มันถูกออกแบบ ดีไซน์ เอาไว้รองรับการอยู่ร่วมกันโดยสันติของฝ่ายต่างๆ อย่างเป็นการเฉพาะ เป็นตัวเปิดพื้นที่ให้แต่ละฝ่ายได้พอมีที่หยัด ที่ยืน ไม่ว่าจะอนุรักษ์ หรือก้าวหน้า จะใหม่ หรือเก่า จะซ้าย หรือขวา ฯลฯ ก็น่าจะยังพออยู่ๆ กันไปได้ หรือไม่ว่าจะพรรคโน้น พรรคนี้ พรรคมึง พรรคกู สุดท้ายแล้ว...ก็คงต้องหาทาง ผสมพันธุ์ ให้พอเกิดจุดลงตัว หรือให้พอ ออกัสซั่ม ไปด้วยกันทุกฝ่าย...
---------------------------------------------------
โดยกรอบ โดยแนว โดยทิศทางการเมือง...มันเลยคงต้องยืดๆ หยุ่นๆ เอาไว้ก่อน อะไรที่พอยอมๆ กันได้ ก็คงต้อง หันมาพบกันครึ่งทาง ต้องพยายามประคับประคองความแตกต่าง ไม่ให้มันต้องกลายเป็นความแตกแยก แตกหัก แบบซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า แต่คงไม่ถึงกับไม่ต้องคลำหัว คลำหาง เพราะสำหรับประเภทที่หางยาวเฟื้อย เลื้อยลากดิน ประเภทคิดคด ทรยศ ต่อชาติบ้านเมือง ประเภทยึดผลประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง ไม่ได้สนใจ ห่วงใยส่วนรวมเอาเลยแม้แต่นิด อันนั้น...มันคงจำแนก แยกแยะ ได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ แค่เห็นหลังแวบๆ ก็พอเห็นรอยหาง รอยเขี้ยว ลากยาวเป็นทางๆ และถ้ายังคิดจะเอามา ผสมพันธุ์ ยังไงๆ...คงต้อง ออกลูกเป็นลิง อยู่แล้วแน่ๆ...
---------------------------------------------------
แต่ประเภทที่ออกไปทาง สปีชีส์ เดียวกัน...เป็น โฮโม ซาเปียน ซาเปียน ด้วยกัน ไม่ถึงกับออกไปทาง โฮโม อีเร็คตัส หรือไม่ถึงกับ นีแอนเดอร์ธัล มากมายเกินไปนัก ถึงจะต้อง เขี่ยผ้าห่มปิดหน้า ในบางช่วง บางครั้ง ก็อาจต้องกล้ำกลืน ฝืนทน หรือต้องรู้จักอดทน อดกลั้น เอาไว้มั่ง เพราะอย่างที่ สมเด็จพระสังฆราชฯ องค์ปัจจุบัน ท่านได้เพียรพยายามเตือนสติ ให้สติ เอาไว้โดยตลอดนั่นแหละว่า ด้วยความอดทน อดกลั้น หรือด้วย ขันติธรรม นี่เอง ที่จะช่วยให้ทุกสิ่งทุกอย่าง มันมีทางออก ทางไป ได้เสมอๆ หรือดังพระดำรัสที่สรุปเอาไว้ประมาณว่า... การทำงานทุกประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานบริหาร จำเป็นต้องเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคเป็นธรรมดา แต่อันที่จริงหากใคร่ครวญให้ดีจะพบว่า หนทางแก้นั้นมีอยู่เสมอ ความอดทน อดกลั้น ต่อโลกธรรมแห่งฝ่ายที่ไม่น่าพึงใจนั้น เป็นคุณสมบัติที่ผู้บริหารทุกระดับต้องสั่งสม อบรม ให้เจริญขึ้นๆ เพื่อเป็นประตูไปสู่การแก้ปัญหา จนบรรลุถึงความเจริญงอกงามในท้ายที่สุด...
--------------------------------------------------
ไม่เพียงเท่านั้น...อิทธิฤทธิ์ อิทธิเดช ของสิ่งที่เรียกว่า ขันติธรรม หรือความอดทน อดกลั้นนั้น พระแท้ๆ ระดับอภิมหาพระ อย่าง สมเด็จพระสังฆราชฯ ท่านยังได้ขยายอธิบายความเพิ่มเติมไว้อีกต่างหาก ว่าไม่เพียงแต่จะส่งผลดีต่อส่วนรวม ช่วยแก้ปัญหา ช่วยให้เกิดทางออก ทางรอด ต่อการบริหารกิจการในทุกประเภท แต่ยังสามารถส่งผลในทางส่วนตัว ให้เกิดอะไรต่อมิอะไรอีกเยอะแยะมากมาย ดังที่พระดำรัสช่วงหนึ่งสรุปไว้ว่า... ขันติธรรม ไม่เพียงแต่เป็นคุณธรรมพื้นฐานที่ก่อให้เกิดความหนักแน่น มั่นคง แต่ยังเป็นตัวช่วยเอื้ออำนวยให้เกิดคุณธรรมต่างๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นความพากเพียร (วิริยะธรรม) ความสามัคคี (สามัคคีธรรม) ความเสียสละ (ปริจาคังธรรม) ไปจนแม้แต่การมีปัญญารู้แจ้งในสัจจธรรม... นี่...ต้องเรียกว่าไปไกลถึงขั้นสามารถ นิพพาน ไปโน่นเลย ไม่ต้องมาจมอยู่ใน ถังขี้ หรือจมอยู่กับแวดวงการเมือง อันเป็นอะไรที่ซ้ำๆ ซากๆ ไปโดยตลอด...
---------------------------------------------------------
ด้วยเหตุนี้...การรู้จักผ่อนหนัก-ผ่อนเบา การอดทน อดกลั้น ต่อบรรดาความแตกต่างทั้งหลาย เพื่อไม่ให้ทุกสิ่งทุกอย่างต้องหวนกลับไปสู่ความแตกแยก แตกหัก กันอีกครั้ง จึงถือเป็น คุณสมบัติขั้นพื้นฐาน ที่สำคัญเอามากๆ หรืออาจสำคัญที่สุดเอาเลยก็ว่าได้ ในการเดินหน้าประเทศไทย หรือการนำพาชาติบ้านเมืองไปสู่ทางออก ทางไป ทางรอด ในห้วงเวลาที่ถูกเรียกขานกันในนาม ช่วงระยะเปลี่ยนผ่าน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง...ในช่วงระยะที่โลกทั้งโลก มันกำลังกลายเป็น โลกที่อันตราย หนักขึ้นเรื่อยๆ โลกที่ ความแตกต่าง ใดๆ ก็ตาม สามารถถูกขยาย ถูกขยับ ถูกยกระดับให้กลายเป็น ความแตกหัก หรือ แตกแยก เอาง่ายๆ จริง-ไม่จริง...เชื่อ-ไม่เชื่อ ก็ลอง เปิดฝาเข่ง หรือจะ เปิดกะลา ก็แล้วแต่ เหลียวไปมองประเทศเวเนซุเอลา ซีเรีย หรือแม้แต่ต้นตำรับประชาธิปไตยอย่างคุณพ่ออเมริกา หรือคุณพี่ยุโรป ฯลฯ ก็น่าจะพอเห็นๆ ได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ ดังนั้น...ถึงไม่คิด เกรงใจกันอีกต่อไปแล้ว แต่อย่างน้อย...ก็น่าที่จะเห็นอก เห็นใจ กันเอาไว้มั่ง อย่าเอาแพ้-เอาชนะกันลูกเดียว จนอาจต้อง แพ้ไปทั้งประเทศ กันในจังหวะสุดท้าย...
--------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Henry Boye... The most important trip you may take in life is meeting people halfway.- การเดินทางครั้งสำคัญที่สุด ที่พึงกระทำในเส้นทางชีวิต ก็คือ...การพบกันครึ่งทาง...
-------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |