"บิ๊กป้อม" บินไปเชียงใหม่เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังสถานการณ์ฝุ่นควันห่มจังหวัดภาคเหนือไม่กระเตื้อง กำชับห้ามเผาป่าเด็ดขาด พร้อมเร่งทำความเข้าใจกับชาวบ้านสร้างจิตสำนึกตระหนักถึงพิษภัย มหาวิทยาลัยพะเยาสั่งหยุดเรียนอีกแห่ง เชียงใหม่ครองอันดับ 1 มลพิษมากสุดในโลกต่อเป็นวันที่ 4 มธ.ศูนย์ลำปางประกาศปิด 3 วัน
    เว็บไซต์กรมควบคุมมลพิษ รายงานเมื่อวันที่ 14 มีนาคมนี้ ถึงสถานการณ์คุณภาพอากาศพื้นที่ภาคเหนือ 8 จังหวัด อากาศอยู่ในระดับ เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ สารมลพิษทางอากาศที่ตรวจพบเกินมาตรฐาน ได้แก่ ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ตรวจพบค่าระหว่าง 66-200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินมาตรฐานที่บริเวณ จ.น่าน, พะเยา, ลำพูน, เชียงราย, เชียงใหม่, แพร่ และแม่ฮ่องสอน รวมทั้งฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM 10) ตรวจพบค่าระหว่าง 99-242 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินมาตรฐานที่บริเวณ จ.ตาก, น่าน, พะเยา, ลำปาง, ลำพูน, เชียงราย, เชียงใหม่ และแพร่
    เว็บไซต์ AirVisual ได้จัดอันดับดัชนีคุณภาพอากาศตามเมืองท่องเที่ยวทั่วโลกประจำวันที่ 14 มี.ค. (เวลา 10.49 น.) ระบุว่า จังหวัดเชียงใหม่ยังคงอยู่ในอันดับ 1 เมืองที่มีมลพิษมากที่สุดติดต่อกันเป็นวันที่ 4 โดยค่า AQI หรือ Air Quality Index โดยรวมอยู่ที่ 288 อันดับ 2 รองลงมาคือเยรูซาเลม อิสราเอล 278 และอันดับ 3 นิวเดลี อินเดีย 242
    ที่สโมสรค่ายกาวิละ มณฑลทหารบกที่ 33 จังหวัดเชียงใหม่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางไปประชุมติดตามสถานการณ์ปัญหาหมอกควันไฟป่าและค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กของจังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือที่มีความรุนแรง โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ ที่ผลการตรวจวัดดัชนีคุณภาพอากาศจากเว็บไซต์ Airvisaul.com ระบุว่า สูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของโลกต่อเนื่องกัน 4 วันแล้ว 
    พล.อ.ประวิตรได้ประชุมกับหัวหน้าส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ และการดำเนินการต่างๆ ของกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า ขณะเดียวกัน ได้เยี่ยมชมยุทโธปกรณ์ดับไฟป่า พร้อมให้กำลังใจกำลังพลและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน จากนั้นเดินทางด้วยรถยนต์ไปเยี่ยมชมการทำม่านน้ำรอบคูเมืองเชียงใหม่ ที่บริเวณประตูท่าแพ และช่วงหน้าโรงพยาบาลสวนปรุง เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศ หลังจากนั้นได้ให้สัมภาษณ์ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น ทางรัฐบาลมีความห่วงใยผลกระทบที่จะเกิดกับสุขภาพประชาชนเป็นอย่างมาก และให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่จะแก้ไขปัญหา ซึ่งเมื่อวิเคราะห์อย่างละเอียดแล้วจะพบว่า สาเหตุหลักมาจากการเผาในพื้นที่ป่า 
    "ฉะนั้น การจะแก้ไขปัญหาหรือลดปัญหาได้ จะต้องหาวิธีการควบคุมไม่ให้มีการเผาในพื้นที่ป่าอย่างเด็ดขาด จึงจะสามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ ส่วนการฉีดพ่นละอองน้ำนั้นอาจจะเป็นการช่วยบรรเทาปัญหาได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่อาจจะไม่มาก ทั้งนี้ อยากเน้นย้ำให้ทุกภาคส่วน ทั้งทางกองทัพภาคที่ 3 ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด รวมไปถึงทุกอำเภอและทุกหมู่บ้านตำบล ร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่องต่อไป นอกจากนี้มีความจำเป็นที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จะต้องประสานความร่วมมือการตั้งแต่ก่อนเกิดสถานการณ์ปัญหา เพื่อเป็นการป้องกันและสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม"
    นาวาอากาศตรีมณธนิก รักงาม ที่ปรึกษา 10 ทอท. รักษาการผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ทัศนวิสัยทางการบินยังเป็นปกติ ยกเว้นพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนที่ล่าสุดวันนี้ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ที่ทำการบินวันละ 2 เที่ยวบินเช้า-บ่าย ได้ยกเลิกเที่ยวบินช่วงเช้า เนื่องจากสภาพอากาศปิดที่แม่ฮ่องสอน ส่วนเส้นทางการบินอื่นๆ ของท่าอากาศยานเชียงใหม่ภาพรวมยังบินเป็นปกติ ไม่มีผลกระทบ ซึ่งจากที่รัฐบาลมอบนโยบายเร่งด่วนให้หน่วยงานต่างๆ บูรณาการแก้ไขปัญหาวิกฤติหมอกควันและฝุ่นละอองขณะนี้ หนึ่งในมาตรการเฉพาะหน้าคือ การเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศ ทางท่าอากาศยานเชียงใหม่ก็ได้ให้เจ้าหน้าที่ฉีดพ่นละอองน้ำทั้งพื้นที่นอกเขตการบิน (Landside) วันละ 3 รอบ และในเขตการบิน (Airside) วันละ 2 รอบ โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคมเป็นต้นไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย พร้อมรณรงค์แจ้งข้อมูลข่าวสารแก่ผู้โดยสารในเรื่องของการดูแลสุขภาพในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ด้วย
    ที่จังหวัดเชียงราย สถานการณ์ฝุ่นละอองในอากาศทั่วพื้นที่จังหวัดเชียงรายยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตัวเมืองเมืองเชียงราย พบว่าในช่วงเช้ามืดเวลา 04.00 น. เครื่องวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษที่ติดตั้งอยู่ที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อ.เมืองเชียงราย วัดปริมาณฝุ่นละอองและหมอกควันเล็กกว่า 2.5 ไมครอน หรือพีเอ็ม 2.5 ได้ 89 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน หรือพีเอ็ม 10 วัดได้ 117 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนเครื่องที่ติดตั้งบริเวณสำนักงานสาธารณสุข อ.แม่สาย ห่างจากชายแดนเพียงเล็กน้อย พบว่าค่าพีเอ็ม 2.5 วัดได้ 166 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน หรือพีเอ็ม 10 วัด 217 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่าสูงมากกว่าทุกวันที่ผ่านมาและอยู่ในเกณฑ์ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพติดต่อกันเป็นวันที่ 3 แล้ว
    ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ด้านการเกิดจุดไฟเผาป่าหรือฮอตสปอตในพื้นที่ จ.เชียงราย ถือว่ามีความเบาบางอย่างมาก หลังนายประจญ ปรัชญ์สกุล ผวจ.เชียงราย ได้ประกาศใช้มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากหมอกควันไฟป่าและการเผาในที่โล่ง ห้ามการเผาใดๆ ทั้งสิ้นโดยเด็ดขาดระหว่างวันที่ 15 ก.พ.-15 เม.ย.นี้ 
    พะเยา สถานการณ์คุณภาพอากาศขณะนี้อยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพ ปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) มีค่า 117 ไมโครกรัม/ลบ.ม. อยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพ นอกจากนี้ยังพบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM 10) มีค่า 148 ไมโครกรัม/ลบ.ม. อยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ทั้งนี้ คุณภาพอากาศของ จ.พะเยา อยู่ในเกณฑ์ดังกล่าวมาแล้วตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค. เนื่องจากได้เกิดไฟป่าขึ้นในหลายพื้นที่ และรอบมหาวิทยาลัยพะเยา ส่งผลให้มหาวิทยาลัยพะเยา (มพ.) ประกาศหยุดการเรียนการสอนระหว่างวันที่ 14-15 มี.ค.นี้
    มีรายงานต่อมาว่า สถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือยังวิกฤติ ล่าสุดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์ลำปาง ประกาศปิดมหาวิทยาลัย งดการเรียนการสอน ไม่ให้ใช้พื้นที่กลางแจ้ง ทั้งสนามกีฬาและลานออกกำลังกาย เป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 15-17 มี.ค.นี้ เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพของนักศึกษาและบุคลากร หลังเผชิญฝุ่น PM 2.5 ต่อเนื่องเกิน 3 วัน
    กรมควบคุมมลพิษรายงานสถานการณ์ล่าสุดพบว่า 14 พื้นที่ภาคเหนือยังมีค่าฝุ่น PM 2.5 อยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยพื้นที่ตำบลพระบาท อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง PM 2.5 พุ่งสูงถึง 141 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ค่าฝุ่นวัดได้ 211 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 130 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในเกณฑ์สีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพ.