พรรคภูมิใจไทย นำประเด็นเรื่องกัญชาเสรี มาใช้เป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน เป็น 1 ใน 12 นโยบาย สนามเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 พูดถึงเป็นวงกว้างในสังคมไทย ฝ่าทัศนคติ ความเชื่อ และค่านิยมมาตั้งแต่โบร่ำโบราณ 50-60 ปี ว่า กัญชา คือ “ยาเสพติดให้โทษ” แต่ปัจจุบันนี้ค้นพบว่า กัญชารักษามะเร็ง โรคลมชัก หอบหืด นอนไม่หลับ พาร์กินสัน และอีกสารพัดโรค จนมีคนบอกว่า อย่าถามว่ากัญชารักษาโรคอะไรได้บ้าง ให้ถามว่า รักษาโรคอะไรไม่ได้บ้างจะดีกว่า...
ต้องยอมรับว่า จากการศึกษา วิจัย ค้นคว้า โลกวิชาการพบว่า “กัญชา” มีคุณสมบัติในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้อย่างอัศจรรย์ เนื่องจากมีสารอยู่ในกัญชากว่า 500 ชนิดที่ถูกวิจัยและพัฒนา ถึงขนาดที่ว่ามะเร็งชนิดใดต้องใช้กัญชาพันธุ์ไหนเข้าไปฆ่าเซลล์มะเร็งได้ดีที่สุด ซึ่งประเทศอิสราเอลสนใจการวิจัยและพัฒนา แต่ก็ยังไม่ครบถ้วนทุกสายพันธุ์ มีข้อเสนอให้ประเทศไทยตั้งศูนย์ศึกษาวิจัยค้นคว้า เพื่อชิงความได้เปรียบในมิติที่เป็นพืชเศรษฐกิจหรือไม่? หรือยังติดหล่มความคิดที่ว่า กัญชาคือยาเสพติดให้โทษ จึงไม่กล้าทำอะไรกันมาก ข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้องกับกัญชาพบอีกเช่นกันว่า ไม่เคยให้โทษกับใคร มีใครตายเพราะเสพกัญชา ไม่ต้องเพิ่มปริมาณการใช้ เหมือนเหล้า เบียร์ ไวน์ บุหรี่ ที่ต้องเพิ่มปริมาณขึ้นไปเรื่อยๆ อีกด้วย
เมื่อกัญชามีสรรพคุณมากมายขนาดนี้ จึงมีความเป็นไปได้ที่ “นายทุน” ทั้งไทยและต่างชาติ จะเข้ามาผูกขาดสัมปทานกัญชาในอนาคตหรือไม่? อย่างไร?
ท่ามกลางความสงสัยในสังคม “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย เป็นผู้ที่ออกมาอธิบายที่มา-ที่ไปทั้งหมดของนโยบายสุด..จี๊ด..จ๊าด..ของพรรคภูมิใจไทย “กัญชาไทย ปลูกได้เสรี” ไว้อย่างน่าสนใจ
พรรคภูมิใจไทยมีนโยบายทั้งหมด 12 เรื่อง อาทิ นโยบายทวงคืนกำไรให้เกษตรกร, พืชพลังงาน, แก้หนี้ กยศ., เรียนออนไลน์ ฟรีตลอดชีพ, อสม.หมอประจำบ้าน, บุรีรัมย์โมเดล, เศรษฐกิจแบ่งปัน (แกร็บ, โฮมสเตย์), เขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดชายแดนใต้, แก้ปัญหาประมง, กรุงเทพฯ สะดวก สบาย เป็นต้น ซึ่งมีการทำการศึกษาวิจัยมาแล้วทั้งหมด อาทิ เรื่องของพี่น้องเกษตรกร เราคิดว่ากระบวนการเพาะปลูกไม่ได้มีปัญหา มีปัญหาคือเรื่องโครงสร้างราคา หากนำโครงสร้างการกำหนดราคารูปแบบ พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ.2527 ที่ทำไว้อย่างเป็นธรรม คือ 70:30 ไปทำกับพืชเศรษฐกิจ ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา และปาล์มน้ำมัน พี่น้องเกษตรกร ลงทุนมากที่สุด ลงแรงมากที่สุด ขาดทุนมากที่สุด ขณะที่ผู้ประกอบการในห่วงโซ่การผลิต ที่เป็นผู้แปรรูป และผู้ขาย ไม่เคยเห็นขาดทุน มีแต่ร่ำรวย ถึงมีปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำ
นอกจากนี้เรายังพบว่า พืช 4 ตัวนำมาทำเป็นพืชพลังงาน เอทานอล และไบโอดีเซล แบบประเทศบราซิล เราจะสามารถประหยัดงบประมาณนำเข้าพลังงานจากปิโตรเลียม และอาจจะส่งออกพลังงานจากไบโอดีเซลได้อีก
“ปัญหาหนี้สินครัวเรือน ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศออกมา มีจำนวนเพิ่มขึ้นมา 2.2 ล้านล้านบาท ค่าเฉลี่ย 3.01 แสนบาทต่อครัวเรือน ดังนั้นพรรคภูมิใจไทย จะทำกฎหมายเพื่อให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น แต่อาจจะช้า เราจึงนำเสนอพืชเศรษฐกิจตัวอื่นเข้ามาให้เกษตรกรปลูก นั่นคือ พืชกัญชา”
นายศักดิ์สยามเปิดเบื้องหลังถึงการทำนโยบาย “กัญชาไทย ปลูกได้เสรี” ว่า เป็นเรื่องบังเอิญหรืออะไรไม่ทราบได้ที่ญาติผู้ใหญ่ป่วยเป็นโรคฮอร์โมนไม่ปกติ หรือ “วัยทอง” อากาศร้อนก็หนาว อากาศหนาวก็รู้สึกร้อน ไปพบแพทย์ก็ไม่หาย เผอิญไปเจอปราชญ์ในเรื่องกัญชา เอาน้ำมันสกัดจากกัญชา หรือ CBD Oil มาให้ใช้ ปรากฏว่าอาการดีขึ้น ดีขึ้น จนทุกวันนี้หายเป็นปกติ จึงได้ศึกษาและเห็นข้อมูล ว่าในโลกนี้มี 34 ประเทศ เขาปลดล็อกแล้วและประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยแต่ละประเทศมีระดับในการปลดล็อก บางแห่งทำเรื่องการแพทย์ บางแห่งทำเรื่องสันทนาการได้ บางแห่งให้สูบที่ไหนก็ได้ อย่างในเนเธอร์แลนด์ โดยของพรรคภูมิใจไทยดูจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งต่อต้านยาเสพติด บางรัฐอนุญาตให้ใช้แล้ว
“กฎหมายที่รัฐบาลนี้ออกมา อนุญาตให้คน 7 กลุ่ม ได้สิทธิในการปลูก แม้จะมีคำว่าวิสาหกิจชุมชน แต่ประชาชนก็ทำไม่ได้อยู่ดี เพราะกำหนดให้ต้องมีผลการวิจัย แล้วใครจะทำ ประชาชนเราๆ นี่ใครจะทำได้บ้าง รัฐบาลมีความพร้อมมีองค์กรเภสัช มี อย. ทำไมรัฐบาลจะมาทำเอง ทำไมท่านไม่เป็นพี่เลี้ยงให้เกษตรกร มาทำเองทำไมครับ แล้วมาขายให้ชาวบ้าน ทำไมท่าน แบบนั้นล่ะครับ ทำไมไม่ให้ชาวบ้านปลูกแล้วขายให้รัฐ รัฐเอาไปแปรรูป ที่เราให้ปลูกได้แค่ 6 ต้น เอาไว้ใช้เองได้ด้วย เหลือก็เอาไปขาย รัฐเป็นพี่เลี้ยงว่าจะให้ปลูกพันธุ์แบบไหน จะให้ปลูกระบบแบบใด ผมว่าอย่าไปดูถูกชาวบ้านว่าชาวบ้านปลูกไม่ได้ จะมีเศรษฐีเท่านั้นหรือที่ปลูกได้ ระวังเรื่องนี้มันจะเกิดเหมือน พ.ร.บ.เหล้า”
นโยบายการปลูกกัญชาของพรรคภูมิใจไทยประกอบไปด้วย 3 ด้าน คือ 1.ใช้ทางการแพทย์ 2.ใช้ในเชิงพาณิชย์ และ 3.ใช้สันทนาการที่บ้าน เช่น ใช้ในการประกอบอาหาร อย่างไรก็ดี ที่ทางพรรคภูมิใจไทยเสนอให้ครอบครัวมีการปลูกได้ 6 ต้น ที่เสียค่าใบอนุญาตต้นละ 30 บาท และวิสาหกิจชุมชน ปลูกร่วมกันมากกว่า 6 ต้น ซึ่งโครงสร้างนโยบายกัญชาของพรรคภูมิใจไทยได้ทำมาหมดแล้ว เหมือนแคลิฟอร์เนียโมเดลทั้งหมด เช่น ปลูกใช้ในบ้านได้ หรือจะปลูกรวมกันเป็นเชิงพาณิชย์ เพื่อที่จะขายให้กับรัฐ ซึ่งรัฐจะต้องเป็นพี่เลี้ยง ตำรับยาแพทย์แผนไทยมี 200-300 ตำรับ แต่ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขรับรองเพียง 16 ตำรับ ซึ่งหายไปเยอะ จึงมีคำถามตามมาว่า เกิดอะไรขึ้น ทั้งที่จริงประเทศไทยเคยมีการส่งกัญชามาก่อนปี 2505 แล้ว ประเทศไทยสามารถที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าได้มากมาย โดยใช้กัญชาเป็นส่วนประกอบ อย่างต่างประเทศมีการใช้ผสมสปาเกตตี ไอศกรีม ซึ่งจริงๆ ต่างประเทศได้มีการทำมานานแล้ว
“ถ้าหากพรรคภูมิใจไทยไม่เสนอนโยบายกัญชาเสรี สิ่งที่จะเกิดขึ้น เรื่องกัญชาก็จะไม่ต่างกับเรื่องเหล้าและเบียร์ ที่มีนายทุนผูกขาด และประชาชนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้ ถ้าปล่อยให้นายทุนผูกขาดแต่ผู้เดียวแบบนี้ถือว่า ประเทศนี้แย่มากๆ กับความคิดแบบนี้ ถือเป็นการเอาเปรียบประชาชน” นายศักดิ์สยามกล่าวฝากข้อคิดปิดท้าย.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |