บิ๊กโจ๊กสร้างผลงานสนองนาย นำกำลังปูพรมตรวจค้น 24 จุดใน 4 จังหวัดภาคเหนือกำราบแก๊งเงินกู้นอกระบบ ฉ้อโกงประชาชน จับผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 2 พะเยา พร้อมยึดอายัดทรัพย์กว่า 170 ล้าน เผยพฤหัสฯ นี้บิ๊กป้อมขึ้นเชียงใหม่คืนโฉนด 673 ฉบับให้ชาวบ้าน  
    เมื่อวันที่ 13 มีนาคมนี้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ในฐานะรอง ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปฉช.ตร.), พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3, นายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ เลขานุการกรม สำนักงาน ปปง. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง สนธิกำลัง ศปอส.ตร. ตำรวจ บช.ภ.5 ปูพรมตรวจค้น 24 จุด 17 กลุ่มนายทุนใน 4 จังหวัด คือ เชียงใหม่ ลำปาง พะเยา และลำพูน ตามยุทธการขุดรากถอนโคนอาชญากรรม ทำบ้านเมืองให้น่าอยู่ ทวงคืนความเป็นธรรมให้ลูกหนี้เงินกู้นอกระบบ
    ที่จังหวัดพะเยา เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น 999 คาร์เซ็นเตอร์ หรือพะเยา 999 ลิสซิ่ง ต.บ้านต๋อม อ.เมืองพะเยา พบการกระทำความผิดมีการแก้ไขข้อความในสัญญาเงินกู้ที่ลูกหนี้นำโฉนดที่ดินมาค้ำประกัน เจ้าหน้าที่จึงได้ยึดโฉนดที่ดิน 35 ฉบับ เนื้อที่รวม 110 ไร่ ราคาประมาณ 30 ล้านบาท ไปตรวจสอบ
    นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้เข้ายึดอายัดทรัพย์สินของนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 2 จ.พะเยา กับพวก ในท้องที่อำเภอจุน และอำเภอเชียงคำ หลังพบความผิดในลักษณะร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยมีผู้เสียหายที่ถูกนายวิสุทธิ์ กับพวก ชักชวนให้ร่วมลงทุนในหุ้นน้ำมัน 4 ประเทศ รวมตัวร้องเรียน โดยยึดอายัดบ้าน 3 หลัง รถยนต์ 4 คัน อายัดบัญชีธนาคาร 5 บัญชี ร้านคาร์แคร์ 1 แห่ง มูลค่ากว่า 170 ล้านบาท พร้อมแจ้งข้อหานายวิสุทธิ์ก กับพวก ฉ้อโกงประชาชน
    ส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น 10 จุด ซึ่งเป็นเครือข่ายนายทุน 4 กลุ่ม ประกอบด้วย บริษัทเมืองไทยแคปปิตอล เชียงใหม่, บริษัท ชนะกิจลิสซิ่ง จำกัด, หจก.เวียงพิงค์ไอซ์ เลขที่ 238/18-20 หมู่ 6 หมู่บ้านศิริวัฒนานิเวศน์ ต.หนองหอย จ.เชียงใหม่ รวมทั้งตรวจค้นบ้านเลขที่ 12/3 หมู่ 6 ตำบลและอำเภอสารภี ยึดโฉนดที่ดินจำนวน 50 ฉบับ เนื้อที่รวม 120 ไร่ 2 งาน มูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท และเอกสารสัญญาการกู้เงินและเอกสารที่เกี่ยวข้อง 
    สำหรับจังหวัดลำปางและลำพูน เจ้าหน้าที่ได้ยึดเอกสารสัญญาเงินกู้ที่เกี่ยวข้องไปทำการตรวจสอบ
    พล.ต.ท.สุรเชษฐ์กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบถือเป็นวาระแห่งชาติที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม ให้ความสำคัญ เร่งรัดขับเคลื่อนแก้ไข จึงได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องร่วมกันบูรณาการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลและดำเนินการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบอย่างจริงจัง ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการปราบปรามทั่วประเทศบังคับใช้กฎหมาย คืนที่ดินให้แก่ประชาชนเป็นจำนวนมาก ทำให้สถานการณ์ขณะนี้ในพื้นที่ภาคอีสานดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังพบว่าในพื้นที่ภาคเหนือชาวบ้านได้รับผลกระทบจากลีสซิ่งที่ปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด ทำให้ตลอดระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ดำเนินการจับกุมยึดอายัดทรัพย์นายทุนในภาคเหนือ เพื่อนำโฉนดคืนแก่พี่น้องประชาชน 
    “การทำงานวันนี้ยึดหลักประชาชนเป็นที่ตั้ง และไม่เลือกปฏิบัติ จะบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เป็นธรรมและเท่าเทียม"
    พล.ต.ท.สุรเชษฐ์เปิดเผยด้วยว่า ในวันที่ 14 มี.ค.นี้ พล.อ.ประวิตรจะเป็นประธานมอบโฉนดคืนแก่พี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากหนี้นอกระบบและนายทุนดอกเบี้ยโหด ครั้งที่ 9 ที่ จ.เชียงใหม่ จำนวน 673 ฉบับ เนื้อที่ 670 ไร่ 2 งาน 85.2 ตารางวา มูลค่า 711,444,235 บาท และภาพรวมทั่วประเทศกว่าจำนวน 1,087 ฉบับ เนื้อที่ 1,248 ไร่ 1 งาน 68.2 ตารางวา มูลค่า 1,182,821,518 บาท
    ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ภายหลังประชาชนจำนวนมากร้องเรียนกับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ว่าถูกเต็นท์รถรายใหญ่ใน อ.สตึก หลอกลวงฉ้อโกงในหลายรูปแบบ จนทำให้สูญทั้งรถ ทั้งเงิน  แถมยังถูกบริษัทไฟแนนซ์ฟ้องร้องยึดบ้าน ยึดรถ เดือดร้อนมานานหลายปี ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นเต็นท์รถดังกล่าว และได้จับกุมเจ้าของเต็นท์รถ พร้อมพวกรวม 4 คน ยึดอายัดรถไว้ตรวจสอบกว่า 200 คัน รวมทั้งยึดทรัพย์ที่ได้จากการฉ้อโกงประชาชนกว่า 200 ล้านบาทด้วย
    ล่าสุด พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ร่วมกับตำรวจ สภ.สตึก เปิดการเจรจาไกล่เกลี่ยระหว่างเจ้าของเต็นท์พร้อมพวกที่ถูกจับกุม ซึ่งอยู่ระหว่างการประกันตัวสู้คดี  และผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์ เพื่อเป็นการบรรเทาเยียวยาความเดือดร้อน ซึ่งจากการเจรจาไกล่เกลี่ยในวันแรกประมาณ 50 ราย ส่วนใหญ่ก็ได้ข้อยุติ ผู้ต้องหาพร้อมที่จะชดใช้ค่าเสียหายให้ อาทิ ยอมคืนรถ, ไปปิดค่างวดรถที่ค้าง, ชดใช้ค่าเสียหายกรณีที่ไม่ได้ใช้รถ  ซึ่งจะมีการทำบันทึกไว้เป็นหลักฐานด้วย ขณะที่บางรายยังไม่ได้ข้อยุติ ยังขอเวลาตัดสินใจ บางรายก็ยืนยันให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย.