ว่าด้วยบรรยากาศที่กำลังเปลี่ยนไป


เพิ่มเพื่อน    

      คงต้องยอมรับว่า...บรรยากาศการเมืองในแง่ภาพรวม ค่อนข้างเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอยู่พอสมควร หลังจากที่อดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ ท่านได้ออกมาทิ้งร่ม ทิ้งระเบิด ประกาศไม่เอา เผาไทย แถมพ่วงด้วยไม่เอา บิ๊กตู่ แบบเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด อะไรที่เคยทำท่าว่าไม่น่าจะเป็นปัญหา ก็ชักเริ่มเห็นเค้า เห็นลาง ของปัญหา ซึ่งค่อยๆ ทวีความร้อนแรงยิ่งเข้าไปทุกที...

                                                                --------------------------------------------------

      อันที่จริง...การเปลี่ยนแปลงบรรยากาศทางการเมืองในลักษณะทำนองนี้ ถ้าว่ากันตามประวัติศาสตร์การเมืองไทยแล้ว คงไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ถ้าลองย้อนกลับไปถึงช่วงหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 โน่นเลย ช่วงจังหวะ โค้งสุดท้าย ของการเลือกตั้งหลังเหตุการณ์ดังกล่าว พรรคการเมืองที่มีชื่อเรียกขานกันในนาม พรรคพลังใหม่ ซึ่งอาจจัดได้ว่าเป็นฝ่ายเดียวกัน หรือเป็น ฝ่ายประชาธิปไตย เช่นเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ ก็เคยถูกทิ้งร่ม ทิ้งระเบิด ถูกกล่าวหาว่าเป็น พรรคแตงโม ประเภทเปลือกนอกเป็นสีเขียว แต่ผ่าออกมาแล้วแดงแจ๊ด แดงแจ๋ หรือถูกกล่าวหาว่าเอียงไปทางคอมมิวนิสต์ คอมมูหน่อย ไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบของจริง-ของแท้...

                                                                    ------------------------------------------------

      การล้มคว่ำคะมำหงายของพรรค พลังใหม่ ที่ต้องพ่ายแพ้ต่อพรรคประชาธิปัตย์ในแทบทุกเขต ทุกพื้นที่ แม้จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์สามารถกวาดคะแนนเสียง คะแนนนิยม ในช่วงจังหวะโค้งสุดท้ายได้อย่างเป็นกอบ เป็นกำ แต่ก็มีส่วนอยู่ไม่น้อยในการทำให้บรรยากาศทางการเมืองนับจากนั้น เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมพอสมควร หรือทำให้กระแสความเป็นประชาธิปไตยออกอาการสับสน แตกซ่าน จนสุดท้ายก็ค่อยๆ นำไปสู่ เหตุการณ์โศกนาฏกรรม 6 ตุลาฯ หรือเหตุการณ์เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ.2519 ชนิดที่ ประชาธิปไตยตายบนตักประชาธิปัตย์ กันจนได้...

                                                                       -----------------------------------------------

      ไม่ต่างไปจากครั้งที่พรรคการเมืองซึ่งมีชื่อเรียกขานในนาม พรรคพลังธรรม ที่ต้องถือว่าเป็น ฝ่ายประชาธิปไตย แบบเต็มเม็ด เต็มสูบ อีกเหมือนกัน แต่เมื่อต้องเจอเข้ากับการทิ้งร่ม ทิ้งระเบิด ในช่วงจังหวะ โค้งสุดท้าย ด้วยข้อหา จำลองพาคนไปตาย นอกจากจะส่งผลให้แทบไปไม่เป็น ต้องแพ้พ่ายพรรคประชาธิปัตย์ไปอย่างราบคาบในหลายเขต หลายพื้นที่ แต่ภายใต้ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกันเองนี่แหละ มันได้ส่งผลให้บรรยากาศการเมืองเกิดความเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร เกิดความสับสน แตกซ่าน แตกต่างและแตกแยก ในหมู่ผู้ที่น่าจะมีแนวทางเดียวกัน หรือน่าจะถือเป็นแนวร่วม เป็นพันธมิตรทางการเมืองระหว่างกันและกันได้สบายๆ โดยเฉพาะถ้าหากนำเอา ผลประโยชน์ส่วนรวม  หรือ ผลประโยชน์ชาติบ้านเมือง เป็นที่ตั้ง...

                                                                       ----------------------------------------------------

      ส่วนการทิ้งร่ม ทิ้งระเบิด ของพรรคประชาธิปัตย์ หรือของท่านอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ ในคราวนี้ สุดท้าย...ไม่ว่าใครชนะ-ใครแพ้ คงไม่ต้องเสียเวลาไปคิดมาก หรือคิดเล็ก-คิดน้อย ให้ต้องเปลืองสมองอะไรกันมากมาย แต่สิ่งที่คงไม่คิดไม่ได้ หรือคงต้องเก็บมาคิดๆ เอาไว้ก่อนล่วงหน้า ก็คือว่า...นับจากนี้ มันจะส่งผลให้บรรยากาศทางการเมือง ต้องเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมในรูปไหน และอย่างไร อะไรที่น่าจะพอยืดๆ หยุ่นๆ น่าจะพอประนีประนอมยอมความกันได้มั่ง โดยเฉพาะถ้าหากนำเอา ผลประโยชน์ส่วนรวม หรือ ผลประโยชน์ชาติบ้านเมือง เป็นที่ตั้ง นับแต่นี้...มันอาจต้องแข็งทื่อ แข็งแบบโด่ๆ เด่ๆ แข็งแบบพวกที่ชอบกำหลักการเฉพาะตัวเอาไว้เป็นแท่งๆ ด้ามๆ จนอาจก่อให้เกิดแรงเสียดสี เสียดทาน เกิดการ แตกหัก เพราะไม่มีใครยอม งอ ให้แม้แต่ผู้ที่น่าจะพอเป็นมิตรกันได้บ้าง มุ่งที่จะเอาชนะคะคาน เอาแพ้-เอาชนะ เพื่อตัวกู-ของกู-พรรคกู เอาไว้ก่อน???

                                                                       ------------------------------------------------

      อันนี้นี่แหละ...ที่มันออกจะน่าเสียใจและน่าเสียดายเอามากๆ ถ้าหากบรรยากาศการเมืองโดยรวม มันต้องออกไปในแนวนี้ รูปนี้และยิ่งน่าเสียใจ น่าเสียดาย ยิ่งขึ้นไปใหญ่ ที่ผู้ซึ่งมีบุคลิกลักษณะออกไปทางซื่อสัตย์ สุจริต ฝักใฝ่ในความถูกต้อง เป็นธรรม อยู่พอสมควร จัดเป็น นักการเมืองน้ำดี ได้อย่างเต็มปาก เต็มคำ อย่างท่านอดีตนายกฯ  อภิสิทธิ์ เป็นต้น แต่ด้วยเหตุเพราะการคลุกคลีอยู่กับแวดวงการเมืองมาถึง 20 กว่าปี การดูดซับเอาวัฒนธรรมทางการเมืองบางชนิด บางประเภท จนทำให้ความซื่อสัตย์นั้น อาจไม่ได้เกี่ยวกับ ความซื่อตรง มากมายซักเท่าไหร่ หรือทำให้ฟันกราม ฟันน้ำนม ค่อยๆ วิวัฒนาการกลายเป็น เขี้ยว ไปจนได้ มันเลยทำให้เกิดการทิ้งร่ม ทิ้งระเบิด กันไปในแนวนี้...

                                                                        --------------------------------------------------

      สรุปเอาเป็นว่า...เมื่อมาถึงขั้นนี้ คงจะไปเปลี่ยนแปลง แก้ไข อะไรแทบไม่ได้ ถ้าหากบรรยากาศทางการเมืองโดยรวม มันจะย้อนกลับไปสู่การ แตกหัก ย้อนกลับไปสู่บรรยากาศแบบไม่มีใครยอมใคร เหลืออยู่แต่เพียงต้องหันมาสวดมนต์ ภาวนา ขอให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เสียง ได้เก้าอี้ แบบชนิด ไม่ครบร้อย นั่นแหละ อาจพอช่วยให้อะไรต่อมิอะไรมันพอยืดๆ หยุ่นๆ ขึ้นมาได้มั่ง หรือพอได้ช่วยขจัดเงื่อนไข เหตุปัจจัย อันเป็นสิ่งที่ทำให้ ความเป็นประชาธิปไตย ของประเทศไทย มีแต่ต้องวนไป-วนมา อยู่ภายใต้วงจรอุบาทว์ นับตั้งแต่พรรคประชาธิปัตย์ได้อุบัติขึ้นมาพร้อมๆ กับระบอบประชาธิปไตยนั่นแล...

                                                                       ----------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Dave Meurer (อีกครั้ง) ... A great marriage is not when the perfect couple comes together. It is when an imperfect couple learns to enjoy their differences. - ชีวิตแต่งงานที่วิเศษสุด มิได้เกิดขึ้นเมื่อคู่ที่เพียบพร้อมสมบูรณ์มาใช้ชีวิตร่วมกัน แต่เกิดขึ้นเมื่อคู่ที่ไม่ได้เพียบพร้อมสมบูรณ์ไปด้วยกันทั้งสิ้น เรียนรู้ที่จะแสวงหาความสุขจากความแตกต่างซึ่งกันและกัน...

                                                                          ---------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"