บ้านล้านหลัง


เพิ่มเพื่อน    


    เรียกว่าเป็นข่าวดี สำหรับผู้ที่อยากจะมีบ้านเป็นของตัวเอง โดยเฉพาะในโครงการที่มีเงื่อนไขการผ่อนชำระที่ดีมาก อย่างโครงการ 'บ้านล้านหลัง' ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) 
    เผื่อผู้อ่านยังไม่ทราบ โครงการนี้กำหนดอัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อย ให้กู้เพื่อซื้อ หรือปลูกสร้างที่อยู่อาศัย และซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องกับที่อยู่อาศัย ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ผ่อนชำระได้นานสูงสุด 40 ปี อัตราดอกเบี้ย แบ่งเป็น กรณีรายได้ไม่เกิน 25,000 บาท/คน/เดือน อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 - ปีที่ 5 คงที่ 3.00% ต่อปี กรณีกู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระ 5 ปีแรก เริ่มต้นเพียง 3,800 บาท พร้อมฟรีค่าธรรมเนียม (4 ฟรี) ได้แก่ 1.ฟรีค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ 2.ฟรีค่าประเมินราคาหลักประกัน 3.ฟรีค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม และ 4.ฟรีค่าจดทะเบียนนิติกรรมจำนอง (1% ของวงเงินจำนอง) กรณีรายได้เกิน 25,000 บาท/คน/เดือน อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 - ปีที่ 3 คงที่ 3.00% ต่อปี เงินกู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระ 3 ปีแรกเริ่มต้นเพียง 3,800 บาท 
    นี่ถือเป็นโปรโมชั่นที่แรงที่สุดของ ธอส.ในเวลานี้เลยก็ว่าได้
    โดยประเมินความต้องการของลูกค้าประชาชนทั่วประเทศที่มาจองสิทธิสินเชื่อโครงการบ้านล้านหลัง รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2561 ซึ่งมีจำนวนเงินรวมสูงถึง 127,000 ล้านบาท แต่วงเงินที่จัดเตรียมไว้ให้ มีจำกัดเพียง 50,000 ล้านบาท   ซึ่งเดิมทีในวงเงินดังกล่าว วางกรอบวงเงินกู้สำหรับกลุ่มรายได้ไม่เกิน 25,000 บาท/คน/เดือน จากกรอบวงเงินกู้เดิม 20,000 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มรายได้เกิน 25,000 บาท/คน/เดือน ตั้งไว้ที่ 30,000 ล้านบาท    
    แต่ทั้งนี้ภายหลังมีการประเมินข้อมูลพบว่า เป็นกลุ่มผู้มีรายได้ไม่เกิน 25,000 บาท/คน/เดือน จำนวนถึง 113,000 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มรายได้เกิน 25,000 บาท/คน/เดือน มีผู้มาจองสิทธิ์จำนวนเพียง 14,000 ล้านบาท 
    ดังนั้นสัดส่วนที่เตรียมไว้ตั้งแต่ต้น จึงไม่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าที่แท้จริง ทาง ธอส.จึงต้องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปรับปรุงแก้ไขใหม่ และในที่สุด ครม.ก็มีมติเห็นชอบให้ ธอส.ปรับกรอบวงเงินกู้ของโครงการเสียใหม่ จากเดิม กลุ่มรายได้ไม่เกิน 25,000 บาท/คน/เดือน ตั้งไว้ที่ 20,000 ล้านบาท ก็จะเพิ่มเป็น 40,000 ล้านบาท ส่วนกลุ่มที่มีรายได้เกิน 25,000 บาท/คน/เดือน จากกรอบวงเงินกู้เดิม 30,000 ล้านบาท ลดเป็นจำนวน 10,000 ล้านบาท ซึ่งสัดส่วนใหม่ที่ปรับแก้ไข น่าจะตรงกับความต้องการของประชาชนมากขึ้น
    ไม่พอเท่านั้น นายฉัตรชัย ศิริไล เอ็มดีของ ธอส. ยังใจดีขยายระยะเวลาสิ้นสุดการทำนิติกรรมจากเดิมที่กำหนดไว้ภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2562 ขยายเป็นจนกว่าธนาคารให้สินเชื่อเต็มกรอบวงเงินของโครงการ 50,000 ล้านบาท หรือภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2564 โดยภายหลังจากที่ธนาคารเริ่มเปิดรับคำขอกู้ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2562 ล่าสุด ณ วันที่ 11 มีนาคม 2562 พบว่ามีลูกค้าประชาชนทยอยเดินทางเข้ามาติดต่อยื่นคำขอกู้รวมแล้วกว่า 4,100 ราย วงเงินกู้ 2,560 ล้านบาท และธนาคารได้อนุมัติสินเชื่อให้ลูกค้าได้มีบ้านในฝันเป็นของตนเองได้แล้วทั้งสิ้น 3,580 ราย วงเงินกู้ 2,200 ล้านบาท
     “การขยายระยะเวลาการทำนิติกรรมไปเป็นภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2564 เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนมีเวลาในการเตรียมความพร้อมด้านเอกสารหลักฐานแสดงที่มาของรายได้เพื่อมาประกอบการยื่นกู้มากขึ้น เพราะหลังจากที่ธนาคารเปิดให้ยื่นกู้ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2562 พบว่ามีประชาชนหลายรายประกอบอาชีพอิสระ หรือไม่มีเอกสารแสดงรายได้ที่ชัดเจน โดยสามารถติดต่อขอรับคำปรึกษากับเจ้าหน้าที่สินเชื่อเพื่อเตรียมเอกสารที่ต้องนำมาประกอบการยื่นกู้กับธนาคารในแต่ละวัตถุประสงค์การกู้ และแต่ละอาชีพได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศ ขณะเดียวกันยังทำให้ผู้ประกอบการมีระยะเวลาในการก่อสร้างที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทเพิ่มเติมเพื่อรองรับความต้องการซื้อของประชาชนกลุ่มนี้ต่อไป” นายฉัตรชัยกล่าว
    ผู้อ่านท่านใดที่อยากจะมีที่อยู่อาศัยใหม่ ก็ไม่ควรจะพลาดโอกาสดีๆ ที่ ธอส.และรัฐบาลมอบให้แบบนี้. 

ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"