13 มี.ค. 62 - นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แถลงย้ำจุดยืนของพรรคว่า หลายคนอาจสงสัยและสับสนทำไมพรรคประชาธิปัตย์มาประกาศจุดยืนในตอนนี้ หากทุกคนถอดอารมณ์ออกจากเหตุการณ์แล้วมองด้วยสติ ข้อเท็จจริง จะเห็นว่าทุกพรรคการเมืองแข่งขันกันเพื่อเป็นที่หนึ่ง และเป็นแกนนำหลักในการจัดตั้งรัฐบาล โดยเป็นการแข่งกันด้วยนโยบายที่ต้องนำเสนอให้กับประชาชน วันนี้ความมีอารมณ์ได้กลบนโยบายดีๆของพรรค นายอภิสิทธิ์ใช้เวลา 200 กว่าสัปดาห์ในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เพื่อนำมาจัดทำเป็นนโยบายของพรรคตอบโจทย์ในปัญหาต่างๆ และเมื่อเราได้เป็นรัฐบาลจะสามารถลงมือทำได้ทันที นี่คือข้อแตกต่างของพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคอื่น
“คำถามว่าเราจะไปจับมือกับพรรคการเมืองใด ไม่สำคัญเท่าการมีกิน มีใช้ มีเงินเก็บพอ และชำระหนี้ได้ ลูกหลานเรียนจบมีงานทำแน่นอน ผมคิดว่าสังคมลืมเรื่องพวกนี้ไป ฉะนั้นจึงอยากบอกว่าเราจะมาโฟกัสตรงนี้มากกว่าการเมือง เราจะไม่แก้เกมการเมือง แต่เราจะแก้ไขปัญหาความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน สิ่งที่อยากให้ประชาชนมั่นใจ ประชาธิปัตย์เป็นครั้งที่ 100, 200 แล้ว ว่าไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทยแน่นอน และเพื่อไทยก็ชัดเจนว่าไม่จับมือกับเรา พูดง่ายๆ ต่างคนก็ต่างประกาศว่าเหม็นขี้หน้ากัน”นายจุติ ระบุ
เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันนี้เรามีของดี คือนโยบายในการแก้ไขปัญหา การเลือกตั้งครั้งนี้ขอให้ประชาชนเลือกว่าพรรคใดจะเข้ามาแก้ไขปัญหาของท่านได้ดีที่สุด และอยากจะบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์มีทีมเศรษฐกิจที่ดีที่สุด ซึ่งพรรคอื่นไม่มี โดยเราจะทำสิ่งที่ถูกต้องจะไม่ทำให้ประเทศต้องเสียหาย ฐานะทางการคลัง การเศรษฐกิจของประเทศต้องไม่เสียหาย ตนอยากเตือนสติพี่น้องประชาชนว่าอย่าเลือกด้วยความสะใจ เหมือนอย่างกรณีที่ประเทศอังกฤษ ให้ประชาชนลงมติออกจากสหภาพยุโรป ซึ้งตอนนั้นประชาชนของเขาไปลงมติด้วยความเบื่อ จนทำให้ขณะนี้เศรษฐกิจของอังกฤษย่ำแย่ลง
เมื่อถามว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคร่วมพลังประชาชาติไทย(รปช.) ปราศรัยว่า ปชป.ประกาศจุดยืนไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ แสดงว่าจะจับมือกับพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ นายจุติ กล่าวว่า เราพูดเป็นครั้งที่พันแล้วว่าจะไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทย และพรรคเพื่อไทยก็ยืนยันว่าไม่จับกับเรา ไม่เข้าใจหรืออย่างไร ต่อให้พูดเป็นหมื่นหน ประชาชนก็ฟังรู้เรื่องแล้วว่าสองพรรคนี้เหม็นขี้หน้าซึ่งกันและกัน เพราะมีคำตอบอยู่ในตัวแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ความเห็นอะไรอีก แต่อยากจะให้ประชาชนไปดูนโยบายพรรคและตัดสินใจด้วยสติ ว่าจะมอบความไว้วางใจให้กับใครต่อไป
นายจุติ กล่าวด้วยว่า เท่าที่เราลงพื้นที่หาเสียงอย่างหนัก ไม่มีประชาชนคนไหนบอกให้ไปจับมือกับใคร มีแต่บอกว่าจะแก้ปัญหาต่างๆให้ประชาชนอย่างไร พวกเขาหิว ขอกินอิ่มก่อนแล้วค่อยทะเลาะกันได้หรือไม่ เราก็ต้องนำเสนอนโยบายว่าจะแก้ให้เขา และทำตามนั้น โดยทำให้ประชาชนอิ่มก่อนแล้วค่อยทะเลาะกัน ไปแก้รัฐธรรมนูญหรืออะไรภายหลัง ส่วนที่หลายพรรคพยายามชวนทะเลาะกับเราเรื่องจุดยืนนั้นเพราะพวกเขาไม่มีนโยบายที่จะมานำเสนอหรือไม่ ดังนั้นขอให้เอานโยบายมานำเสนอดีกว่า
“นี่คือวินัยการต่อสู้ของเรา เขาก็สู้แบบนั้น ถ้าเราสู้ผิดก็แพ้ แต่ถ้าเขาสู้ผิดเขาก็แพ้ แต่สิ่งที่เราแพ้คือจุดยืนที่ว่าประชาชนเป็นใหญ่ เราแพ้ตามอุดมการณ์ เพราะทำหน้าที่ครบถ้วนแล้ว ส่วนประชาชนจะยอมรับหรือไม่ เราก็ฟังเสียงประชาชน ครั้งนี้จะเห็นขอแตกต่างว่าเราใช้นโยบายที่กระชับ โดน แก้ปัญหาเฉพาะเรื่อง แม้จะไม่เกือบทุกเรื่อง ซึ่งพรรคอื่นไม่มี ซึ่งการแสดงครั้งนี้เพื่อต้องการให้ประชาชนที่รู้สึกงุนงง สับสนว่าเกิดอะไรขึ้นได้รับความชัดเจน ไม่ใช่เป็นการออกมาช่วยนายอภิสิทธิ์ ”นายจุติ ระบุ
ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การประกาศจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์ ในการสืบทอดอำนาจเป็นการแสดงจุดยืนรอบด้านที่ตรงไปตรงมา และไม่มีอะไรแอบแฝง แต่อยู่บนพื้นฐาน และเหตุผลหลายด้านคือ 1.พล.อ.ประยุทธ์ได้แสดงศักยภาพให้เห็นชัดเจนในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมาว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน 2.พล.อ.ประยุทธ์ใช้อำนาจแฝงโดยมิชอบเกินขอบเขต เพื่อประโยชน์ตนเองและพวกพ้อง ที่เห็นได้ชัดคือการปกปิดข้อมูลหลายด้าน จนเกิดข้อครหาในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นมีหลายโครงการที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ ช้กกลไกอำนาจรัฐแทรกแซงองค์กรอิสระ
"3.พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่าไม่อยากให้ใช้วาทกรรมสืบทอดอำนาจ เพราะสิ่งที่พรรคการเมืองทำกันขณะนี้ทุกคนก็อยากเป็นนายกฯ ก็คือการสืบทอดอำนาจทางการเมืองเหมือนกันนั้น ผมคิดว่าพล.อ.ประยุทธ์กำลังใช้ตรรกะที่บิดเบี้ยวโดยสิ้นเชิง เพราะผู้ที่เสนอตัวเป็นแคนดิเดตของพรรคการเมืองต่างๆ ล้วนเป็นการเสนอตัวเป็นนายกฯตามระบอบประชาธิปไตยปกติ ต่างจากพล.อ.ประยุทธ์ที่เข้ามาโดยการยึดอำนาจ และอ้างว่าจะเข้ามาปฏิรูปและแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่น แต่กลับทำตรงกันข้าม สิ่งเหล่านี้ถือเป็นพฤติกรรมที่เอาเปรียบนักการเมือง โดยใช้มาตรา 44 แก้ไขกฎหมายพรรคการเมืองที่ออกมาแล้ว แต่ยังไม่มีผลบังคับใช้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นกระบวนการของการสืบทอดอำนาจชัดเจน ดังนั้นจึงไม่ใช่วาทกรรมการเมือง” นายองอาจ กล่าว
ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคปชป. กล่าวด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์มีทั้งพฤติกรรม และกิจกรรมที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์ไม่สนับสนุนพฤติกรรม และกิจกรรมของพล.อ.ประยุทธ์ได้ทำเพื่อการสืบทอดอำนาจต่อไป เพราะ 5 ปีที่ผ่านมาถือว่าได้พิสูจน์ตัวเองเพียงพอแล้ว ควรเปิดโอกาสให้นักการเมืองอาชีพตามปกติในระบอบประชาธิปไตยเสนอตัวทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน เพื่อที่จะนำพาประเทศนี้ให้เดินหน้าต่อไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |