อืมมมมม........
เลือกตั้งเที่ยวนี้ มีแต่ "ประชาธิปไตยจ๋า" แทบทั้งนั้น
บางพรรคถึงขั้นประกาศ
จะสานต่อปณิธาน "ประชาธิปไตย ๒๔ มิถุนา ๒๔๗๕"
ทั้งไม่ร่วมสังฆกรรมการเมือง ทั้งจะทำทุกวิถีทาง เพื่อสกัดกั้นการสืบต่ออำนาจของเผด็จการ
แล้วใคร พรรคไหนล่ะ.........
ที่ถูกเพื่อนร่วมสมรภูมิกะล่อนเลือกตั้ง ผลักให้ไปอยู่ในมุม "พรรคเผด็จการ"?
ก็ "พลังประชารัฐ" ที่เสนอ "พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา" เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค นั่นไง
บอกกันว่า พรรคพลังประชารัฐเป็น "พรรครัฐบาล คสช."
การชู "พลเอกประยุทธ์" เป็นนายกฯ
เท่ากับชูเผด็จการทหาร
การชูเผด็จการทหาร เท่ากับเป็นการ "สืบต่ออำนาจเผด็จการทหาร"!
ฉะนั้น หลักใหญ่ในการหาเสียง เท่าที่ฟังในโค้งสุดท้าย พรรคที่หมายมั่นจะเป็นที่ ๑.......
ต่างปิดทองประชาธิปไตยบนหน้าผากตัวเองอวดอ้างพร้อมรมดำให้ "พรรคพลังประชารัฐ" ว่า
เป็น "พรรคเผด็จการ"
เลือกพรรคนี้ เท่ากับการสืบต่ออำนาจเผด็จการ!
ก็เป็นตรรกะที่ฟังดูง่ายและมักง่ายพอกัน ผมก็ว่า เขาพูดไม่ผิดหรอก
พลังประชารัฐ ก็เป็น "พรรครัฐบาล คสช." จริงๆ
คุณอุตตม คุณสนธิรัตน์ และคุณกอบศักดิ์ ตัวทำงานหลักของพรรค ก็เป็นคนมาจากรัฐบาลจริงๆ
แล้ว "พลเอกประยุทธ์" ว่าที่นายกฯ นั่นก็หัวหน้า "เผด็จการทหาร" จริงๆ
ทีนี้ ประเด็นที่ประชาชน "ผู้เลือก" ควรต้องพิจารณาก็คือ
ทบทวน ย้อนหน้า-ย้อนหลัง ดูซิ?
ในรอบ ๕ ปี
จากปี ๕๗-๖๒ อันเป็นช่วงรัฐบาลเผด็จการทหารบริหารราชการบ้านเมือง
กับมองย้อนขึ้นไป เป็น ๑๐-๒๐ ปี ที่รัฐบาลประชาธิปไตยเลือกตั้งเขาบริหาร
บ้านเมืองเราได้อะไรเป็นเนื้อ-เป็นหนังที่ต่างกัน จากการบริหาร ระหว่างรัฐบาลเผด็จการกับรัฐบาลประชาธิปไตย?
รัฐบาลเลือกตั้ง ที่ได้ คือ ประชาธิปไตย "เปลือก"
รัฐบาลทหาร คสช.ที่ได้ คือ เผด็จการ "เนื้อหา"
ที่ยกมาให้คิด ไม่ได้ให้มุ่งในทางว่า ประชาธิปไตย "ไม่ดี" เผด็จการทหาร "ดี"
ประชาธิปไตยหรือเผด็จการ นั้น ดีอยู่ในเลว-เลวอยู่ในดี จะแยกกันอยู่ไม่ได้ ต้องอยู่เป็นเนื้อเดียวกัน จึงจะยังประโยชน์
เหมือน "สกรูนอต" กับ "หัวนอต"!
รู้จักนอตกันใช่มั้ย?
"สกรูนอต" หมายถึง "นอตตัวผู้" มีลักษณะเป็นเกลียวรอบ เป็นตัวยึดวัตถุ ๒ ชิ้นให้ติดกัน
ส่วน "หัวนอต" หมายถึง "นอตตัวเมีย" คล้ายๆ แหวน มีรูตรงกลาง เป็นเกลียว
ใช้หมุนเข้ากับสกรู ตรึง ๒ ชิ้นที่ติดกันให้ "แน่นสนิท"
แบบนี้ จึงจะยังประโยชน์ให้สำเร็จได้ตามเป้าหมาย และมั่นคง
เนี่ย...ทั้งโลกเป็นจริงและโลกทฤษฎี ก็เป็นอย่างนี้
สกรูนอตโดดๆ ไม่มี "หัวนอต"..........
ประโยชน์ยังสู้ "สากกะเบือ" ดุ้นเดี่ยวๆ ไม่ได้
ประชาธิปไตย ที่ไม่มีส่วนผสมเผด็จการ และเผด็จการ ที่ไม่มีส่วนผสมประชาธิปไตย
ใช้ได้อย่างเดียว คือ โม้ กับ กินเมือง!
อันนี้ ไม่ได้พูดด้วยลีลา สังคมบริหารและปกครองทั่วโลก สูตรนี้ทั้งนั้น
ว่าไปเป็นไรมี คนพูด ก็พ่นไปเรื่อย คนฟัง ก็หลับตาฟังไปเรื่อย ว่า
เปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ นำโดยท่านอาจารย์ "ปรีดี พนมยงค์"
นั้นคือ "ประชาธิปไตย" เต็มใบ ไร้สารผสม-สารพิษใดๆ เจือปน
ผมพูดให้ตรงประเด็นไปเลย เปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔๗๕ นั่นก็คือ
"คณะราษฎร" คือ เผด็จการตัวพ่อของประชาธิปไตยไทย โดยทำ "รัฐประหาร".......
ยึดอำนาจสมบูรณาญาสิทธิราชย์ จากพระมหากษัตริย์ ไปเป็นของบุคคลคณะหนึ่งที่อ้าง "ราษฎร"
ในความหมาย "ของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน"
นี่ผมไม่ได้พูดเอง ..........
ท่านอาจารย์ปรีดีพูด คือท่านชี้แจงไว้ ว่า
"วิธีเปลี่ยนการปกครองจะต้องทำโดยวิธี COUP D'ETAT ซึ่งเรียกกันคำไทยโดยธรรมดาว่า การยึดอำนาจโดยฉับพลัน"
สมัยนั้น ประเทศไทย ยังเป็น "ประเทศสยาม"
ยังไม่มีราชบัณฑิตทำปทานุกรมหรือพจนานุกรม มีแต่คำว่า "ยึดอำนาจโดยพลัน" ไม่มีคำว่า "รัฐประหาร" คำว่า "เผด็จการ" ในภาษาไทย
หน้าตา "รัฐประหาร-เผด็จการ" มันเป็นยังไง คอหยักๆ สักแต่ว่าคนหรือไฉน คนสยามหรือคนไทย ไม่รู้จัก
๗ ทหารเสือคณะราษฎร เรียนฝรั่งเศส
ก็เลยเอาคำว่า COUP D'ETAT หมายถึงรัฐประหาร ใช้เรียกการ "ยึดอำนาจ" พระมหากษัตริย์ของตัวเอง!
เพราะยึดอำนาจพระมหากษัตริย์สำเร็จคณะราษฎรจึงไม่เป็นกบฏ
ได้ชื่อว่า ผู้เปลี่ยนแปลงการปกครอง จากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นประชาธิปไตย อย่างตะวันตก
จะเรียกคณะราษฎร ว่าเป็นคณะ COUP D'ETAT คือ "รัฐประหาร" ก็จะหนีไม่พ้นความจริงที่เป็น
คือเป็น "เผด็จการอำนาจ"!
ก็อย่างว่า ผู้ชนะเขียนประวัติศาสตร์ จึงมีคำสวยหรู ใช้แทนการทำรัฐประหารของคณะราษฎรว่า
ผู้ "อภิวัฒน์สยาม" บ้าง
"อภิวัฒน์ประชาธิปไตยสยาม" บ้าง
แต่ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ซึ่งเข้ามาไทยแล้ว บอกว่า ไม่ใช่
คำว่า "อภิวัฒน์" ต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงจากล่างขึ้นไปคือ ต้องเปลี่ยนแปลง "จากประชาชน" เหมือนจีน จึงจะเรียกอภิวัฒน์
อย่างของคณะราษฎร เป็นการเปลี่ยนแปลงจากบนพวกเดียว คือ มีแค่ทหารกับข้าราชการเท่านั้น ประชาชนอุปโลกน์กันเอา
ดังนั้น การเปลี่ยนแปลง ๒๔๗๕ ไม่ใช่การอภิวัฒน์ เป็นแค่ "รัฐประหาร" คือเผด็จการอำนาจของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
ที่เรียก "คณะราษฎร" นำในการเปลี่ยนแปลง ๒๔๗๕
แท้จริงแล้วเป็น......
"คณะทหาร" นำ โดยแท้!
ก็ดูซีใน ๗ ผู้เริ่มก่อการ ณ ฝรั่งเศส เป็นนายทหารซะตั้ง ๓-๔ คน
เช่น ร.ท.แปลก หรือจอมพล ป. พิบูลสงคราม, ร.ท.ประยูร ภมรมนตรี, ร.ต.ทัศนัย มิตรภักดี
จากนั้นก็เป็นนักกฎหมาย หรือไม่ก็อดีตทหาร ไม่มีชาวบ้านในความหมาย "ราษฎร" ร่วมเลยซักคน
แถมต่อมา ก็ต้องไปเชิญ ผบ.ทบ.พลเอก "พระยาพหลพลพยุหเสนา" มาเป็นนายกฯ ตั้ง ๔-๕ สมัย
และใน ๑๐๐ คณะเปลี่ยนแปลงการปกครอง ไปสำรวจดูให้ดี จะเห็นว่า
เป็นทหารซะร่วม ๗๐ คน!
แล้วเหมือนมีคนบอก "สากกะเบือบินได้" ก็หลับตาเชื่อตามกัน การรัฐประหาร ๒๔๗๕ คำว่า "ประชาธิปไตย" คือรูปแบบเท่านั้น
ส่วนเนื้อหาในทางปฏิบัติ ท่านอาจารย์ปรีดี ซึ่งเป็น "มันสมอง" ของคณะราษฎร
ท่านนำแนวทางพรรคคอมมิวนิสต์รัสเซียหรือพรรคบอลเชวิก ที่ทำรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลสำเร็จ มาใช้ตะหาก
ก็ทำนอง "สกรูนอต" กับ "หัวนอต" เปี๊ยบ!
หัวใจของการเปลี่ยนแปลงที่คณะราษฎรจะทำ คือแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เริ่มที่ชาวนา
เค้าโครงเศรษฐกิจแห่งชาติที่ "อาจารย์ปรีดี" ร่าง และนำไปสู่ความแตกแยกของคณะราษฎรตั้งแต่เริ่ม ก็อยู่ที่
".....ให้รัฐบาลใช้อำนาจบังคับ 'ซื้อที่ดินทำกิน' ทั้งหมดของชาวนา มาเป็นของรัฐ
ชาวนามีกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคลได้เฉพาะที่ตั้งบ้านอยู่อาศัยเท่านั้น
ชาวนาเป็น 'คนงาน' ของรัฐ ทำนารวมให้รัฐ รัฐเลี้ยงดู"
ประชาชนคนไทยตอนนั้น มีประมาณ ๑๑ ล้านคน อาจารย์ปรีดีบอกว่า
"คนของเราเวลานี้ เปรียบเหมือนเด็ก รัฐบาลต้องนำ โดยบังคับในทางตรงหรือในทางอ้อม"
สรุปแค่ประเด็น "ประชาธิปไตย-เผด็จการ" ไว้แค่นี้ก่อน ก็จะเห็นว่า จาก ๒๔๗๕ ถึงวันนี้ ๒๕๖๒
"ประชาธิปไตย" นั้น เป็นแค่ คำพูดควายยุคก่อนปฏิวัติสังคมเกษตร ใช้หลอกควายยุคสังคมดิจิทัล
สังคมเป็นจริงของไทย "เผด็จการ" เป็นตัวนำประเทศมาตั้งแต่ ๒๔๗๕ โน่นแล้ว และที่สำคัญ
"ทหาร" เป็นส่วนผสมหลักที่ขาดไม่ได้!
ที่พูดมานี่ ไม่มีทัศนคติลบต่อคณะราษฎร ประเทศไทยเจริญมาถึงวันนี้ ก็ด้วย "ทุกคณะ-ทุกฝ่าย" มีคุณูปการเกื้อสืบต่อกัน
ที่จะไม่เกื้อ ก็ตรงที่นักเลือกตั้งวันนี้........
ไม่รู้จัก "สกรูนอต" กับ "หัวนอต" นี่แหละ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |