พปชร.เฮ! เลขาฯ กกต.แจงสอบโต๊ะจีนยุติแล้วไม่เข้าข่ายยุบพรรค อ้างไม่พบต่างชาติบริจาค   โบ้ยเอกสารแจ้งเจ้าบ้านบกพร่องเกิดจากผู้สมัครมาก และมีการเพิกถอนสิทธิ ยันไม่เป็นเหตุทำเลือกตั้งโมฆะ "เรืองไกร" หอบคำพิพากษายืนยัน "บิ๊กตู่" เป็นจนท.รัฐ จ่อยื่นปมครอบงำ พปชร.ซ้ำ "ศรีสุวรรณ" โวยเลขาฯ กกต.กินอะไรผิดสำแดง สอบไม่ตรงคำร้องทั้งที่ร้องสอบ ขรก.-จนท.รัฐ-นิติบุคล ร่วมบริจาคหรือไม่
    ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วันที่ 12 มีนาคม พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงปัญหาเรื่องความผิดพลาดเกี่ยวกับเอกสารแจ้งเจ้าบ้านว่า เกิดจากมีผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นจำนวนมาก ประกอบกับมีการเพิกถอนสิทธิการรับสมัครเลือกตั้ง จึงทำให้เอกสารแจ้งเจ้าบ้านมีความบกพร่อง ซึ่ง กกต.ได้แจ้งให้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตชี้แจง และ กกต.เองจะพยายามประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบ ซึ่งเมื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปเลือกตั้งล่วงหน้าวันที่ 17 มี.ค. หรือการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 24 มี.ค. ก็ขอให้ดูข้อมูลล่าสุดที่หน้าหน่วยเลือกตั้ง ที่จะมีบัญชีรายชื่อผู้สมัคร รวมทั้งแจ้งว่าผู้สมัครคนใดถูกเพิกถอนสิทธิ ประกอบกับผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถตรวจสอบรายละเอียดได้ด้วยการโหลดแอปพลิเคชันสมาร์ทโหวต ที่มีการปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัย แต่ถ้าไม่อัพเดต ก็สามารถดูข้อมูลที่หน้าหน่วยเลือกตั้งได้อีกครั้งหนึ่ง
      เมื่อถามว่า ความผิดพลาดดังกล่าวจะทำให้ถูกร้องให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะหรือไม่ เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า เชื่อว่าผู้มีสิทธิคงมีคนและพรรคอยู่ในใจ เพียงแต่ขอให้ไปดูว่าผู้สมัครที่จะเลือกถูกถอนสิทธิในการรับสมัครหรือไม่ ประกอบกับในปัจจุบันทางสื่อโทรทัศน์ก็มีการจัดดีเบตและแถลงนโยบายของพรรคต่างๆ ค่อนข้างมาก จึงน่าจะเป็นทางเลือกให้ผู้มีสิทธิ ส่วนจะมีการฟ้องร้องภายหลังการเลือกตั้ง คงเป็นสิทธิที่สามารถฟ้องได้ แต่ กกต.ก็ได้ออกเอกสารใบแก้ไปแล้ว คงไม่ทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ที่ผ่านมาการที่ศาลจะสั่งให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ มีเพียงการเลือกตั้งที่ไม่เป็นไปโดยตรงและลับ และการไม่จัดเลือกตั้งในวันเดียวกันเท่านั้น
    พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวแสดงความมั่นใจถึงการเตรียมความพร้อมการจัดเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 17 มี.ค.นี้ว่า มีการลงทะเบียนขอใช้สิทธิกันเป็นจำนวนมาก ได้มีการจัดเตรียมหีบบัตรคูหาไว้เพียงพอ รวมทั้งมีการแต่งตั้งกรรมการประจำหน่วยสำรองไว้ด้วย เบื้องต้นได้ประสานสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ในการอำนวยความสะดวกให้กับผู้มีสิทธิ โดยเฉพาะด้านการจราจร นอกจากนี้ยังจัดรถสุขาและรถพยาบาลอยู่ตามหน่วยเลือกตั้งด้วย กกต.ทั้ง 7 คนก็เป็นห่วง จึงจะลงพื้นที่โดยจะแบ่ง กกต. และมอบหมายให้รองเลขาธิการ กกต.กระจายกับไปตรวจดูหน่วยเลือกตั้งล่วงหน้าในพื้นที่ต่างๆ
     ส่วนกรณีสถานทูตมาเลเซียใช้ลังกระดาษทำคูหาเลือกตั้งนั้น เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งยังถือว่าเป็นการเลือกตั้งโดยตรงและลับ ทางสถานทูตได้จัดการเลือกตั้งที่สถานทูต และจัดรถโมบายไปยังจุดต่างๆ เพียงแต่มีผู้มาใช้สิทธิที่สถานทูตเป็นจำนวนมาก ไม่เกี่ยวกับเรื่องงบประมาณ ส่วนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยเฉพาะการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ห้ามถ่ายรูปบัตรเลือกตั้งที่มีการลงคะแนนแล้ว เพราะถือว่ามีความผิดอาญาและสามารถเอาผิดได้ แม้ความผิดจะเกิดนอกราชอาณาจักรก็ตาม
    เมื่อถามถึงการสอบสวนคำร้องเรื่องการจัดโต๊ะจีนของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พ.ต.อ.จรุงวิทย์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบนิติบุคคล 40 ราย และบุคคล 84 คน ไม่พบการบริจาคจากต่างชาติ จึงถือว่าไม่มีความผิดเข้าข่ายยุบพรรค ซึ่งจะมีการสรุปเรื่องดังกล่าวส่งให้กรรมการ กกต.ต่อไป
      ขณะเดียวกัน ที่สำนักงาน กกต. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ยื่นหนังสือต่อ กกต. ขอให้เร่งพิจารณาคำร้องที่ตนเองได้ยื่นขอให้ตรวจสอบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้า คสช. เข้าข่ายเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (15) ในการได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ เพราะนับตั้งแต่ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 11 ก.พ. จนถึงปัจจุบัน ยังไม่ได้รับการแจ้งผลความคืบหน้าการดำเนินการใดๆ ทั้งที่ไม่ควรจะใช้เวลาเนิ่นนาน
    ทั้งนี้ นายเรืองไกรยังได้นำคำพิพากษาศาลแขวงดุสิต ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา กรณีพนักงานอัยการสูงสุด ยื่นฟ้องนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด จากเหตุไม่มารายงานตัวตามคำสั่ง คสช.มามอบให้ กกต.ด้วย เนื่องจากนายสมบัติได้ต่อสู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ หัวหน้า คสช. ไม่ใช่เจ้าพนักงานนั้น แต่ศาลพิพากษาว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นหัวหน้า คสช. มีอำนาจดำเนินการต่างๆ ตามกฎหมาย จึงเป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจออกคำสั่งให้จำเลยมารายงานตัว"  และมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2322-2323/2561 กรณีอาจารย์มหาวิทยาลัยรามคำแหงถูกลูกศิษย์ฟ้องบังคับให้ชำระค่าสินไหมทดแทน ซึ่งพิพากษาว่า เจ้าพนักงานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ นอกจากนี้ ในปี 2558 มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาเพิ่มนิยามของคำว่า "เจ้าพนักงาน" ว่า ไม่ว่าจะเป็นประจำหรือครั้งคราวหรือจะได้รับค่าตอบแทนหรือไม่ ก็ถือว่าเป็นเจ้าพนักงาน ซึ่งกฎหมายฉบับนี้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการเอง 
    "จึงชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้าคสช. เป็นเจ้าพนักงานและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (15) ที่เป็นลักษณะต้องห้ามในการเป็นผู้เสนอชื่อเป็นแคนดิเนตนายกฯ จึงขอให้ กกต.รีบพิจารณาถอนชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ออกจากบัญชีแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ"
    นายเรืองไกรกล่าวถึงการตรวจสอบการระดมทุนโต๊ะจีนของพรรค พปชร.ว่า เท่าที่ตรวจสอบเอกสาร พบว่ายังมีการจัดทำบัญชีไม่เรียบร้อย และดูท่าจะปิดบัญชียาก จึงอยากฝากให้ กกต.ตรวจสอบให้ละเอียด อย่าลืมว่าตนในฐานะผู้ร้อง เป็นอดีตข้าราชการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เก่า หลังจากนี้จะยังตรวจสอบเรื่องการเป็นสมาชิกพรรคของคนอื่นในพรรค พปชร. หลังได้รับการชี้แจงมติ กกต.เรื่องนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค ซึ่งพบว่าในวันที่เปิดตัวกรรมการบริหารพรรคที่โรงแรมแชงกรี-ลา มีหลายคนที่ตรวจสอบจากเลขบัตรประชาชนแล้วไม่พบว่าเป็นสมาชิกพรรค รวมถึงกรณีที่นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค ระบุว่า นโยบายของพรรค พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนคิด ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ จะเข้าข่ายครอบงำพรรคหรือไม่ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้มีตำแหน่งใดๆ ในพรรค 
    ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกแถลงการณ์สมาคมฯ เรื่อง "ผิดหวังเลขาฯ กกต. สอบโต๊ะจีน พปชร.ไม่ตรงกับคำร้อง" ระบุว่า ตามที่เลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ระบุว่า จากการตรวจสอบผู้บริจาค ที่มีนิติบุคคล 40 แห่ง และบุคคล 84 คน ไม่พบบุคคลต่างชาติร่วมบริจาคเงิน ถือว่าไม่มีความผิด และไม่เข้าข่ายถูกยุบพรรคนั้น ไม่ทราบว่านำมาจากคำร้องของผู้ใด เพราะสมาคมฯ ไม่เคยร้องว่าเงินที่พรรค พปชร.จัดระดมทุนโต๊ะจีนนั้น มีบุคคลต่างชาติบริจาคหรือไม่ แต่คำร้องให้ กกต.ตรวจสอบ คือ 1) มีข้าราชการและหรือหน่วยงานรัฐร่วมบริจาคทั้งทางตรงหรือทางอ้อม ตามมาตรา 76 แห่ง พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 หรือไม่ อย่างไร 2) เงินที่นิติบุคคลบางแห่งบริจาคนั้น เป็นบริษัทที่มีผลประกอบการขาดทุนมาโดยตลอด แต่ทำไมจึงมีศักยภาพในการบริจาคได้ ซึ่งอาจเข้าข่ายมาตรา 72 และหรือมาตรา 29 แห่ง พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 หรือไม่ 3) มีพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ เช่น กทม. ททท. ฯลฯ มาร่วมซื้อโต๊ะและหรือบริจาคด้วยหรือไม่ ตามที่มีชื่อปรากฏในแผนผังของการจัดโต๊ะจีนดังกล่าว
    "หากพิจารณาไต่สวนแล้วมีข้อมูลอันเชื่อได้ว่ามีเหตุตามคำร้องทั้ง 3 ประเด็นข้างต้น ก็สามารถใช้เป็นเหตุตามมาตรา 72 ประกอบมาตรา 92 (3) ได้ ที่ระบุว่า “ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดํารงตําแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย” ซึ่งนายทะเบียนพรรคการเมืองสามารถเสนอเรื่องให้ กกต.เสนอศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค พปชร.ได้ต่อไป แต่การที่เลขาฯ กกต.มากล่าวอ้างการตรวจสอบเฉพาะมาตรา 74 คือไม่มีผู้บริจาคเป็นบุคคลหรือนิติบุคคลต่างชาติ ก็สรุปเอาง่ายๆ ว่าไม่มีเหตุแห่งการยุบพรรค พปชร. โดยไม่นำมาตรา 72 มาพิจารณาตรวจสอบเลยนั้น ท่านเลขาฯ กกต.ไปกินอะไรมาผิดสำแดงหรือเปล่า เช่นนี้จะเรียกว่าเป็นการใช้อำนาจไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมได้อย่างไร" นายศรีสุวรรณระบุ.