12 มี.ค. 2562 รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)ระบุว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าแผนลงทุนเมกะโปรเจกต์ทางรางของประเทศ ซึ่งเกิดขึ้นและกำลังดำเนินการภายใต้รัฐบาลชุดนี้ เริ่มจากวันที่ 13 มี.ค. กำหนดการลงพื้นที่จ.ขอนแก่นเพื่อติดตามโครงการรถไฟทางคู่เฟส 1 และการพัฒนาพื้นที่รองรับโลจิสติกส์ทางราง วงเงินเกือบ 1 แสนล้านบาท เริ่มจากสายอีสานช่วงจิระ-ขอนแก่น ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะมีการทดลองนั่งรถไฟสายใหม่จำนวน 1 สถานีตั้งแต่สถานีท่าพระ-สถานีขอนแก่น

อย่างไรก็ตามทางคู่สายดังกล่าวนั้นจะเปิดบริการภายในปีนี้จากนั้นวันที่ 18 มี.ค. นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการลงพื้นที่จ.สุราษฏร์ธานี เพื่อติดตามโครงการรถไฟทางคู่ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างมีกำหนดเปิดใช้ภายในปี 2565 ก่อนเดินทางไปเยี่ยมชมแผนพัฒนาลานเทกองสินค้าทางราง(CY) เพื่อสนับสนุนให้เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งของภาคใต้ให้มาสู่ระบบทางราง ควบคู่ไปกับแผนพัฒนารถไฟทางคู่ชุมพร-ระนอง วงเงิน 4.5 หมื่นล้านบาทเพื่อส่งเสริมขีดความสามารถทางการค้าและเศรษฐกิจรองรับเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้(SEC) เชื่อมต่อการขนส่งจากอ่าวไทยทางฝั่งจ.ชุมพร เข้ากับกลุ่มประเทศ BIMSTEC ทางฝั่งทะเลอันดามัน

อย่างไรก็ตามในวันที่ 20 มี.ค. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีกำหนดการตรวจเยี่ยมและติดตามความก้าวหน้างานก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งในอนาคตจะกลายเป็นศูนย์กลางการขนส่งขนาดใหญ่ของประเทศที่มีทั้งรถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ รถไฟชานเมืองและรถไฟความเร็วสูง 

นอกจากนี้รฟท.เตรียมจัดทำรายงานความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงให้นายกรัฐมนตรีรับทราบเริ่มจากโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เฟส 1 ช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา นั้นขณะนี้ได้เปิดประมูลสัญญางานก่อสร้างตอนที่ 3 แล้วราว 2-3 สัญญาอยู่ระหว่างสรุปผลผู้ชนะประมูล ส่วนสัญญาที่เหลือจะเร่งประกวดราคาให้แล้วเสร็จตามเป้าหมายในเดือนก.ค.นี้ 

ทั้งนี้ขณะที่ความคืบหน้าการก่อสร้างตอนที่ 1 ช่วงกลางดง-ปางอโศก ระยะทาง 3.5 กม. ซึ่งคืบหน้าเพียง 45% นั้นขณะนี้ได้ปรับการเบิกจ่ายเงินค่าก่อสร้างจากรายงวดมาเป็นเบิกจ่ายรายเดือนแทน เพื่อแก้ปัญหาเบิกจ่ายล่าช้า คาดว่างานก่อสร้างจะแล้วเสร็จภายในก.ค.นี้ ส่วนด้านโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินอีอีซีซึ่งจะมีการประชุมคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมทุนในการปิดดีลครั้งสุดท้ายกับกลุ่มซีพี ในวันที่ 19 มี.ค.นั้น ต้องดูอีกทีว่าจะสามารถจัดประชุมได้หรือไม่หากนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ภาคใต้ในช่วงเวลาดังกล่าว