"บิ๊กป้อม" ยกคณะลงพื้นที่ "พัทลุง-สตูล" ติดตามเหตุระเบิด ฟันธงฝีมือโจรใต้ไม่เกี่ยวการเมือง เผยคุมตัวผู้ต้องสงสัยสอบแล้ว 1 ราย "เลขาฯ สมช." ระบุ 3 จังหวัดชายแดนใต้โดนคุมเข้ม ต้องขยายออกมาป่วนนอกพื้นที่ "หน่วยข่าว" ย้ำชัดขบวนการบีอาร์เอ็นใช้แนวร่วมในพื้นที่ชี้เป้าบึ้มก่อนหลบหนี
เมื่อวันจันทร์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม กล่าวก่อนเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุระเบิดหลายจุดใน จ.พัทลุงและสตูลว่า จะลงไปดูและติดตามความคืบหน้าในพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งเบื้องต้นได้รับรายงานสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้แล้ว
"ยอมรับเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งสถานการณ์ภาพรวมคิดว่าคงไม่มีอะไร ซึ่งเราป้องกันไว้หมดแล้ว แต่ที่เขาขึ้นมาก่อเหตุที่ จ.พัทลุงและสตูล เพราะเขาไม่สามารถก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ โดยเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง" รองนายกฯ กล่าว
ต่อมาเวลา 13.30 น. พล.อ.ประวิตรพร้อมด้วย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร., พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม.เดินทางถึง อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง ประชุมผู้แทนหน่วยงานความมั่นคง ทหารและตำรวจในพื้นที่ รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์
พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ได้รับรายงานเรื่องการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำ 1 ราย โดยอยู่ระหว่างการทำงานของชุดสืบสวน รวมทั้งทราบตัวกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่ไม่ยืนยันถึงเหตุการณ์ทั้งหมดว่าจะใช่หรือไม่ ขอเวลาให้ตำรวจทำงานก่อน เร็วเกินไปที่จะตอบ
จากนั้น พล.อ.ประวิตรและคณะเดินทางไปศาลากลางจังหวัดสตูล รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ และให้กำลังประชาชนในพื้นที่ ก่อนเดินทางกลับ
มีรายงานว่า กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพได้ว่าคนร้ายกลุ่มนี้มีอย่างน้อย 6 คน อายุประมาณ 18-30 ปี ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะก่อเหตุ โดยกลุ่มคนร้ายสวมหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า ซึ่งเจ้าหน้าที่นำภาพรถจักรยานยนต์ที่กล้องวงจรปิดจับภาพได้ไปเทียบเคียงกับข้อมูลรถหาย พบมีลักษณะคล้ายกับรถที่หายในพื้นที่ อ.ควนเนียง
ด้านนายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า หน่วยข่าวกรองได้แจ้งเตือนเหตุดังกล่าวล่วงหน้า 1-2 วัน โดยเฉพาะวันที่จะมีการจัดคอนเสิร์ตที่พัทลุง ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคงมีความกังวลเนื่องจากมีคนร่วมงานจำนวนมาก เบื้องต้นกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพบุคคลและจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างขยายผล ซึ่ง 1-2 วันนี้จะมีความคืบหน้าจากในพื้นที่
รู้ตัวมือบึ้ม 'สตูล-พัทลุง'
นายปณิธานกล่าวว่า ผู้ที่อยู่ในภาพวงจรปิดทราบแล้วว่าเป็นผู้มีชื่ออยู่ในระบบ แต่ก็ต้องมีการพิสูจน์ทราบและสอบปากคำตามขั้นตอน ซึ่งเข้าใจว่าขณะนี้สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้บ้างแล้ว และต้องรอการสอบปากคำที่อาจขยายผลต่อไปได้
"ในภาพรวมพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ถือว่าการเฝ้าระวังทำได้ดี ทำให้หลายกลุ่มอาจจะต้องเลือกออกไปเคลื่อนไหวนอกพื้นที่ เพราะการพยายามแสดงสัญลักษณ์ในช่วงนี้จะถูกควบคุมไว้ค่อนข้างมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รับการแจ้งเตือนอย่างต่อเนื่องจนถึงช่วงกลางเดือน จะต้องระมัดระวังไม่ให้เหตุร้ายเกิดขึ้น ซึ่งอาจยาวไปถึงวันเลือกตั้ง" ที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตรกล่าว
พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นสืบสวนสอบสวน แต่ที่ประเมินไว้อาจจะเป็นการก่อเหตุของผู้ก่อความไม่สงบจากในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้และขยายพื้นที่ออกมา รวมทั้งอาจเป็นเรื่องของการเมืองและการขัดแย้งทางผลประโยชน์ของกลุ่มอิทธิพลต่างๆ ก็เป็นได้ ซึ่งยังไม่มีข้อสรุป
"ดูจากระเบิดที่ใช้ก่อเหตุแล้วเพื่อให้เกิดความตระหนกและหวาดกลัว เป็นระเบิดเพื่อสร้างสถานการณ์ ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเกิดขึ้น" เลขาฯ สมช.กล่าว
ขณะที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ก็เดินทางลงพื้นที่ จ.พัทลุงและสตูล เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีลอบวางระเบิดหลายจุด โดย พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่วนตัวเชื่อว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง และ กกต.กับตำรวจก็ร่วมกันวางแผนเพื่อดูแลความปลอดภัยของหน่วยเลือกตั้งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่แล้ว
"ในส่วนของตำรวจเองก็มีการออกคำสั่งตั้งจุดตรวจจุดสกัดโดยเฉพาะอาวุธปืน วัตถุระเบิด และอุปกรณ์ประกอบวัตถุระเบิดต่างๆ ตามที่ได้รับมอบหมายจาก กกต." รอง ผบ.ตร.กล่าว
ที่ จ.สตูล พ.ต.อ.พชรพล ณ นคร ผกก.สภ.เมืองสตูล กล่าวถึงความคืบหน้าคดีระเบิดว่า ได้ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในสถานที่เกิดเหตุแล้ว พบมีผู้ต้องสงสัย 1 ราย ขับขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปจอดที่โรงรถของกลางของ สภ.เมืองสตูล หลังจากนั้นจึงเกิดระเบิดขึ้น ส่วนระเบิดที่ร้านโมกเจริญพาณิชย์ ย่านถนนสายยนตรการกำธรสตูล-รัตภูมิ หมู่ที่ 6 ต.คลองขุด อ.เมืองสตูล ก็พบคนร้าย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปจอดหน้าร้านแล้วกลับออกไป จากนั้นมีการระเบิด โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการสืบสวนสอบสวนอย่างใกล้ชิดเพื่อคลี่คลายคดี
มีรายงานว่าลูกระเบิดที่คนร้ายนำมาวางในพื้นที่ สภ.เมืองสตูล เป็นชนิดระเบิดมอเตอร์ไซค์บอมบ์ และระเบิดกล่องเหล็ก ซึ่งคนร้ายนิยมใช้กันในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ส่วนที่ จ.พัทลุง พล.ต.ต.ธรัฐชา ถมปัทม์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง กล่าวถึงคดีระเบิดในพื้นที่ อ.เมืองและ อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง 11 จุดว่า ได้แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุดเพื่อเร่งคลี่คลายคดี โดยมีการเก็บพยานหลักฐานในทุกด้านที่คิดว่าจะเกี่ยวพันกับรูปคดี เบื้องต้นขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลความคืบหน้าเกี่ยวกับการก่อเหตุของกลุ่มคนร้ายมามากพอสมควร แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้
บีอาร์เอ็นขยายพื้นที่ป่วน
"สาเหตุจะมาจากเรื่องอะไรต้องรอให้จับกุมผู้ต้องหาให้ได้ก่อน โดยขณะนี้ได้ส่งระเบิดของกลางไปตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ ที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 จังหวัดยะลา เพื่อดูสารระเบิดและตรวจดูระบบการจุดชนวน เปรียบเทียบกับระเบิดที่คนร้ายใช้ก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าตรงกันหรือไม่ เบื้องต้นจากการเก็บชิ้นส่วนของวัตถุระเบิดพบในพื้นที่ อ.เมืองพัทลุง และ อ.ปากพะยูน มี 2 แบบ โดยแบบที่วางในร้านค้านั้นส่วนใหญ่จะไม่มีชิ้นส่วนของสะเก็ดระเบิด ขณะที่ระเบิดที่วางด้านนอกริมถนนจะพบมีชิ้นส่วนของสะเก็ดระเบิดอยู่ รวมทั้งการวางแต่ละลูกไม่ห่างกันมากนัก ทิ้งระยะเวลาระเบิดเพียงแค่ 20-30 นาทีต่อลูก" ผบก.จว.พัทลุงกล่าว
ด้านนายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า เหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นคงไม่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวจังหวัดพัทลุง เนื่องจากพื้นที่เกิดเหตุไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดแต่อย่างใด แต่เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวที่จะเข้ามา โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จังหวัดจึงได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองร่วมกันวางมาตรการรักษาความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินอย่างจริงจังต่อเนื่อง
"ได้ขอความร่วมมือประชาชนให้จับตาบุคคลต่างถิ่นที่เข้ามาในพื้นที่ จ.พัทลุง หากพบพฤติกรรมต้องสงสัยก็ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ได้รับทราบทันที และหากพบวัตถุต้องสงสัยก็ให้แจ้งโดยด่วนเพื่อป้องกันความปลอดภัย" ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุงกล่าว
หน่วยข่าวความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ระบุว่า ระเบิดที่เกิดขึ้นใน จ.พัทลุงและสตูลนั้น ผู้ที่สั่งการและปฏิบัติการเป็นแนวร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็นจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยประกอบระเบิดในพื้นที่ และมีแนวร่วมในพื้นที่เป็นผู้ชี้เป้าในการวางระเบิดครั้งนี้
หน่วยข่าวความมั่นคงระบุด้วยว่า ก่อนหน้านี้ประมาณ 10 วัน แนวร่วมในพื้นที่ 3 จังหวัด 4 อำเภอ ได้ทำการพ่นสีสเปรย์บนถนน กำแพง สะพาน ป้ายต่างๆ ในพื้นที่ จ.ปัตตานี, ยะลา, นราธิวาส และ อ.เทพา, อ.สะบ้าย้อย ของ จ.สงขลา ข้อความว่า "ปัตตานี 110" ซึ่งหมายถึงสนธิสัญญาแองโกล-สยาม ที่ทำขึ้นกับประเทศอังกฤษเกี่ยวกับดินแดน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งขบวนการแบ่งแยกดินแดนนำเอามาเป็นเงื่อนไข โดยสนธิสัญญาฉบับดังกล่าวครบ 110 ปีเมื่อวันที่ 10 มี.ค.62 ซึ่งตรงกับเหตุการณ์วางระเบิดแสวงเครื่องใน 2 จังหวัด
"สาเหตุของการขยายพื้นที่ก่อเหตุจาก 3 จังหวัดภาคใต้ 4 อำเภอสงขลาไปยังพัทลุงและสตูล เนื่องจากหลังการพบแนวร่วมมีการเคลื่อนไหวพ่นสีเชิงสัญลักษณ์จำนวน 100 กว่าจุด กอ.รมน.ภาค 4 สน.ได้สั่งการให้ป้องกันการก่อเหตุอย่างเข้มงวด ทำให้แนวร่วมถือโอกาสก่อเหตุร้ายด้วยการขยายพื้นที่ไปยังนอกเขต 4 จังหวัดแทน เพราะเจ้าหน้าที่คาดไม่ถึงและไม่มีการป้องกัน" หน่วยข่าวความมั่นคงระบุ
นอกจากนั้น บีอาร์เอ็นต้องการสื่อให้หน่วยงานความมั่นคงเห็นว่าพวกตนมีความสามารถในการก่อเหตุนอกพื้นที่ 4 จังหวัด และต้องการสร้างความสับสนให้เจ้าหน้าที่รัฐ ต้องการให้เห็นถึงความล้มเหลวในการป้องกันเหตุของเจ้าหน้าที่รัฐ และต้องการที่จะต่อรองกับหน่วยงานความมั่นคงในเรื่องของการพูดคุยสันติสุข เพื่อให้เกิดความได้เปรียบในเวทีการพูดคุย
"ข้อมูลด้านการข่าวพบว่า หลังปฏิบัติการแล้วกลุ่มที่ก่อเหตุได้เดินทางออกจากพื้นที่เพื่อป้องกันการติดตามจับกุม" แหล่งข่าวความมั่นคงระบุ
ส่วนที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการอีโอดีซึ่งเป็นชุดลาดตระเวนค้นหาสรรพาวุธและวัตถุระเบิด กองร้อย อส.หาดใหญ่ ได้ออกดูแลความปลอดภัยและตรวจสอบรถที่อยู่ในข่ายต้องสงสัย ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในย่านเศรษฐกิจการค้า ทั้งตลาดพลาซาและย่านการค้าถนนนิพัทธ์อุทิศ 3 ซึ่งการตรวจสอบจะทำอย่างต่อเนื่องเป็นไปตามมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดในช่วงนี้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |