“อภิสิทธิ์” ตั้งโต๊ะแถลงย้ำอีกรอบไม่เอา “ประยุทธ์-ระบอบทักษิณ” แน่ ลั่นพร้อมเป็นฝ่ายค้าน ยันพรรคไม่มีงูเห่า “หญิงหน่อย” สวนหมัดไม่ร่วม ปชป.เช่นกัน ยังข้องใจตัดตอนแค่ “ลุงตู่” แต่เอาพรรคพลังประชารัฐใช่หรือไม่ อนาคตใหม่มองทางเดียวกันแน่จริงต้องไม่เอาทั้งบิ๊กตู่และพรรคสนับสนุน “จตุพร” ชี้เหตุมาร์คเลือกข้างเพราะได้กลิ่นไม่ดี “กำนัน” เดือดทวงบุญคุณใครดันให้นั่งนายกฯ ประกาศไม่เกรงใจเช่นกันหนุน “ประยุทธ์”
เมื่อวันจันทร์ยังคงมีความต่อเนื่องกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้ประกาศจุดยืนว่าจะไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นนายกฯ ต่อ
โดยที่ทำการพรรค ปชป. นายอภิสิทธิ์พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารพรรคได้แถลงจุดยืนอีกครั้งว่า ตามที่ได้ประกาศจุดยืนไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์เพราะการสืบทอดอำนาจนั้น หลายฝ่ายยังตั้งคำถาม ซึ่งก็ขอชี้แจงในประเด็นต่างๆ ประการแรกยืนยันเป็นการพูดในฐานะหัวหน้าพรรคและเป็นไปตามอุดมการณ์ของพรรค ดังนั้นจึงไม่ควรมีคำถามว่าเป็นจุดยืนของพรรคหรือไม่ ซึ่งการออกมาแสดงจุดยืนครั้งนี้ เพราะเราคิดว่าเป็นสิทธิ์ของผู้เลือกตั้งที่จะได้รับทราบจุดยืนของแต่ละพรรคการเมืองให้ชัดเจน ไม่ใช่ให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเลือกบนความเข้าใจแบบหนึ่ง แล้วสุดท้ายพรรคที่เลือกกลับไม่ได้ทำตามที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเข้าใจหรือคิด
“หากสิ่งที่ผมประกาศทำให้เสียคะแนน ผมยินดี เพราะคิดว่ามันคือความเป็นธรรมสำหรับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งซึ่งสำคัญกว่า โดยประชาชนมี 3 ทางเลือก คือ ปชป., พรรคเพื่อไทย และพรรค พปชร. เพราะเรื่องที่สำคัญที่สุดในการเป็นรัฐบาลของ ปชป. ซึ่งขณะนี้เรามุ่งสู่การเป็นแกนนำรัฐบาลไม่ใช่พรรคร่วม จึงต้องจัดตั้งรัฐบาลบนพื้นฐานของอุดมการณ์และนโยบาย และสิ่งที่แสดงจุดยืนออกไป 2 ครั้งชัดเจนว่าเราต้องการจัดตั้งรัฐบาลแบบไม่มีทุจริตและสืบทอดอำนาจ” นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์ยอมรับว่า การประกาศจะมีปฏิกิริยาจากทั้ง 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งกลับไปสู่การสร้างวาทกรรมเดิมๆ คือหากไม่เลือก พล.อ.ประยุทธ์ หมายถึงต้องจับมือกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งต้องขออนุญาตให้ทุกคนย้อนหลังดู เคยพูดแล้วว่าตราบเท่าที่พรรค พท.ไม่สามารถออกมาจากการครอบงำของกลุ่มคนเล็กๆ ที่มีผลประโยชน์กับประเทศ พรรคก็ไม่อาจร่วมงานด้วยได้ ที่สำคัญจนถึงทุกวันนี้ก็ไม่มีสัญญาณการเปลี่ยนแปลงการทำงานทางการเมืองของกลุ่มพรรคการเมืองฝ่ายนี้ และอีกด้านหนึ่งก็ไม่ตกหลุมพรางของเครือข่ายระบอบทักษิณ ที่พยายามบีบเพื่อให้เราไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เขาถามว่าจะร่วมกับ พปชร.หรือไม่ ขอตอบให้ชัดอีกครั้งว่าหาก พปชร.ต้องการสืบทอดอำนาจ ปชป.ไม่ร่วมด้วย
“ผมรู้สึกแปลกใจที่ยังมีกองเชียร์บอกว่าผมตอบไม่ได้ ตอบไม่ชัด ดังนั้นผมขอเปรียบเทียบกับคำตอบของพรรคอนาคตใหม่ที่ขึ้นเวทีดีเบตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และถูกถามว่าจะร่วมกับ พปชร.ได้ไหม พรรคอนาคตใหม่ตอบว่าถ้า พปชร.จะบอกว่าโอเค เราไม่สืบทอดอำนาจ คสช. ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ เรายังร่วมกับ พปชร.ได้เลย ทำไมเวลาผมพูดบอกว่าผมกั๊ก ถ้าเป็นเช่นนั้นผมก็มีอนาคตใหม่เป็นเพื่อน เพราะเป็นคำตอบเดียวกันบนเวทีดีเบต” นายอภิสิทธิ์กล่าว
หัวหน้าพรรค ปชป.ยังกล่าวว่า ความขัดแย้งทางการเมืองในอนาคตที่จะทำให้เกิดมากที่สุด คือ การสืบทอดอำนาจ ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์จึงกลายเป็นศูนย์กลางเงื่อนไขความขัดแย้งที่ง่ายที่สุดหลังการเลือกตั้ง ซึ่งสิ่งที่ต้องบริหารจัดการประเทศต่อไปที่ต้องเอาอยู่ให้ได้คือฝ่ายการเมือง วันนี้น่าเป็นห่วง เพราะเส้นทางการดำรงตำแหน่งนายกฯ ต่อไปของ พล.อ.ประยุทธ์พึ่งพาอยู่กับนักการเมือง เห็นชัดจากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถควบคุมให้อยู่ในเส้นทางที่ตัวเองต้องการได้ ทั้งกรณี ส.ป.ก.ทองคำ, นโยบายข้าว เคยบอกว่าไม่ควรทำ ทำไม่ได้ แต่วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์กลับต้องพึ่งพาสิ่งเหล่านั้น ขัดกับความเชื่อและจุดยืนของท่าน
ลั่นพร้อมเป็นฝ่ายค้าน
เมื่อถามว่าหากพรรค พท.หรือ พปชร.ได้เป็นรัฐบาล ตำแหน่งในรัฐสภาของ ปชป.จะคืออะไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า "ไม่สนับสนุนคนโกงนำประเทศ และไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ซึ่งแน่นอนว่า ปชป.ก็ไม่ร่วม เป็นฝ่ายค้าน ยืนยันว่าพรรค ปชป.เป็นพรรคประชาธิปไตยสุจริต"
และเมื่อถามว่า ปชป.ไม่ร่วมกับทั้งพรรค พท.และ พปชร. จะเป็นแกนนำในการรวบรวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างไร นายอภิสิทธิ์แจงว่า "ขอให้ฟังให้ดี ประกาศเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลโดยจะเลือกพรรคที่ไม่ทุจริตและไม่สืบทอดอำนาจเช่น พปชร. ถ้า ปชป.เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลไม่มี พล.อ.ประยุทธ์แน่นอน เพราะไม่ได้เป็นทั้งสมาชิกพรรคและเป็น ส.ส. เป็นเพียงผู้ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ ซึ่งเท่ากับว่าถ้า ปชป.เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลนายกฯ ไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งก็ต้องพิจารณาว่า พปชร.มีอะไรที่สืบทอดอำนาจหรือไม่ หรือขัดกับอุดมการณ์กับเราหรือไม่ ถ้ายังสืบทอดอำนาจก็ไม่ให้มาร่วม โดยนิยามของการสืบทอดอำนาจคือตัวบุคคลและมรดกที่ขัดกับประชาธิปไตย ซึ่ง ปชป.ต้องเข้าไปจัดการอยู่แล้ว เช่น ประกาศ คสช., คำสั่ง คสช. เป็นต้น"
ถามถึงวิธีการบริหารจัดการกับ ส.ส.ของพรรคหากไม่ปฏิบัติตามมติหรืออุดมการณ์ของพรรค นายอภิสิทธิ์กล่าวอย่างมั่นใจว่า พวกเขาจะรักษาจุดยืนของพรรคและสนับสนุนสิ่งที่ประกาศไว้กับประชาชน และถึงแม้ไม่ได้อยู่ในฐานะหัวหน้าพรรค พรรคก็ควรต้องยังทำแบบนั้น เพราะเป็นเรื่องอุดมการณ์ของพรรค ใครที่ไม่รักษาอุดมการณ์ของพรรคถือว่าขัดข้อบังคับของพรรค ซึ่งก็ต้องดำเนินการ
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามกรณีนายอภิสิทธิ์ประกาศไม่สนับสนุน โดยได้โบกมือและมีสีหน้ายิ้มแย้มกับสื่อ และเมื่อถามถึงกรณีเผยแพร่ภาพ พล.อ.ประยุทธ์ในหลายอิริยาบถที่แสดงความเป็นกันเองนั้นต้องการสื่อสารอะไร พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า "ต้องการแสดงถึงตัวตนของฉันจริงๆ" และเมื่อถามย้ำว่า คิดว่าภาพที่ออกมาใช่ตัวตนของตัวเองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ยกนิ้วทำท่าสัญลักษณ์เก๊กหล่อ พร้อมกล่าวทันทีว่า "ใช่สิ ฉันทะเลาะกับเธอเท่านั้นแหละ ไม่ทะเลาะกับคนอื่น"
ต่อมาในช่วงเย็น พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังเดินทางมารับฟังการบรรยายของผู้แทนพิเศษระหว่างประเทศ เรื่องการเปลี่ยนแปลงโลก บรรยายโดย Mr.Salim Ismail ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า สัญญาว่าจากนี้ต่อไปไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่คิดว่าต้องมีคนที่ต้องนำพาประเทศชาติไปตรงโน้น ไปด้วยความรับผิดชอบ ด้วยจิตสำนึก ด้วยเป็นหน้าที่ ไม่ใช่เข้ามาทำอะไรต่างๆ สักอย่างด้วยวัตถุประสงค์อื่น
เมื่อถามว่าคำสัญญาของนายกฯ หมายความว่า ถ้าวันข้างหน้าได้กลับมาเป็นนายกฯ แสดงว่าจะมีทีมรัฐมนตรีที่คัดสรรมาอย่างดี พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า พยายามบอกว่าถ้าอยากทำต้องทำให้สำเร็จ ทีมที่จะมาทำงานก็ต้องคัดสรรหา ไม่ใช่เอาทีมเดิมทั้งหมดได้ที่ไหน ต้องคัดสรรมาใหม่ ต้องมาจากการเมือง ก็ต้องว่ากันมา อาจต้องมองเก่าผสมใหม่บ้าง เพราะต้องการให้คนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ไปด้วยกัน
ถามว่านายกฯ พูดว่าในสนามรบต้องชนะเท่านั้น แพ้ไม่ได้ในเวทีหมายถึงอะไร นายกฯ กล่าวว่า ต้องทำให้สำเร็จ ต้องขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาจะสั่งให้กลับหรือไม่ ถ้าผู้บังคับบัญชาดูแล้วไม่คุ้มค่า แต่ถ้าอยู่แนวรบข้างหน้า ภารกิจแรกถ้าไม่สำเร็จก็ต้องทำให้สำเร็จ แต่ถ้าเขาเสี่ยงแล้ว ผู้บังคับบัญชาข้างหลังพิจารณาแล้วว่าเป็นการเสี่ยงที่ไม่คุ้มค่า เขาอาจสั่งถอนก็ได้ ตนเองก็ต้องถอน เชื่อมั่นในตรงนี้ในสายบังคับบัญชาที่ชัดเจน ลูกน้องต้องปลอดภัยให้มากที่สุด
เมื่อถามว่า นายกฯ คิดอย่างไรที่ตอนนี้นักการเมืองให้เลือกจุดยืนระหว่างฝั่งเผด็จการกับประชาธิปไตย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าธรรมดาๆ ปล่อยเขาเถอะ และเมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรที่นักการเมืองใช้ยุทธศาสตร์หาเสียงไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ กล่าวว่า "ผมไม่สนใจ"
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวเรื่องนี้สั้นๆ ว่า "ไม่เป็นไรก็ว่าไป"
ขณะที่นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้า พปชร.มองว่า เป็นเพียงวาทกรรมทางการเมืองในช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้งเพื่อหวังคะแนนจากประชาชน และเป็นคำพูดที่ใจแคบ เพราะหากต้องการสืบทอดอำนาจก็ไม่จำเป็นจะต้องให้มีการเลือกตั้งหรือเข้าสู่กระบวนการประชาธิปไตยอย่างวันนี้
นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษก พปชร.กล่าวว่า ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนหลายสำนักสะท้อนว่าความนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์เหนือกว่าผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ ของพรรคอื่นๆ โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ และที่สำคัญผู้ที่จะตัดสินว่าจะให้ใครเป็นนายกฯ คือเสียงของประชาชนในการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.นี้ ดังนั้นนายอภิสิทธิ์ไม่ควรไปคิดแทนประชาชน
'ตระกูลเพื่อ-อนค.' ยังข้องใจ
ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรค พท.ระบุว่า ต้องถามนายอภิสิทธิ์ว่าที่ไม่เอาพรรค พท.เด็ดขาด หมายความว่าจะเอาพรรค พปชร.ใช่หรือไม่ ซึ่งนายอภิสิทธิ์และพรรค ปชป.ต้องเลือกเพราะมันไม่มีฝ่ายเป็นกลางในสภา
“คุณอภิสิทธิ์ต้องตอบให้ชัดถ้าพลังประชารัฐชนะจัดตั้งรัฐบาลได้ คุณอภิสิทธิ์จะร่วมกับพลังประชารัฐใช่หรือไม่ เพราะคุณอภิสิทธิ์บอกว่าไม่ร่วมกับเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ต้องตอบให้ชัดอย่ากั๊ก เพราะมันเสียโอกาสประชาชน พอไม่ชัดเจนประชาชนไม่เข้าใจ คิดว่าคุณไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ แต่เอาพลังประชารัฐร่วมกับพลังประชารัฐได้ใช่หรือไม่ จึงขอให้ประชาธิปัตย์ตอบให้ชัดอย่าหวังเพียงแค่คะแนนก่อนเลือกตั้ง บอกว่าไม่ร่วมกับเพื่อไทยเราขอบคุณ เพราะเราก็ไม่ร่วมกับคุณ" คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกฯ พท.กล่าวทำนองเดียวกันว่า หัวใจไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ควรมีจุดยืนว่าจะร่วมกับ พปชร.หรือไม่ ไม่ใช่อยู่ที่ตัวบุคคล ควรเน้นที่ตัวพรรคมีอุดมการณ์ว่าเป็นอย่างไร แต่ก็เป็นสิทธิ์ของนายอภิสิทธิ์ที่จะไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ แต่จะสนับสนุน พปชร.หรือไม่เป็นสิ่งที่ประชาชนจะตั้งคำถาม
น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวว่าได้ฟังการแถลงข่าวของ ปชป.แล้วยังมีคำถามที่น่าสนใจว่า 1.พรรค ปชป.จะจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับ พปชร.เท่านั้นใช่หรือไม่ และ 2.ในการจับมือกับพรรค พปชร.ก็เพื่อที่จะให้ พปชร.สนับสนุนเป็นนายกฯ โดยอาศัยกระแสการต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์ใช่หรือไม่ จึงพยายามตัดตอนเรื่องสืบทอดอำนาจ คสช.เท่ากับ พล.อ.ประยุทธ์คนเดียวเท่านั้น โดยไม่พูดถึง พปชร. ซึ่งสำหรับ อนค.เราย้ำชัดเจนว่าการปฏิเสธการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร ไม่ใช่เพียงปฏิเสธ พล.อ.ประยุทธ์ แต่หมายถึงปฏิเสธพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง ระบบการเมืองและกลไกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญ 2560 ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี หรือแม้แต่ ส.ว. 250 คนด้วย
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ (พ.ช.) กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์เป็นนักการเมืองมานาน เขาย่อมได้กลิ่นอายว่าประชาชนขณะนี้คิดอย่างไรต่อ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะฉะนั้นเขาคงชั่งน้ำหนักแล้ว แต่ว่าพรรค พ.ช.อยู่ในซีกฝ่ายประชาธิปไตย ได้ตัดสินใจมาตั้งแต่ต้นและก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยคือว่าไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์
นายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคการเมืองอื่นที่จะแสดงความคิดเห็น แต่จุดยืนของพรรคยืนยันว่าสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ต่อไป
'กำนัน' ไม่เกรงใจเช่นกัน
ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) โพสต์เฟซบุ๊กตอนหนึ่งว่า "หมดเวลาเกรงใจกันแล้ว ก็เป็นที่ชัดเจนกันซะทีหลังได้เห็นคลิปและจดหมายของหัวหน้าพรรค ปชป. ที่ประกาศออกมาแบบไม่แทงกั๊กแล้ว ว่าจะไม่ขอสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อแน่นอน ซึ่งเคารพในการตัดสินใจครั้งนี้ แต่ก็เสียดายในฐานะคนคุ้นเคยที่เคยร่วมในอุดมการณ์เดียวกันมาอย่างยาวนาน
เมื่อพรรค ปชป.เลือกข้างแล้ว ผมก็เห็นข้อดี คือจะทำให้พี่น้องมวลมหาประชาชนที่เคยออกมาชุมนุมที่เคยเสียสละ เสียเลือด เสียเนื้อ บาดเจ็บล้มตาย เพราะมีอุดมการณ์ร่วมกัน คนที่เคยเลือกประชาธิปัตย์มาตลอดชีวิตเหมือนผม ตัดสินใจชัดเจน ประกาศหนุน พล.อ.ประยุทธ์แบบไม่ต้องเกรงใจด้วยเช่นกัน”
ก่อนหน้านี้ในช่วงค่ำวันที่ 10 มี.ค. นายสุเทพได้ปราศรัยที่สวนพระนารายณ์ อ.ตะกั่วป่า จ.พังงาถึงกรณีนี้ว่า นายทักษิณประกาศว่าฝ่ายประชาธิปไตยต้องมารวมพลังกันต่อสู้เผด็จการทหาร นี่คือวาทกรรมทางการเมือง มันไม่ใช่ นี่คือการต่อสู่ระหว่างพวกเอาทักษิณกับไม่เอาทักษิณ ตนเองอยู่ในพรรค ปชป. 37 ปี เป็นเลขาธิการพรรค เป็นผู้บริหารพรรคคนสำคัญคนหนึ่ง และบอกกับพี่น้องตรงว่าเป็นคนทำให้นายอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกฯ ถ้าไม่ใช่ตนเองไม่รู้ว่าชาติหน้าจะได้เป็นนายกฯ หรือไม่
“วันนี้อภิสิทธิ์มาประกาศแล้วเขาไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ผมก็ข้องใจ อยากจะถามอภิสิทธิ์ว่า ตกลงยืนข้างเดียวกับทักษิณเต็มตัวแล้วใช่มั้ย นี่แสดงว่าถ้าฝ่ายทักษิณเทคะแนนให้อภิสิทธิ์เป็นนายกฯ เอาทันทีใช่มั้ย นี่แสดงว่าอาจอยากจะเป็นนายกฯ มึงลืมพวกกูที่ถูกฆ่าไปแล้วใช่มั้ย” นายสุเทพปราศรัย
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค ปชป.ยอมรับว่า เป็นความสำเร็จของนายสุเทพในการผลักดันนายอภิสิทธิ์จริง แต่เมื่อสถานการณ์เดินมาขนาดนี้สิ่งที่หัวหน้าพรรค ปชป.ทำก็เป็นหลักและอุดมการณ์ของพรรค ซึ่งถ้านายสุเทพยังอยู่ในพรรคก็คงพูดเหมือนหัวหน้าพรรค ดังนั้นเราไม่ขอตอบโต้
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ตั้งข้อสังเกตว่า คำพูดของนายอภิสิทธิ์เป็นความเห็นของคนทั้งพรรคและเป็นมติหรือไม่ เพราะหากถึงเวลาต้องร่วมรัฐบาลจริงๆ หากพรรคมีมติไม่ตรงกับนายอภิสิทธิ์ก็ต้องออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคก็ได้ ทำให้คำพูดนายอภิสิทธิ์ขาดความน่าเชื่อถือไปมาก
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรค ทษช.กล่าวเช่นกันว่า ปชป.ต้องการปลุกกระแสพรรคช่วงโค้งสุดท้าย จึงประกาศไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ แต่การที่รับว่าพร้อมร่วมมือกับพรรค พปชร.เป็นเรื่องย้อนแย้ง เพราะพรรคนี้เป็นของ พล.อ.ประยุทธ์ตั้งขึ้นมาเพื่อสืบทอดอำนาจ จึงไม่รู้แปลว่าอะไร ถ้าจะให้ตีความง่ายๆ คือไม่ยอมให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ แต่อยากให้อำนาจเผด็จการอุ้มตัวเองเป็นนายกฯ ใช่หรือไม่ การเดินแต้มนี้ถือว่าไม่ธรรมดา กะว่าจะได้ทุกมุม ไม่เห็นแก่เสียเลย เห็นแก่ได้อย่างเดียว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |