ชี้ทำลายดงตาลชั้นดีผืนใหญ่พืชประจำเมือง “คนเพชร” ค้านถนนมอเตอร์เวย์นครปฐม-ชะอำ เตรียมเข้ากรุงยื่นหนังสือถึงนายก-รมว.คมนาคม "อดีตส.ว." แนะกรมทางหลวงพิจารณาอีไอเอให้รอบคอบ

11 มี.ค.62 - ที่บริเวณแขวงการทางหลวงเพชรบุรี อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี ชาวบ้านจากหลายตำบลในอำเภอบ้านลาดและอำเภอเมือง รวมทั้งกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพชรบุรี ประมาณ 50 คน ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมทางหลวง เพื่อคัดค้านในโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายนครปฐม-ชะอำ (M8) ระยะทาง 119 กิโลเมตร มูลค่าลงทุน 79,006 ล้านบาท ภายหลังจากในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง ให้สัมภาษณ์ว่าจะเร่งนำโครงการนี้เสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) ภายในรัฐบาลชุดนี้เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการประมูล โดยมีผู้อำนวยการแขวงทางหลวงเพชรบุรีมารับหนังสือ

ทั้งนี้ ในหนังสือคัดค้านระบุว่า ด้วยประชาชนเจ้าของที่ดินได้รับความเดือดร้อนจากการเวนคืนที่ดินเพื่อก่อสร้างมอเตอร์เวย์นครปฐม-ชะอำ และทำให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและผลกระทบต่อชุมชน เช่น สูญเสียพื้นที่ในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของคนในพื้นที่และยังทำให้เกิดปัญหามลพิษทางอากาศ นอกจากนี้ยังเปลี่ยนแปลงเส้นทางน้ำซึ่งจะทำให้เกิดน้ำท่วม-น้ำแล้งจึงอยากให้กรมทางหลวงพิจารณาทางเลือกอื่นที่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบกับชุมชนและสิ่งแวดล้อม

นางลัดดา พวงแตง อายุ 57 ปีชาวบ้านตำบลไร่สะท้อน อำเภอบ้านลาด กล่าวว่าชาวบ้านทั้งหมดไม่มีใครเห็นด้วยกับโครงการนี้เพราะเป็นการทำลายพื้นที่เกษตรจำนวนมากโดยเฉพาะผืนนาและดงตาลซึ่งเป็นพืชประจำเมืองเพชร โดยก่อนหน้านี้เมื่อครั้งที่เคยมีการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นนั้น ชาวบ้านต่างไปแสดงความเห็นคัดค้านมาแล้ว แต่ไม่คิดว่าโครงการนี้จะกลับมาอีกและรีบนำเข้า ครม.

“เราอยากให้เปลี่ยนแปลงเส้นทาง เพราะไม่เช่นนั้นพังหมดทั้งดงตาลและนา ชาวบ้านทำตาลมีรายได้พออยู่พอกิน แล้วจะไปทำลายทำไม เราเคยยื่นหนังสือคัดค้านไปหลายที่ก็คิดว่าไม่น่าจะเดินหน้าโครงการต่อ พวกเรายืนยันกันมาตลอดว่าไม่เอาถนนเส้นนี้ ”นางลัดดา กล่าว

ทั้งนี้ ชาวบ้านยังได้หารือกันเพื่อรวมตัวกันเดินทางไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในเร็วๆนี้

นายจำลอง วิลัยเลิศ ผู้ประสานงานกลุ่มรักษ์ธรรมชาติเพชรบุรี กล่าวว่า พื้นที่แนวถนนโครงการมอเตอร์เวย์เส้นนี้เป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของคนเมืองเพชรที่ควรเก็บรักษาไว้ และไม่ควรถูกเบียดบังเอาไปสร้างถนนเพราะเส้นทางคมนาคมที่ผ่านจังหวัดเพชรบุรีมีมากมายอยู่แล้ว การที่จะสร้างถนนมอเตอร์เวย์เส้นนี้ซึ่งผ่ากลางพื้นที่เกษตรกรรมและขวางกั้นเส้นทางไหลของน้ำจากเทือกเขาสู่ทะเล ยิ่งจะส่งผลต่อภาวะน้ำท่วมและน้ำแล้งของจังหวัดเพชรบุรีมากขึ้น โดยชาวบ้านได้ตั้งคำถามว่าทำไมไม่ทำถนนคล่อมเส้นทางเดิมหรือพัฒนาถนนที่มีอยู่ให้เต็มศักยภาพ

"บริเวณนี้เป็นดงตาลหรือดงโตนดใหญ่ โดยเฉพาะที่ตำบลไร่สะท้อนถือว่าเป็นโตนดชั้นดี เพราะเป็นต้นตาลนาดอนให้รสชาติดีกว่าตาลนาลุ่ม ซึ่งถนนนี้ผ่ากลางดงตาลชั้นดีของเมืองเพชร ถือว่าเป็นการทำลายวิถีดั้งเดิมและสัญลักษณ์ที่สำคัญประจำจังหวัด ดังนั้นถ้าเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง”นายจำลอง กล่าว

นายจำลอง กล่าวว่า การที่อธิบดีกรมทางหลวงระบุว่า จะรีบนำโครงการนี้เสนอครม.เพื่อสู่ขั้นตอนการประมูลนั้น ถือว่าเป็นการดำเนินการที่ที่ร้อนรนเกินไป เพราะโครงการนี้เป็นโครงการใหญ่ที่ควรศึกษาผลกระทบให้รอบด้าน โดยเฉพาะเรื่องปริมาณน้ำที่ไหลผ่าน เพราะหากลงมือทำไปแล้วจะแก้ไขลำบาก

ด้านนายสุรจิต ชิรเวทย์ อดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดสมุทรสงคราม การผลักดันโครงการนี้ของกรมทางหลวงได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2551 แต่ถูกคัดค้านอยากหนักจากชาวบ้านเพราะเป็นการทำลายพื้นที่เกษตรกรรมจำนวนมหาศาล ทำให้เรื่องเงียบหายไป อย่างไรก็ตามหากกรมทางหลวงต้องการดำเนินต่อก็ต้องทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ)ให้รอบคอบ และไม่ควรเอาอีไอเอเก่ามาแอบอ้างเพราะมีข้อมูลหลายด้านที่เปลี่ยนไป

“ผมคิดว่าถนนมอเตอร์เวย์เส้นนี้ไม่จำเป็น เพราะเส้นทางปัจจุบันก็ยังพัฒนาได้ไม่เต็มศักยภาพ เช่น ถนนพระราม 2 ไปถึงแยกวังมะนาว มี 4 ช่องทาง แต่จากวังมะนาวลงไปใต้กลับมี 8 ช่องทาง แสดงว่าถนนเส้นที่ตัดลงใต้นี้ยังพัฒนาได้อีก นอกจากนี้เราเคยเสนอเป็นทางเลือกไว้ว่าทำไมถึงไม่ไปตัดถนนเส้นเดิมที่เลียบเทือกเขาตะนาวศรี ซึ่งจะผ่าชุมชนและพื้นที่เกษตรกรรมน้อยกว่า”นายสุรจิต กล่าว

อนึ่ง เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง ให้สัมภาษณ์ว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายนครปฐม – ชะอำ (M8)  ระยะทาง 119 กม.  มูลค่าลงทุน 79,006 ล้านบาท อยู่ระหว่างการเสนอขอความเห็บชอบจากคณะรัฐมนตรี โดยตั้งเป้าจะเสนอขอรับการอนุมัติให้ได้ภายในรัฐบาลชุดนี้เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการประมูล