11มี.ค.62-ที่โรงแรมปริ๊นพาเลซ มหานาค - สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการ โดยมีนพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานเปิดงานพร้อมทั้งกล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า ตนขอฝากสกสค.ให้ช่วยดูแลเรื่องความทุกข์ของครูว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งตนมองว่าเรื่องสวัสดิการต่างๆ สกสค.ทำได้ดีอยู่แล้วทั้งการลดภาระหนี้ครู การบรรลุข้อตกลงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูในโครงการสวัสดิการเงินกู้สมาชิกการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ตั้งแต่โครงการ 2-7 กับธนาคารออมสิน โดย สกสค.จะไม่รับเงินค่าบริหารจัดการที่ธนาคารออมสินส่งคืนให้โครงการที่ 2-7 จำนวนร้อยละ 0.5-1 เพื่อให้ธนาคารนำไปลดดอกเบี้ยให้แก่ครูที่มีวินัยการชำระหนี้ที่ดี รวมถึงการดูแลสวัสดิการเรื่องสุขภาพครูเพราะขณะนี้ตนเห็นว่าสุขภาพจิตของผู้สูงอายุมีปัญหามาก เนื่องจากพบสถิติมีผู้สูงอายุฆ่าตัวตายจำนวนมาก หรือจะเป็นเรื่องการรักษาต้อกระจกที่หากไปรักษาที่โรงพยาบาลต้องใช้เวลานาน ตนก็เห็นว่า สกสค.หลายจังหวัดมีการดูแลในเรื่องนี้ ดังนั้นอยากให้ สกสค.ได้มีการจัดกิจกรรมที่เหมาะสมให้แก่กลุ่มผู้สูงอายุด้วย
นพ.ธีระเกียรติ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ สกสค.จะต้องมีการจัดสวัสดิการเรื่องที่ปรึกษาทางกฎหมายให้แก่ครูจังหวัดละ 1 คน เพื่อให้คำแนะนำครูในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย เพราะครูบางส่วนต้องมีเรื่องเข้าไปเกี่ยวข้องกับข้อกฎหมายจำนวนมากและอาจยังขาดความรู้ในเรื่องนี้ เนื่องจากเป็นเรื่องเฉพาะทาง ดังนั้นเราจะต้องดูแลครูให้ได้รับสิทธิดูแลทางกฎหมายอย่างเต็มที่ ดังนั้นจึงอยากให้ สกสค.ช่วยดูแลในส่วนนี้ด้วย ขณะเดียวกันให้สกสค.จัดอบรมอาชีพออนไลน์ให้แก่ครู หรือการทำโครงการ Startup ให้ครูได้เรียนรู้การทำธุรกิจของตัวเองโดยใช้เวลานอกราชการ เพราะปัจจุบันอาชีพการค้าขายออนไลน์มีความสะดวกสบายมากขึ้น และจะเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ครูอีกทางหนึ่ง ส่วนความคืบหน้าการคืนเงินที่ธนาคารออมสินที่หักไปกว่า 10,000 ล้านบาท ในกรณีที่ครูไม่ชำระหนี้ติดกันเป็นเวลา 3 เดือนนั้นก็ได้เคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว โดยธนาคารออมสินได้ทยอยคืนเงินส่วนที่หักไปประมาณ 100 ล้านบาทแล้ว อีกทั้งขณะนี้ สกสค.และธนาคารออมสิน กำลังร่วมกันจัดทำฐานข้อมูลผู้กู้ที่ไม่ขำระหนี้ติดกันเป็นเวลา 3 เดือน ที่ได้รับชำระหนี้แทนไปแล้วว่ามีใครจ่ายหนี้ไปแล้วบ้าง คาดว่าภายใน 2 เดือนจะดำเนินการเสร็จสิ้น
“อย่างไรก็ตาม ภายในร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ....ฉบับใหม่ จะมีการระบุถึงเรื่องการปรับโครงสร้าง ศธ. โดยเฉพาะองค์การค้าของ สกสค.ว่าจะอยู่ในสังกัดหน่วยงานไหนระหว่างคุรุสภาหรือ สกสค. เพราะทุกวันนี้สังคมก็ยังสับสนคิดว่าองค์การค้าของ สกสค. อยู่กับคุรุสภา แต่ในส่วนตัวผมเห็นว่าหากองค์การค้าของ สกสค.มีอิสระและเป็นนิติบุคคลได้ก็จะทำการค้าได้มากขึ้น ซึ่งไม่ควรมาอยู่ภายใต้สังกัดใคร แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับโครงการสร้างศธ.ใหม่ที่จะต้องปรับตามพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ...ว่าจะออกมาในรูปแบบไหน”รมว.ศธ.กล่าว