ภารกิจของผู้ใฝ่ความถูกต้อง-เป็นธรรม


เพิ่มเพื่อน    

ถ้าว่ากันโดยบรรยากาศรวมๆ...ทุกสิ่งทุกอย่างก็น่าจะเป็นไปได้ด้วยดี แม้เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย ที่ต่างฝ่ายต่างหนีไม่พ้นต้องไล่เบียด ไล่บี้ พร้อมจะกระแทกกระทั้น เพื่อพาตัวเองเข้าสู่ เส้นชัย ให้จงได้ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นต้องลงมือ ลงตีน ต้องไล่ยิง ล่าฆ่า เหมือนกับเลือกตั้งยุคก่อนๆ อย่างมาก...ก็แค่สาด สากกะเบือบิน ใส่กันและกันไปตามเรื่อง ตามราว...

-------------------------------------------------

แม้ถึงขั้นพรรคการเมืองบางพรรค...มีอันต้อง ยุบพรรค ไปก่อนกำหนดการ แต่โดยปฏิกิริยาท่าทีตอบสนอง ก็ยังไม่ไปไกลถึงขั้นคิดล้มโต๊ะ ล้มกระดาน ยังพร้อมจะอยู่ภายใน กรอบ ว่ากันไปตามวิถีทางการเมือง วิถีทางรัฐสภา ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาของบรรดานักการเมืองทั้งหลาย ที่ยังไงๆ...คงต้องสอดส่ายสายตาหาพื้นที่ให้ยืน หาเวทีให้เล่น แม้จะถูก ใบแดง ออกไปนอกสนามแล้วก็ตาม แต่แค่ขออนุญาตยืนเชียร์ใครต่อใครอยู่ขอบๆ สนาม ก็ต้องถือเป็นเรื่อง ขอกันกินยังมากกว่านี้ ด้วยเหตุนี้ก็อย่าถึงกับต้องไปหวาดระแวง จงเกลียด จงชัง อะไรกันมากมาย...

------------------------------------------------------

อย่างที่คุณพี่ อ๋อย-จาตุรนต์ เขาว่าเอาไว้นั่นแหละว่า...การโอนคะแนนเสียง คะแนนนิยม ของพรรคหนึ่งไปให้กับพรรคหนึ่ง มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และการที่เขาจะแสดงออกถึงความชอบ ความชัง พรรคหนึ่ง พรรคใด ชอบประชาธิปไตย รังเกียจเผด็จการ ก็คงต้องถือเป็น สิทธิส่วนตัว ที่ต้องปล่อยให้ว่ากันไปตามเรื่อง ตามราว ขอเพียงแต่ให้ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใน กรอบ ภายใต้วิถีทางรัฐสภา...ก็น่าจะพอแล้ว ส่วนความรัก ความเกลียด ความชอบ ความชัง อันเป็นไปตามการ ปรุงแต่ง หรือตาม รสนิยม ของใครก็ของมันนั้น คงต้องปล่อยให้มันเป็นไปตาม ธรรมชาติ อย่าถึงกับต้องไปกด ไปบีบ ไปล้อมกรอบ ตีกรอบ อะไรมากมายนัก...

-------------------------------------------------------

คือไอ้ ความเป็นประชาธิปไตย มันคงต้องเป็นไปในรูปนี้นั่นแหละทั่น...เป็นเรื่องของ รสนิยม เรื่องของ อารมณ์-ความรู้สึก ซะเป็นหลักใหญ่ เป็น สิทธิ ที่จะรักใคร-เกลียดใคร ตราบใดที่ฝ่ายหนึ่ง-ฝ่ายใด ยังไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายเกิดความรัก-ความเกลียด ไปตามที่ตัวเองปรารถนาและต้องการ ด้วย ความยินยอมพร้อมใจ ก็หนีไม่พ้นต้องยอมรับอารมณ์-ความรู้สึกนั้นๆ กันไปตามสภาพ แม้ว่าบางครั้ง บางครา ใครต่อใครเขาเกิดความรู้สึกว่า ขี้ นั้นดีกว่า ข้าว ก็คงต้องปล่อยให้เขารับประทาน ขี้ ไปพลางๆ หรืออาจต้องฝืนอก ฝืนใจ ยอมเอา ขี้มาผสมข้าว แล้วตักรับประทานกันชนิดหน้าตาเฉย ด้วยเหตุเพราะ ประชาชนเป็นเช่นไร...นักการเมืองก็คงต้องเป็นเช่นนั้น นั่นแล...

-----------------------------------------------------

ดังนั้น...ถ้าหากพวกเด็กๆ ระดับ 6 ล้าน 7 ล้าน เขาจะ เกรียน ของเขาไปซะทั้งหมด พร้อมที่จะ อนาคตหมด โดยไม่คิดจะสนใจอนาคตประเทศไทย อนาคตชาติบ้านเมืองของตัวเอง ก็คงต้องถือเป็นเรื่องของผู้หลัก-ผู้ใหญ่อีก 40-50 ล้านคน จะต้องหันมาทบทวนตัวเอง ว่าเหตุใดถึงไม่สามารถสร้าง ความยินยอมพร้อมใจ ให้กับพวกเด็กๆ ได้อย่างเต็มเม็ด เต็มสูบ หรือถ้าหากพวกชาวบ้าน ชาวช่อง ในแถบภาคเหนือ ภาคอีสาน เขายังรักที่จะ รู้เขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก อย่างมิคิดผันแปรไปเป็นอื่น บรรดาผู้ที่ รู้เท่าทัน ทั้งหลาย ก็คงต้องหาทาง รู้ ให้มาก และให้ ลึก กว่าเท่าที่เคยเป็นมา เผลอๆ...อาจต้องหันไป พลิกประวัติศาสตร์ สำรวจ ตรวจสอบ ไปถึงประวัติความเป็นมาของบ้านเมืองย้อนหลังนับเป็นศตวรรษๆ เอาเลยก็ไม่แน่...

--------------------------------------------------------

ด้วยเหตุนี้...ไม่ว่าผลการเลือกตั้งที่กำลังจะปรากฏให้เห็นในอีกไม่กี่สิบวันข้างหน้า มันจะออกมาในแนวไหน อย่างไร ก็ต้องถือเป็นความปกติธรรมดาของ “ความเป็นประชาธิปไตย” อันเป็นไปตาม “เงื่อนไข-เหตุปัจจัย” หรือตาม “ข้อเท็จจริง” เท่าที่มีอยู่และเป็นอยู่ในสังคมนั้นๆ นั่นเอง ถ้าหากบรรดา “ปวงชน” ผู้ใฝ่หาความถูกต้อง เป็นธรรม ยังคงเป็น “ประชาชนส่วนใหญ่” ก็ต้องถือว่าโชคดี...ไป แต่ถ้าหากปวงชนโดยส่วนใหญ่ ยังดัน “เห็นกงจักรเป็นดอกบัว” อย่างมิยอมเปลี่ยนแปลง ก็อาจต้องเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า กันอยู่มั่ง แต่คงไม่ถึงกับหนักหนา สาหัส มากมายซักเท่าไหร่ ถ้าทุกสิ่งทุกอย่างยังเป็นไปตาม วิถีทางรัฐสภา ไม่ถึงกับแฉลบออกข้าง ไปสู่วิถีทางอื่นๆ หรือระบอบ อื่นๆ ที่ไม่ใช่ ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข...

---------------------------------------------------------

แต่โดยสรุปรวมๆ แล้ว...ยังไงๆ ก็น่าจะดีกว่าช่วงระยะ ทศวรรษแห่งความมืดมน ประมาณห้าเท่า หรือสิบเท่า เป็นอย่างน้อย ไม่ถึงกับต้องเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า ระดับต้องออกไปนอนกลิ้ง นอนหงาย กันกลางถนน เป็นเดือนๆปีๆ อย่างเท่าที่เคยเป็นมา และไม่น่าถึงขั้นต้องเลือดตก ยางออก ต้องวิ่งหลบระเบิด หลบกระสุน จากบรรดา กองกำลังไม่ทราบฝ่าย ด้วยเหตุนี้...การย้อนกลับไปสู่ ความเป็นประชาธิปไตย ทุกวันนี้ น่าจะถือเป็นการ ยกระดับ หรือการ ก้าวพ้น บางสิ่ง บางอย่าง ที่น่าเกลียด น่าทุเรศ หรือที่ไม่พึงปรารถนา ไปพอสมควรแล้ว เหลืออยู่แต่...จะช่วยกันประคับประคองความเป็นประชาธิปไตยที่ว่าให้นำไปสู่ ความยินยอมพร้อมใจ ในทางที่ดี ที่ถูก ที่ต้อง ให้ยิ่งๆ ขึ้นไปได้อย่างไร อันนี้นี่แหละ...ที่ถือเป็นภารกิจของบรรดาผู้ใฝ่หาความถูกต้อง เป็นธรรมทั้งหลาย ที่จะต้องลงเรี่ยว ลงแรงกันต่อไป ไม่ว่าก่อนการเลือกตั้ง ระหว่างการเลือกตั้ง หรือแม้แต่การเลือกตั้งจะผ่านพ้นไปแล้วก็ตาม...

-------------------------------------------------------

ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Shakespeare’s Othello... What can’t be cured must be endured.- สิ่งใดที่ยังแก้ไขไม่ได้...ต้องยอมอดทนต่อสิ่งนั้น...

-----------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"