จากกรณีแก๊งงานบวชบุกสนามสอบโรงเรียนวัดสิงห์ ทำให้ในสังคมออนไลน์บัญญัติศัพท์ขึ้นมาใหม่คือคำว่า “ตลาดล่าง” ที่จริงแล้วศัพท์คำนี้มาจากการแบ่ง segment ทางการตลาด ซึ่งมีตลาด High end ตามพจนานุกรมหมายถึง ผลิตภัณฑ์ชั้นดีเยี่ยมที่บางบริษัททำการผลิตขี้นมา แน่นอนที่ราคาจะต้องสูงตามไปด้วย เป็นที่นิยมในกลุ่มคนที่มีฐานะดี บางบริษัทอาจสนใจผลิตตรงข้าม กล่าวคือ เป็นผลิตภัณฑ์ที่พอใช้ได้ และราคาถูก เป็นที่นิยมในกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย ซึ่งเรียกว่า low end แต่ก็มีข้อดีก็คือ จะทำให้ขายได้จำนวนมากกว่า ชาวเน็ตก็พากันเปรียบเทียบแก๊งนี้ว่าเป็นพวก “ตลาดล่าง” และมีการเสนอความเห็นเชิงดูถูกมากมาย บางกระทู้ถึงกับตีตราคนเหล่านี้ว่าเป็น “ขยะสังคม” เลยด้วยซ้ำ
บางครั้งก็อยากจะถามเซียนคีย์บอร์ดทั้งหลายว่า คุณมีสิทธิอะไรที่ใช้คำดูถูก และตัดสินการกระทำของบุคคลเหล่านี้โดยที่ยังไม่มีคำพิพากษา คุณมีสิทธิอะไรที่อยากจะกำจัดพวกเขาออกจากสังคม ทั้งๆ ที่เขาเหล่านี้ก็มีสิทธิที่จะอยู่ในแผ่นดินนี้ในฐานะพลเมืองไทยเท่ากับพวกเราทุกคน เขาอาจจะโชคร้ายที่ไม่ได้เกิดมาในครอบครัวสมบูรณ์แบบ ไม่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูที่ถูกต้อง ไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ไม่มีโอกาสได้เรียนถึงระดับที่จะหางานทำดีๆ ได้ โลกของพวกเขาจึงไม่ได้สวยเท่าพวกคุณ แต่การที่คุณใช้คำว่า “ตลาดล่าง” มาให้คำจำกัดความพวกเขามันเป็นการแบ่งแยกชนชั้น ลุกล้ำสิทธิความเป็นมนุษย์และเป็นการดูถูกกันเกินไป
ลองหลับตานึกภาพ หากกลับกันให้พวกที่เที่ยววิจารณ์คนอื่นไปเกิดในสภาพแวดล้อมที่ไม่พร้อมด้วยประการทั้งปวงแบบนั้นบ้าง พวกคุณคิดว่าจะรอดได้สักกี่เปอร์เซ็นต์ การใช้ปากวิจารณ์คนอื่นโดยที่เราไม่ได้ตกอยู่ในที่นั่งเดียวกับพวกเขามันอาจจะง่ายเกินไปสักหน่อย ทำไมไม่มาช่วยกันคิดว่าเราจะจัดการกับปัญหาสังคมแบบนี้ได้อย่างไร แน่นอนต้องไปดูกันที่รากเหง้าของปัญหาตั้งแต่สถาบันครอบครัว การหย่าร้าง การท้องไม่พร้อม ความเท่าเทียมทางการศึกษา ตลอดจนโอกาสในการได้รับการศึกษาต่อหรือหางานทำ ยังไม่นับระบบเส้นสาย ระบบอุปถัมภ์ที่คนเหล่านี้ไม่สามารถเข้าได้ถึงเพราะถูกจับจองโดยพวก “ตลาดบน” จนแทบไม่มีที่เหลือ ปล่อยให้คนธรรมดาที่ไม่มีเส้นไม่มีสายต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนเอาเอง คำว่า “โอกาส” ของแต่ละคน มันมีความ “ยาก ง่าย” ไม่เท่ากัน คนที่ได้อะไรมาง่ายๆ จึงไม่มีวันเข้าใจคำว่า “ตะเกียกตะกายขวนขวาย” หากชีวิตนี้ทุกคนเลือกได้คงไม่มีใครอยากเกิดมาในสภาพแวดล้อมแบบแย่ๆ และให้คนอื่นมาตีตราว่าเป็นพวก “ตลาดล่าง” เป็น “ขยะสังคม” เป็นคนที่มี “พฤติกรรมน่ารังเกียจ” เป็นพวกที่น่าจะ “กำจัด” ให้หมด พวกเขาอาจไม่มีทางเลือกมากเหมือนลูกเศรษฐีในเมืองไทยที่มีอำนาจเงินคอยช่วย แค่หนีไปอยู่ต่างประเทศก็ไม่ต้องเข้าคุก รอคดีหมดอายุความค่อยกลับมาเฉิดฉายต่อ คุณยังคิดว่าคนเหล่านี้ควรมีสิทธิที่จะอยู่ในสังคมนี้ต่อไปหรือไม่ และพฤติกรรมดังกล่าวน่ารังเกียจหรือเปล่า คำถามเดียวกันแต่มุมมองคนละชนชั้นแล้วความยุติธรรมมันจะอยู่ที่ตรงไหน ถามใจคุณดู.
จิตตมา กุลประเสริฐรัตน์
([email protected])
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |