ปชป.ประกาศเปลี่ยนเศรษฐกิจ


เพิ่มเพื่อน    

 "มาร์ค" นำทีมประชาธิปัตย์เปิด 10 นโยบาย เปลี่ยนเศรษฐกิจไทย สร้างชาติ รถไฟฟ้า 15 บาทตลอดสาย ปฏิวัติเขียว เมืองสุจริต "กรณ์" เผยใช้เงินที่เพิ่มจากงบประมาณ จำนวน 3.9 แสนล้าน  ขณะที่ ฟปชร.สยบข่าวพรรคแตก แค่แกนนำแบ่งกันขึ้นเวทีปราศรัย 

    ที่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันเสาร์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค พร้อมทีมเศรษฐกิจของพรรค  อาทิ นายสามารถ ราชพลสิทธิ์, นางการดี เลียวไพโรจน์, นายเกียรติ สิทธีอมร, นายอลงกรณ์ พลบุตร, นายศุภชัย ศรีหล้า, นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี, นายธราดล เปี่ยมพงศ์สานต์, นายกรณ์ จาติกวณิช แถลงถึงนโยบายด้านเศรษฐกิจ “10 จุดเปลี่ยนเศรษฐกิจไทย สร้างชาติ”
          โดยในการแถลงพรรคมีนโยบายที่สำคัญๆ 10 เรื่อง ประกอบด้วย 1.ปรับกระบวนทัศน์ด้านเศรษฐกิจ ผ่านการใช้ดัชนีชี้วัดความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจที่เรียกว่า "ปิติ" ซึ่งวัดความก้าวหน้าผ่านมิติเศรษฐกิจ, มิติด้านสังคมที่สะท้อนจากคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และมิติด้านสิ่งแวดล้อม แทนการวัดตัวเลขผ่านดัชนีมวลรวมของประเทศ (จีดีพี) เท่านั้น 
    2.เร่งรัดโครงการด้านคมนาคม ได้แก่ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าทุกสีทุกสายในพื้นที่ กทม. รวมระยะทาง 225 กิโลเมตร นอกจากนั้นจะลดราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าที่ลงทุนโดยรัฐ 15 บาทตลอดสาย รวมทั้งสถานีบางใหญ่ถึงสถานีหัวลำโพง เดิมราคา 70 บาท ให้เหลือ 43 บาท และสถานีบางใหญ่ถึงสถานีเตาปูน จาก 52 บาท เหลือ 42 บาท นอกจากนี้ จะสานโครงการรถไฟความเร็วสูง สายนครราชสีมาถึง หนองคาย เพื่อเชื่อมต่อรถไฟจากประเทศลาวและประเทศจีน รวมถึงเชื่อมต่อไปยังด่านปาดังเปซาร์ และประเทศสิงคโปร์, โครงการรถไฟรางคู่ นอกจากนั้นระบบขนส่งจะพัฒนาเพิ่มเติมคือ โมโนเรล อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นต้น เพื่อเพิ่มโอกาสการแข่งขันของประเทศ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน รวมถึงลดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม
    3.ปฏิรูปงานราชการและภาครัฐ ผ่านการใช้เทคโนโลยี ยกระดับงานบริการให้กับประชาชน นอกจากนั้นปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐ รวมถึงเชื่อมโยงกลุ่มสตาร์ทอัพเข้ากับงานภาครัฐ 
    4.นโยบายปฏิวัติเขียว เพื่อปฏิวัติอุตสาหกรรมของไทยให้มีบทบาทในเวทีโลก อาทิ ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางหรือส่วนสำคัญของอุตสาหกรรมผลิตยานยนต์ไฟฟ้า, ต่อยอดและพัฒนาให้ไทยเป็นศูนย์อุตสาหกรรมอาหาร, เชื้อเพลิง, ยา, อาหารเสริม, เวชสำอาง รวมถึงบรรจุภัณฑ์ ทั้งนี้ การพัฒนาอุตสาหกรรม จะปรับกองทุนที่มีอยู่ เช่น กองทุนเอสเอ็มอี 2 หมื่นล้านบาท ให้สอดคล้องกับนโยบาย? รวมถึงทำโครงการให้ภาครัฐร่วมลงทุนกับเอกชนด้านเทคโนโลยี เป็นต้น
    5.ยกระดับเศรษฐกิจสร้างสรรค์สู่การพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ 
เกษตรกรแบบสมาร์ทฟาร์ม
    6.สร้างเกษตรกรรุ่นใหม่ และส่งเสริมเกษตรกรแบบสมาร์ทฟาร์ม เพื่อให้เป็นศูนย์รวม หรือสหกรณ์ (MODERN CO-OP) ที่รวมปัจจัยด้านการผลิตยุคใหม่ที่ทันสมัย เช่น รถไถ, โรงบ่ม กระจายอยู่ในพื้นที่ รวมถึงทำหน้าที่ตัดพ่อค้าคนกลาง และมีการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร เพื่อยกระดับภาคเกษตรกรให้เป็นจุดเปลี่ยนของเศรษฐกิจ
    7.ปี 2562 พรรคประชาธิปัตย์ประกาศให้เป็นปีแห่งการแก้หนี้ 3 ประเภท คือ 1.หนี้เกษตรกร จะปรับแนวทางของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ( ธ.ก.ส.) ไม่ยึดที่ดินทำกินของเกษตรกรที่เข้าโครงการ, แก้ปัญหาหนี้ระบบ ผ่าน 4 ธนาคารรัฐ ออมสิน, อิสลามแห่งประเทศไทย, ธอส., ธ.ก.ส. ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมถึง 8 แสนราย และแก้หนี้บัตรเครดิต โดยขณะนี้พรรคได้ร่าง พ.ร.บ.บัตรเครดิต ที่จะแก้ไขเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับลูกหนี้เรียบร้อยแล้ว
    8.จัดโครงการสร้างเงินออมให้ประชาชน อาทิ ให้บริษัทเอกชนที่มีพนักงานเกิน 5 คนขึ้นไป ให้มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และมีโครงการเงินออมเพื่อประชาชน ผ่านการจ่ายเงินเดือนละ 100 บาท?
    9.ปรับโครงสร้างภาษีเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้ประชาชนทุกกลุ่ม รวมถึงเก็บภาษีจากกลุ่มธุรกิจข้ามชาติ 
    และ 10.นโยบายเกี่ยวกับการเมืองสุจริตนั้น จะเตรียมเปิดก่อนวันที่ 24 มีนาคม
    ด้านนายกรณ์กล่าวว่า นโยบายที่พรรคนำเสนอจะใช้เงินที่เพิ่มจากงบประมาณ จำนวน 3.9 แสนล้านบาท ทั้งนี้ ในปี 2563 พรรคประเมินว่าจะมีวงเงินงบประมาณโดยรวม 2.7 ล้านล้านบาท โดยมีรายจ่าย โดยรวม 2.9 ล้านล้านบาท ดังนั้น ตามนโยบายของพรรคเพื่อแก้จนและสร้างคน จะต้องใช้เงินรวม 5.9 แสนล้านบาท ซึ่งตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องสามารถทำได้โดยไม่ขัดกับกฎหมาย
    ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกกำหนดการจัดปราศรัยใหญ่ที่พุทธมณฑลอีสาน พิธีจัดการพระราชทานเพลิงศพหลวงพ่อคูณ จังหวัดขอนแก่น ในวันที่ 9 มี.ค. โดยคาดว่าจะมีประชาชนมาร่วมฟังปราศรัยหลายหมื่นคน โดยมีแกนนำมาร่วมปราศรัย นำโดยนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์ภาคอีสาน, นายอนุชา นาคาศัย ประธานยุทธศาสตร์ภาคกลาง และนายเอกราช ช่างเหลา กรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง และรับผิดชอบพื้นที่ขอนแก่น
สยบข่าวพรรคแตก
    ต่อมา พปชร.ได้ออกกำหนดการใหม่อีกครั้ง ไร้ชื่อนายอุตตมและนายสนธิรัตน์มาร่วมปราศรัย ขณะที่มีกำหนดการใหม่เข้ามาแทรก ระบุว่า นายอุตตมไปหาเสียงที่เขตคลองสามวา ส่วนนายสนธิรัตน์ไปหาเสียงที่บางแค ในวันที่ 9 มี.ค. ซึ่งเป็นสายกรุงเทพฯ ที่นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และนายพุทธิพงษ์  ปุณณกันต์ รับผิดชอบ ส่งผลให้ทีมงานในสายอีสานและทีมงานขอนแก่นนำโดยนายสุริยะ ผู้รับผิดชอบเกิดความไม่พอใจที่ได้เตรียมงานอย่างยิ่งใหญ่ แต่ถูกหัวหน้าและเลขาธิการพรรคเท 
    ล่าสุด พปชร.ได้ออกกำหนดการหาเสียงอีกครั้งระบุว่านายสนธิรัตน์จะลงมาช่วยปราศรัยในเวลา 17.40 น. ที่พุทธมณฑลอีสาน ซึ่งเป็นสถานที่จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพหลวงพ่อคูณ จังหวัดขอนแก่น ที่ทีมงาน พปชร.สายขอนแก่นจัดขึ้น และยังเชื่อว่าการมาของนายสนธิรัตน์จะเข้ามาเคลียร์ปัญหาต่างๆ และรอยร้าวระหว่างกลุ่มสามมิตรและกลุ่มกรุงเทพฯ ให้เจือจางลง
    นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรค พปชร. ปฏิเสธว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง สาเหตุที่นายอุตตมและนายสนธิรัตน์ไม่มาร่วมปราศรัยใหญ่ที่ จ.ขอนแก่น เนื่องจากเวลาหาเสียงเหลือน้อย พรรคจึงได้ปรับยุทธศาสตร์การหาเสียงใหม่ โดยทั้ง 2 ท่านได้แยกกันไปช่วยผู้สมัคร ส.ส.กทม.หาเสียง ขณะที่ จ.ขอนแก่นมีแกนนำไปอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์ภาคอีสาน และนายอนุชา นาคาศัย ประธานยุทธศาสตร์ภาคกลาง ที่สำคัญ พรรคพลังประชารัฐไม่มีกลุ่ม เราเป็นพลังประชารัฐหนึ่งเดียว ไม่เข้าใจว่าข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร
    เขากล่าวว่า เหลือเวลาหาเสียงอีกเพียงประมาณ 2 สัปดาห์ พรรคมีการปรับยุทธศาสตร์การหาเสียงเพื่อให้ได้ชัยชนะในการเลือกตั้ง แม้ว่าเราจะโดนโจมตีทุกวัน แต่พรรคก็สู้เต็มที่ และเชื่อว่าพี่น้องคนไทยทั่วประเทศจะให้โอกาส นอกจากนี้ ที่แกนนำบางพรรคบอกว่าเลือกเขาแล้วเศรษฐกิจจะดี กระเป๋าจะตุงนั้น ถามว่าเศรษฐกิจดีแป๊บเดียว และมีการทุจริตคอร์รัปชันจนบ้านเมืองวิกฤติใช่หรือไม่ พี่น้องประชาชนจำได้ดีดังนั้น อย่าปล่อยให้วงจรอุบาทว์กลับมาอีก
"สุริยะ"ปัดถอดใจ
    ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคอีสาน พรรคพลังประชารัฐ กล่าวแสดงความมั่นใจว่าจะได้เก้าอี้ ส.ส.ขอนแก่นพอสมควร โดยนโยบายที่ชาวขอนแก่นชื่นชอบคือบัตรประชารัฐ ซึ่งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ และหากพรรคพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาลก็จะสานต่อทันที รวมทั้งนโยบายเรื่องข้าว ที่ช่วยเหลือค่าเกี่ยวไร่ละ 2,000 บาท จำนวน 20 ไร่ รวม 40,000 บาท ซึ่งมั่นใจว่าเราทำได้จริง 
    เมื่อถามต่อว่า มีกระแสข่าวว่านายสุริยะและแกนนำพรรคพลังประชารัฐไปหารือฝ่ายทหาร และได้รับข้อมูลว่าพรรคได้คะแนน ส.ส.ทั่วประเทศเพียง 60 ที่นั่ง จนแกนนำบางคนถอดใจ นายสุริยะกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง และยืนยันว่าพลังประชารัฐกับทหารไม่เกี่ยวกัน ตนและแกนนำพรรคก็ไม่เคยไปพบทหารเพื่อประเมินสถานการณ์ และขอยืนยันว่า เป้าหมายที่พรรคจะได้ ส.ส.ก็ไม่เคยเปลี่ยนคือ 150 ที่นั่งขึ้นไปอย่างแน่นอน 
    เมื่อถามว่า มีการกล่าวหาว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่กล้าร่วมเวทีปราศรัยของพรรคพลังประชารัฐ แต่ใช้วิธีลงพื้นที่ตรวจราชการแทน เหมือนเป็นการช่วยหาเสียงทางอ้อม นายสุริยะกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะนายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่มาอย่างต่อเนื่องและทำมาก่อนหน้านี้ ไม่ได้เพิ่งมาทำตอนพลังประชารัฐหาเสียง ซึ่งขอยืนยันว่าไม่เกี่ยวกัน และขอให้พรรคการเมืองต่างๆ เลิกโจมตีประเด็นนี้ และเอาเวลาไปหาเสียงนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนจะดีกว่า เพื่อให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น อย่างเช่นพรรคพลังประชารัฐได้นำเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์และทำได้ทันทีหากเป็นรัฐบาล อย่างบัตรประชารัฐ,  มารดาประชารัฐ ที่ดูแลตั้งแต่ตั้งครรภ์ถึง 6 ปี รวม 181,000 บาท นอกจากนี้ยังมีนโยบายผลักดันราคามันสำปะหลัง ให้อยู่ที่กิโลกรัมละ 3 บาทขึ้นไป ราคายางพารา กิโลกรัมละ 65 และอ้อย ตันละ 1,200 บาท เป็นต้น. 
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"