ยุคที่สิบสามของกรุงรัตนโกสินทร์ปรากฏแล้วปลายขอบฟ้า


เพิ่มเพื่อน    

                            

                 ภาพดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์

พระเสาร์จร (7) เดินอยู่ในราศีธนู

พระพฤหัสบดีจร (5) เดินจากราศีพิจิกเข้าราศีธนูวันที่ 3 มีนาคม 2562 เวลา 06.00 น. เริ่มร่วมราศีเดียวกับพระเสาร์จรรอบแรก

 

                เมื่อเดือนมกราคม 2558 ผู้เขียนได้ออกหนังสือชื่อ ลอกคราบใหม่ประเทศไทย พิมพ์โดยสำนักพิมพ์กรีน ปัญญาญาณ อ้างอิงหลักจากหนังสือ โหราศาสตร์ไทยในวรรณคดี ของอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ถึงหลักคิดยุค-เปลี่ยนยุคของเมืองรัตนโกสินทร์ แล้วสรุปได้ความว่า ยุคที่สิบสามของกรุงรัตนโกสินทร์จะ เริ่มปรากฏขึ้นปลายขอบฟ้าครั้งแรกเช้าตรู่วันที่ 3 มีนาคม 2562 ซึ่งจะกินระยะเวลายาวนานไปอีกประมาณยี่สิบปี

                หลักการดูยุคของเมืองจะเริ่มจากการที่พฤหัสบดีจร (5) หัวหน้าดาวดีหรือศุภเคราะห์ดวงใหญ่ที่สุดที่เดินอยู่ในราศีใดจะใช้เวลาประมาณหนึ่งปี-ไป ร่วมราศีกับพระเสาร์จร (7) หัวหน้าดาวร้ายที่เดินอยู่ที่ราศีใดจะใช้เวลาประมาณสองปีครึ่ง แล้วด้วยเวลาของความเร็วที่เดินไม่เท่ากันนี้ เมื่อหัวหน้าดาวดี-ร้ายไล่ทัน เริ่มแตะร่วมราศีเดียวกัน จะเป็นจุดเริ่มยุค (แม้ระยะของการร่วมต่อจากนั้นจะเกิดกี่ครั้ง-ในกี่ราศีต่อจากนั้น ที่ดาวสองดวงจะแยกกันจริงจัง และกลับมาพบกันอีกครั้งในอีกยี่สิบปีข้างหน้า) โดยในอดีตชื่อยุคที่เรารู้จักกันคือ

                ยุคที่หนึ่งมหากาฬ กำเนิดยุคแรกของกรุงรัตนโกสินทร์ วินาทีที่วางเสาหลักเมืองเมื่อวันอาทิตย์ที่ 21เมษายน 2325 เวลา 06.54 น. ขณะที่ดาวสองดวงนี้เดินร่วมกันในราศีธนู เป็นระยะเวลาของการปราบดาภิเษก จึงต้องลิดรอนฝ่ายตรงข้ามอย่างเด็ดขาด พร้อมทั้งเอาชนะอริราชศัตรูคือสงครามเก้าทัพ

                ยุคที่สองพันธุ์ยักษ์ เริ่มยุคอีกประมาณยี่สิบปีต่อมา คือปี 2345 ดาวสองดวงนี้ร่วมกันในราศีสิงห์ เหตุการณ์เด่นของยุคคือการปราบปรามบกฏวังหน้าในสมัยรัชกาลที่หนึ่ง และปราบปรามบรรดาเชื้อสายในพระเจ้ากรุงธนบุรี ที่ริเริ่มจะกอบกู้ราชสมบัติคืนในสมัยรัชกาลที่สอง

                ยุคที่สามรักบัณฑิต เริ่มยุคที่อีกยี่สิบปีต่อมาคือปี 2364 ดาวสองดวงนี้ร่วมกันในราศีเมษ เหตุการณ์โดดเด่นคือเป็นช่วงปลายรัชกาลที่สองต่อเนื่องถึงรัชกาลที่สาม ที่ข้าศึกศัตรูข้างนอกไม่ก่อความยุ่งยากมากนัก ภายในราชสำนักและทั่วไปอบอวลไปด้วยปราชญ์ กวี วรรณคดีเฟื่องฟูเต็มที่ รวมทั้งมหากวีสุนทร (ภู่)

                ยุคที่สี่สนิทธรรม เริ่มยุคที่ยี่สิบปีต่อมาดาวทั้งสองร่วมราศีกันอีกครั้งในราศีธนูเมื่อปี 2384 ยุคนี้คาบเกี่ยวปลายรัชกาลที่สาม-ต้นรัชกาลที่สี่ เหตุการณ์โดดเด่นคือบำรุงวัดวาอารามเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา-กำเนิดพระสงฆ์ฝ่ายธรรมยุต

                ยุคที่ห้าจำแขนขาด เริ่มยุคที่ยี่สิบปีต่อมาดาวสองดาวนี้ร่วมราศีอีกครั้งเมื่อปี 2404 อันเป็นช่วงปลายรัชกาลที่สี่ต่อรัชกาลที่ห้า เหตุการณ์โดดเด่นคือเมืองเริ่มเจอกับการล่าอาณานิคมของประเทศตะวันตกจนเราต้องยอมเสียดินแดนบางส่วนเพื่อรักษาเอกราชของชาติไว้

                ยุคที่หกราชโจร เริ่มยุคที่อีกยี่สิบปีต่อมาดาวสองดวงนี้ร่วมกันในราศีเมษเมื่อปี 2424 เหตุการณ์โดดเด่นคือในสมัยรัชกาลที่ห้า มหาอำนาจบีบบังคับเอาผลประโยชน์จากสยามอย่างหนัก เปรียบได้กับโจรของพระมหากษัตริย์ หรือราชโจร

                ยุคที่เจ็ดชนร้องทุกข์ เริ่มยุคที่อีกยี่สิบปีต่อมาดาวสองดวงนี้ร่วมกันอีกครั้งในราศีธนูเมื่อปี 2444 เป็นช่วงปลายรัชกาลที่ห้า ต่อเนื่องถึงรัชกาลที่หก ที่โดดเด่นคือความสมบูรณ์พูนสุขของชาติลดลง เพราะบ้าแทงหวย ก ข-ถั่วโปกันทั้งเมืองสิ้นเนื้อประดาตัวกลายเป็นกุ๊ยหน้าโรงหวยคล้ายประชาชนร้องว่าทุกข์

                ยุคที่แปดยุคทมิฬ เริ่มต้นยุคที่อีกยี่สิบปีต่อมาดาวสองดวงนี้เดินร่วมราศีกันอีกครั้งในราศีกันย์เมื่อปี 2464 เหตุการณ์ที่โดดเด่นคือการเปลี่ยนแปลงการปกครอง-ในหลวงรัชกาลที่เจ็ดสละราชสมบัติ-ในหลวงรัชกาลที่แปดเสด็จขึ้นทรงราชย์

                ยุคที่เก้าถิ่นกาขาว เริ่มต้นที่อีกยี่สิบปีต่อมาดาวสองดวงนี้ร่วมราศีอีกครั้งในราศีเมษเมื่อปี 2483 เหตุการณ์โดดเด่นยุคนี้คือมีกษัตริย์ที่เสด็จพระราชสมภพต่างประเทศถึงสองพระองค์ คือ รัชกาลที่แปดและเก้า ส่วนอีกมติหนึ่งบอกว่า ชาติอื่นตบเท้าเข้ามาเต็มประเทศ คือญี่ปุ่น เพราะสงครามมหาเอเชียบูรพา และคนไทยเองก็วิ่งหนีระเบิดสัมพันธมิตรเหมือนคนตาขาว

                ยุคที่สิบยุคชาววิไล หรือราชวิไล เริ่มยุคอีกยี่สิบปีต่อมา เมื่อดาวสองดวงนี้ร่วมราศีกันอีกครั้งในราศีธนูเมื่อปี 2503 ในรัชสมัยรัชกาลที่เก้า ที่แม้อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร จะไม่ให้ความหมายไว้ แต่ผู้เขียนพบว่าเหตุการณ์โดดเด่นคือ แม้เมืองจะมีทั้งทุกข์-สุขตามธรรมดาของโลก แต่ กลับเจริญก้าวหน้ามากมายแบบก้าวกระโดด ทั้งด้านการศึกษา เศรษฐกิจ สังคม และการเมือง เช่น ตั้งมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ตั้งสถานศึกษาสำคัญ ไทยได้แชมป์มวยโลกคนแรกคือ โผน กิ่งเพชร ได้นางงามจักรวาลคนแรกคือ คุณอาภัสรา หงสกุล ฯลฯ

                ยุคที่สิบเอ็ดโชติช่วงชัชวาล ที่เริ่มยุคเมื่ออีกยี่สิบปีต่อมา ดาวสองดวงนี้ร่วมราศีกันอีกครั้งในราศีสิงห์ ปี 2523 ที่นำก๊าซธรรมชาติอจากอ่าวไทยที่พบตั้งแต่ปี 2516 ขึ้นมาใช้เป็นครั้งแรกในยุครัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ คือการเกิดของโครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก

                ยุคที่สิบสองโทรศัพท์มือถือ-อินเทอร์เน็ต และสังคมออนไลน์ ที่อีกยี่สิบปีต่อมาดาวสองดวงนี้ร่วมราศีกันอีกครั้งในราศีเมษเมื่อปี 2542 สิ่งที่โดดเด่นในยุคนี้คือการเกิดของโทรศัพท์มือถือที่มาแทนโทรศัพท์บ้าน อินเทอร์เน็ต และสังคมออนไลน์ต่างๆ ในระดับ 3G รวมทั้ง WI-FI  โซเชียลมีเดียทั้งหลายในระดับที่พอขยับจะเข้าใกล้ยุคที่สิบสามคนเกิดหลังสงครามโลกครั้งที่สอง หรือ GEN-X อย่างผู้เขียนปรับตัวไม่ค่อยจะทันเอาเสียเลย

                และแล้วเมื่อผ่านจากยุคที่สิบสองมาประมาณยี่สิบปี ครั้นวันที่ 3 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 06.00 น. เมื่อพฤหัสบดีจร (5) เดินข้ามจากราศีพิจิกเข้าราศีธนูที่พระเสาร์จร (7) เดินรออยู่ก่อนแล้ว จุดเริ่มแตะ ของดาวทั้งสองดวงนี้ (ที่จะแตะและร่วมราศีกันอีกหลายรอบหลังจากนี้) น่าจะถือได้ว่า จะเป็นจุดเริ่มของยุคใหม่ของกรุงรัตนโกสินทร์-ยุคที่สิบสามที่จะกินเวลาไปอีกยี่สิบปี

                ส่วนอาการของยุคที่ 13 นี้ ถ้าจะให้ผู้เขียนคาดหมายตามกรอบจินตนาการและความรู้จำกัดก็น่าจะเป็น

                1.เป็นยุค 4G ขึ้นไป-หุ่นยนต์-สมองกล-ค้าขายออนไลน์-สังคมไร้เงินสด-บล็อกเชน (ที่ใครอธิบายอย่างไรผู้เขียนก็ไม่เคยเข้าใจ)-การสื่อสารที่ล้ำสมัย รวมทั้ง การขนส่ง โลจิสติกส์ระบบราง ถนน การบินและการจราจรทางอากาศที่ทันสมัย ที่เข้ามาและเปลี่ยนวิถีชีวิตของคน ฯลฯ ตัวอย่างที่เห็นๆ คือ สื่อสิ่งพิมพ์ปิดตัว เพราะไม่มีคนซื้อ หันมารับข้อมูลข่าวสารทางโทรศัพท์มือถือแทน

                2.น่าจะเป็นยุคใหม่ทางการแพทย์-สาธารณสุข-ศาสนาและความเชื่อ การศึกษา (ราศีธนูที่พฤหัสบดีจรและพระเสาร์จรแตะกันคือภพที่เก้า-ศุภะ) เพราะคนสามารถเข้าถึงข้อมูลแบบไร้ข้อจำกัด

                3.อีอีซี ที่เริ่มต้นไว้แล้วในยุคที่สิบสอง คงจะได้เห็นผลและใช้ต่อไปในยุคใหม่

                4.ให้น้ำหนักไปที่การค้าชายแดน การค้าระหว่างประเทศ ที่แทบจะไม่มีพรมแดนอีกแล้ว เนื่องจากความทันสมัยทั้งการเดินทางและการติดต่อสื่อสาร

                5.สิ่งที่ผู้เขียนเป็นห่วงคือราศีธนู ที่พฤหัสบดีจรแตะร่วมราศีกับพระเสาร์จรครั้งแรกนี้เป็นภพที่เก้า-ศุภะดวงเมืองอันหมายถึง อุดมการณ์-ความเชื่อ ที่การเกิดของยุคเช่นนี้ในอดีตเคยเกิดขบวนการแบ่งแยกดินแดนภาคใต้ และลัทธิคอมมิวนิสต์มาแล้ว ฉะนั้นจึงควรจับตาเฝ้าระวังการเริ่มสร้างอุดมการณ์หรือความเชื่อบางอย่างที่หากจัดการไม่ดี อาจจะมีการต่อสู้กันยาวนาน ดังที่เริ่มเห็นการรบกันทางไซเบอร์อย่างรุนแรงระหว่างคนไทยที่ขัดแย้งกันขณะนี้ เช่นประชาธิปไตย-ไม่เป็นประชาธิปไตย

                และคำถามที่จะตามมาคือ ยุคใหม่นี้ดีหรือไม่ดี คำตอบคือมีทั้งเรื่องดีและไม่ดี เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะดีหรือร้ายทั้งหมด แต่ไม่ว่าจะอะไร จะท้าทายแค่ไหน ดีที่สุดคือคนในประเทศต้องปรับตัวกับโลกที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เช่นที่ ผู้เขียนเคยใช้กระดานชนวนเป็นมาใช้จอกระจก

                อีกทั้งยุคนี้แม้จะสู้กันในเมือง แต่ไม่น่าจะร้ายแรงเหมือนคราวยุคทมิฬที่ดาวสองดวงนี้ร่วมกันในราศีกันย์ ที่เป็นแดนแดนของอริ-ปัญหา-อุปสรรคของเมือง

                และในความสับสนวุ่นวายทั้งหลายจากความทัน-ล้ำสมัยที่เมืองกำลังเป็นอยู่ ถึงอย่างไรดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ก็ถูกออกแบบมาเพื่อให้อยู่รอด เพียงแต่จะต้องปรับตัวกันไปตามยุค-สมัยเท่านั้น.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"