9 มี.ค.62 -“ยังไม่รู้เลยจะเอายังไงกันต่อไป เพราะแม้ก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่ในพรรคไทยรักษาชาติก็คาดการไว้อยู่แล้วว่าคงไม่รอด ต้องโดนยุบพรรค เรื่องฐานคะแนนของผู้สมัครส.ส.ของพรรคหลายคน ยังไม่รู้จะเอาไปให้ใคร คงต้องรอคุยกันในพรรค แต่ความเป็นไปได้ก็ควรต้องมาแนวทางนี้ เพราะหากจะใช้วิธีการรณรงค์ให้ประชาชนออกเสียงโนโหวต น่าจะยุ่งยากและคาดเดาสถานการณ์ได้ยากลำบากมากกว่า ความเป็นไปได้ ก็น่าจะใช้วิธีโยกคะแนน ไปให้พรรคที่อยู่ฝ่ายเดียวกับเรา แต่จะเป็นพรรคไหน คงขึ้นอยู่กับตัวผู้สมัครส.ส.เขตของพรรคจะพิจารณา รวมถึงการคุยกันภายในของไทยรักษาชาติเดิม”

นั่นคือท่าทีของอดีตผู้สมัครส.ส.พื้นที่ภาคเหนือ ของไทยรักษาชาติ ที่เป็นอดีตส.ส.มาร่วม5สมัย สอบได้ติดต่อกัน ไม่เคยสอบตก และถือเป็นผู้สมัครระดับเกรดเอของไทยรักษาชาติ ที่มีฐานคะแนนอยู่ในหน้าตัก อย่างน้อยก็ระดับ 3-4หมื่นขึ้นไป บอกเอาไว้ระหว่างเดินออกจากตึกที่ทำการพรรคไทยรักษาชาติ ในช่วงหัวค่ำของวันที่ 7มีนาคม หลังพรรคไทยรักษาชาติถูกยุบพรรคในช่วงเย็น 

อันเป็นสัญญาณที่สอดรับกับกระแสข่าวมาตลอดว่าทักษิณ ชินวัตร และแกนนำพรรคเพื่อไทย ไทยรักษาชาติ เพื่อชาติ รวมถึง”พรรคประชาชาติ” ที่มี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เป็นเลขาธิการพรรค เห็นพ้องกันว่า การโยกคะแนน –ฝากคะแนนของผู้สมัครส.ส.เขต ไทยรักษาชาติ ไปยังพรรคเครือข่าย น่าจะเป็นวิธีการที่ชัวร์มากที่สุด ปลอดภัยสุด เข้าทำนอง”เสียงไม่ตกน้ำ”แท้จริง

แม้ต่อให้ไทยรักษาชาติ อีกหนึ่งพรรคเครือข่ายของทักษิณ ที่มีสถานะเป็นพรรคเบอร์สอง รองจาก เพื่อไทยจะโดนยุบไปแล้วและผู้สมัครส.ส.เขต ที่ไทยรักษาชาติส่งส่วนใหญ่จะไม่ใช่ผู้สมัครระดับเกรดเอ ยกเว้นแค่บางแห่งเช่น แพร่-พิจิตร รวมถึงกทม.บางเขต ที่อาจได้ลุ้นสูสีซึ่งกลุ่มนี้ เดิม แกนนำไทยรักษาชาติคาดว่าจะมีฐานคะแนนอยู่ที่ระดับหลัก 2-3 หมื่น เป็นอย่างต่ำ  ส่วนผู้สมัครที่ไม่ได้เป็นพวกเกรดเอ ยังไง คนเหล่านี้ก็น่าจะมีฐานคะแนนหลักหมื่นเป็นอย่างน้อย ดังนั้น ในจำนวนผู้สมัครที่ไทยรักษาชาติส่งไป 174 เขต หากโยกไปให้พรรคไหนแบบเป็นกอบเป็นกำได้ มันก็ไปบวกเพิ่มให้กับพรรคนั้นๆ เป็นจำนวนหลักแสน-ล้าน ได้แน่ๆ อันจะทำให้พรรคนั้นได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เข้ามาแบบเป็นแพ็ค 

ขณะเดียวกัน ก็มีข่าวบางกระแสอ้างว่า ก็มีคนในสายเพื่อไทย เห็นว่า หากตัวผู้สมัครของพรรคเครือข่าย อย่าง เพื่อชาติ –ประชาชาติ ในแต่ละพื้นที่ ไม่แข็งจริง ก็อาจโยกไปให้พรรคแนวร่วมอย่าง “อนาคตใหม่”ของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หรือ “เสรีรวมไทย”ของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส แม้แนวทางนี้ จะมีคนในเพื่อไทย ไม่เอาด้วยเพราะมองว่าไม่เกิดประโยชน์ เพราะแม้จะมีแนวทางเหมือนกันคือ”ชนคสช.-ต้านพลังประชารัฐ” แต่ในทางการเมือง ก็ไม่ได้คบกันแบบลึกซึ้ง เหมือนอย่าง ประชาชาติ-เพื่อชาติ 

ส่วนสาเหตุที่แนวทาง โนโหวต ไม่ค่อยมีใครพูดถึง แม้ข่าวว่า จะมีคนในเพื่อไทย –ไทยรักษาชาติ บางส่วนก็เห็นด้วย เพราะมองว่า เป็นเกมลากยาวเกินไป เพราะยังไง ก็เชื่อว่าฝ่าย เพื่อไทยและพรรคเครือข่าย รวมเสียงกันหลังเลือกตั้ง  จะชนะการเลือกตั้งอยู่แล้ว หากจะให้โนโหวต เพื่อให้รอบต่อไป เอาคนของเพื่อไทย ส่งไปลงแทน ในเขตที่ชนะโนโหวต มันก็ทำให้เกมไหลยาว และมีความไม่แน่นอนสูง อาจเกิดคะแนนสวิงกลับ เพราะผู้สมัครส.ส.เขต ของไทยรักษาชาติ ส่วนใหญ่ไม่ใช่ผู้สมัครระดับเกรดเอ การคอนโทรลเสียงในระดับพื้นที่ อาจทำไม่ได้ การจะให้คะแนนโนโหวตชนะ หากเอาจริง ก็ทำได้แค่ไม่กี่แห่งเท่านั้น  

ผนวกกับข้อกฎหมายเช่น ต้องรณรงค์ให้คะแนนโนโหวตสูงกว่า คะแนนของผู้ชนะการเลือกตั้งในเขตนั้น รวมถึง ผู้สมัครไทยรักษาชาติ ที่อยู่ในเขตนั้น รอบต่อไป ที่จะจัดเลือกตั้งใหม่ ก็ไม่สามารถลงสมัครส.ส.ได้ ก็เท่ากับ ต่อให้ เสียงโนโหวตชนะ คนของไทยรักษาชาติ เดิม ก็ลงสมัครใหม่ ไม่ได้ เพราะกฎหมายห้ามไว้ ทำให้คนไทยรักษาชาติ ก็ไม่ได้ประโยชน์ใดๆ และไม่มีหลักประกันว่า ผลจะออกมา อย่างที่คาดคิด สู้ใช้วิธี โยกคะแนนไปให้พรรคอื่น ยังมีความชัวร์มากกว่า และเกมไม่ลากยาว  

ก็ต้องรอดูว่าสุดท้าย ทักษิณและแกนนำพรรคเครือข่าย จะเอาอย่างไร เพราะมีข่าวว่าระดับหัวๆ ในพรรคเครือข่าย ก็คุยกันไว้หมดแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้ข้อสรุป คงขอประเมินสถานการณ์อีกสัก 4-5  วัน ต่อจากนี้.