บริษัท หัวเว่ย ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีโทรคมนาคมของจีน ยื่นฟ้องรัฐบาลสหรัฐต่อศาลแขวงรัฐเทกซัสเมื่อวันพุธ ขอให้ล้มเลิกกฎหมายป้องกันประเทศที่ห้ามหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐและคู่สัญญาใช้ผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ย โดยระบุว่าเป็นกฎหมายที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ

กั๊วะ ผิง ประธานหมุนเวียนของหัวเว่ย นำการแถลงข่าวที่เมืองเซินเจิ้น เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2562 / AFP

    คำฟ้องที่บริษัท หัวเว่ย ยื่นต่อศาลแขวงสหรัฐในเมืองพลาโน รัฐเทกซัส ท้าทายพระราชบัญญัติให้อำนาจการป้องกันประเทศ (เอ็นดีเอเอ) มาตรา 889 ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามบังคับใช้เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ซึ่งห้ามไม่ให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐซื้ออุปกรณ์, บริการ หรือร่วมงานกับบุคคลที่สามที่เป็นลูกค้าของหัวเว่ย โดยคำฟ้องระบุว่ากฎหมายฉบับนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญสหรัฐ

    เอเอฟพีรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 7 มีนาคม 2562 ว่าการต่อสู้ทางกฎหมายของหัวเว่ยครั้งนี้อาจส่งสัญญาณต่อโลกว่าหัวเว่ยพร้อมจะใช้ทุกช่องทาง ซึ่งรวมถึงศาลของประเทศนั้น เพื่อไม่ให้บริษัทโดนกีดกันออกจากการแข่งขันในตลาด 5จี

    กั๊วะ ผิง ประธานหมุนเวียนของหัวเว่ย แถลงที่สำนักงานใหญ่หัวเว่ยในเมืองเซินเจิ้นว่า รัฐสภาสหรัฐไม่สามารถแสดงหลักฐานสนับสนุนการสั่งจำกัดผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ยครั้งแล้วครั้งเล่า บริษัทจึงจำเป็นต้องดำเนินการทางกฎหมายในครั้งนี้ เนื่องจากเป็นที่พึ่งสุดท้ายและเหมาะสม

    "คำสั่งห้ามนี้มิเพียงไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ยังจำกัดหัวเว่ยจากการแข่งขันอย่างยุติธรรม ซึ่งเป็นการทำร้ายผู้บริโภคในสหรัฐในท้ายที่สุด เรากำลังตั้งตารอคำตัดสินของศาล" ผู้บริหารรายนี้กล่าว และว่า บริษัทได้เรียกร้องค่าเสียหายที่ไม่ระบุจำนวนจากรัฐบาลสหรัฐ

    แม้หัวเว่ยจะมีส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐน้อยมากก่อนหน้าที่ทรัมป์จะลงนามกฎหมายฉบับนี้ แต่ในตลาดโลก หัวเว่ยคือผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของโลก และกำลังพยายามเป็นแถวหน้าของผู้ให้บริการและเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรุ่นที่ 5 (5 จี) ทั่วโลก

    รัฐบาลสหรัฐมีความเห็นมาช้านานว่าหัวเว่ยว่าอาจเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคง เนื่องจาก เหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งบริษัทนี้เคยเป็นทหารช่างของกองทัพบกจีน ความกังวลเพิ่มพูนมากขึ้นพร้อมกับการเติบโตของหัวเว่ยที่กลายเป็นผู้นำโลกในด้านอุปกรณ์เครือข่ายโทรคมนาคม และเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่ขยับมาเทียบชั้นกับซัมซุงและแอปเปิล

    นอกจากนี้ สหรัฐยังวิตกเกี่ยวกับกฎหมายฉบับหนึ่งของจีนที่ออกเมื่อปี 2560 ซึ่งกำหนดให้บริษัทของจีนต้องร่วมมือกับรัฐบาลในด้านข่าวกรอง

    หัวเว่ยกล่าวไว้ในคำฟ้องว่า อุปกรณ์และบริการของบริษัทผ่านกระบวนการตรวจความปลอดภัยขั้นสูง และไม่พบการซุกซ่อนซอฟต์แวร์แบ็กดอร์ การฝัง หรือการจงใจซ่อนจุดอ่อนด้านความปลอดภัยอื่นๆ ไว้ในอุปกรณ์และบริการของบริษัทที่ใช้งานในมากกว่า 170 ประเทศทั่วโลก

    "รัฐบาลสหรัฐไม่ละความพยายามที่จะป้ายสีบริษัทและทำให้สาธารณชนเข้าใจผิด" กั๊วะกล่าว และอ้างด้วยว่า รัฐบาลสหรัฐได้แฮ็กเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท และโจรกรรมอีเมลและรหัสต้นฉบับ (ซอร์สโค้ด) ของบริษัทไป แต่เขาไม่ให้รายละเอียดเพิ่มเติม

    ด้าน หลู่ กัง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวที่กรุงปักกิ่งว่า เป็นเรื่องที่เข้าใจได้และชอบด้วยกฎหมายที่บริษัททั้งหลายจะปกป้องสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายและผลประโยชน์ของพวกเขาผ่านช่องทางกฎหมาย และรัฐบาลจีนได้เคยประท้วงอย่างเป็นทางการต่อเนื้อหาในเชิงลบเกี่ยวกับจีนที่บัญญัติไว้ในกฎหมายป้องกันประเทศฉบับนั้น

    รัฐบาลสหรัฐเคยกล่าวเตือนไว้ว่า รัฐบาลจีนอาจอาศัยระบบของหัวเว่ยในการสอดแนมประเทศอื่น และก่อกวนการสื่อสารที่สำคัญได้ สหรัฐจึงพยายามล็อบบี้ประเทศพันธมิตรให้ห้ามหัวเว่ยมีส่วนร่วมในการพัฒนาเครือข่าย 5จี ของประเทศเหล่านั้น.