จับเครือข่ายแดงฮาร์ดคอร์ ซุกระเบิดเพียบในคอนโดฯ เมืองทองธานี "ผบ.ตร." อ้างแก๊ง "โกตี๋" เชื่อเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง 100 เปอร์เซ็นต์ "ศรีวราห์" ปัดจัดฉาก ระบุระเบิดเพิ่งประกอบใหม่ สอดคล้องกับการข่าวมีกลุ่มคนพยายามก่อเหตุความรุนแรงในช่วงนี้
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงดึกวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา ร.ต.อ.สมโภช สืบวงศกร ร้อยเวร สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งเหตุพบวัตถุระเบิดที่ห้องเลขที่ 2/28 อาคารที 10 คอนโดเมืองทองธานี ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จึงประสานเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ปกครองอำเภอปากเกร็ด และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธร จ.นนทบุรี สืบสวน สภ.ปากเกร็ด รุดตรวจสอบ
        ที่เกิดเหตุเป็นห้องเช่า ภายในมีข้าวของกระจัดกระจาย ทั้งถังพลาสติก ถุง เสื้อผ้า และของใช้อื่นๆ เหมือนถูกทิ้งร้างมานาน รวมทั้งมีเสื้อผ้าแขวนไว้หลายชิ้น พบกระเป๋ากล้องถูกวางไว้ชิ้นกำแพงห้อง ภายในมีระเบิดขนาดเอ็ม 26 ใส่อยู่ในถุงตาข่ายสีน้ำเงิน จำนวน 1 ลูก พร้อมใช้งาน เจ้าหน้าที่อีโอดีเข้าทำการเก็บกู้ จากนั้นได้ทำการตรวจสอบภายในห้อง พบระเบิดปิงปองประกอบเองจำนวน 4 ลูก และระเบิดไปป์บอมบ์จำนวน 1 ลูก ถูกวางซุกซ่อนอยู่ตามใต้สิ่งของที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้น จึงได้ทำการเก็บกู้ ใช้เวลาประมาณ 3 ชม.
        ต่อมาเวลา 22.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนพบผู้ต้องสงสัยกำลังเดินขึ้นไปที่ห้องเกิดเหตุ และมีท่าทางพิรุธ โดยรีบหันหลังเดินกลับลงมาอย่างรวดเร็ว จึงได้รีบทำการสกัดจับ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ผู้ต้องสงสัยรู้ตัวได้วิ่งหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงได้กระจายกำลังวิ่งไล่ตามจนสามารถจับตัวผู้ต้องสงสัยได้ ทราบชื่อคือนายกฤษชาภณ หรือพล พูลศิลป์ อายุ 53 ปี อดีตทหารปลดประจำการ
        เบื้องต้นจากการสอบสวนทราบว่า ผู้ต้องสงสัยเช่าห้องมานานกว่า 5 ปี แต่ไม่จ่ายค่าน้ำค่าไฟจนถูกตัดและไม่จ่ายค่าเช่าห้อง จนเจ้าของห้องได้ให้คนใหม่เช่าและเตรียมเข้าพัก จึงได้ให้แม่บ้านเข้าทำความสะอาดจนพบวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว ผู้ต้องสงสัยให้การรับสารภาพว่าวัตถุระเบิดเป็นของตน นำมาเก็บไว้ที่ห้องพร้อมกับสิ่งของอื่นๆ จึงได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
    เช้าวันต่อมา ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ จ.นนทบุรีจับกุมนายกฤษชาภณ หรือพล พูลศิลป์ อายุ 53 ปี ที่ห้องเลขพักหมายเลข 2/28 อาคารที 10 เมืองทองธานี จ.นนทบุรี พร้อมของกลางระเบิดขว้างสังหารชนิดระเบิดเอ็ม 26 ระเบิดปิงปอง ประทัดยักษ์พันตะปู 2 ลูก ไปป์บอมบ์ เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมาว่า เหตุดังกล่าว พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง ได้รายงานให้ทราบแล้ว ส่วนนายกฤษชาภณจะเตรียมมาก่อเหตุหรือไม่นั้น ไม่สามารถเดาจิตใจเขาได้ หรือเป็นอาวุธค้างเก่า
    ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ต้องหาที่จับได้พร้อมของกลางเป็นของกลุ่มไหน ผบ.ตร.บอกว่า ทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นคนกลุ่มไหน สื่อมวลชนเองก็ทราบคนเหล่านี้อยู่ฝ่ายไหน ทำงานให้ใคร อยู่กับใคร ก็เป็นพวกกลุ่มป่วน เป็นพวกกลุ่มที่เคยก่อเหตุมาแล้ว พูดตรงๆ คือเป็นกลุ่มของนายธีรชัย อุตรวิเชียร หรือนายระพิน อดีตการ์ดกลุ่มเดียวกันกับนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ แกนนำคนเสื้อแดงปทุมธานี 
    "เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องพูด เพราะเป็นเรื่องของความมั่นคง ระเบิดสังหารเอ็ม 26 ไปป์บอมบ์เต็มไปหมด เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการเมือง 100 เปอร์เซ็นต์" ผบ.ตร.ระบุ
    ขณะที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า การจับกุมและยึดระเบิดได้ครั้งนี้ เนื่องจากชาวบ้านแจ้งเบาะแส และเมื่อตำรวจเข้าตรวจสอบพบของกลางอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน จากการตรวจดูไปป์บอมบ์ เบื้องต้นลักษณะเป็นของใหม่ เพิ่งประกอบ  อย่างไรก็ตาม ต้องตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดหรือหน่วยอีโอดีอีกครั้ง การพบระเบิดครั้งนี้สอดคล้องกับการข่าวที่ว่ามีความพยายามเคลื่อนไหวของกลุ่มใช้ความรุนแรงในช่วงนี้
    "ยืนยันว่าไม่ใช่การจัดฉากหรือตำรวจยัดของกลาง เมื่อคืนผมสอบสวนผู้ต้องหาเอง รับสารภาพเองว่าเป็นเจ้าของระเบิด และข้อมูลด้านการข่าวของฝ่ายความมั่นคงก็มีอยู่แล้ว ผู้ต้องหาคนนี้เป็นลูกน้องของนายระพิน หรือนายธีรชัย อุตรวิเชียร ลูกน้องของโกตี๋ หรือนาย วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ แกนนำเสื้อแดงฮาร์ดคอร์ และผู้ต้องหาคนนี้เป็น 1 ใน 27 ฝ่ายปฏิบัติการของโกตี๋ ทำหน้าที่ปฏิบัติการยิง ครั้งนี้ก็ต้องสืบสวนว่ารับระเบิดมาจากใคร เมื่อไหร่ การจับกุมได้เพราะชาวบ้านแจ้งเบาะแส ตำรวจก็ตรวจสอบจับกุม ส่วนจะเป็นระเบิดการเมืองหรือไม่ พวกนี้เกี่ยวกับการเมืองอยู่แล้ว ขณะนี้หน่วยความมั่นคงทั้งตำรวจ ทหาร กำลังสืบสวนขยายผลอยู่ สั่งการเก็บของกลางที่พบในห้องไปตรวจพิสูจน์ทั้งหมด" รอง ผบ.ตร.กล่าว
    ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า ได้มีการประเมินภาพรวมว่ายังอยู่ในสถานการณ์ที่ยังสามารถดูแลได้ ไม่มีอะไรน่าเป็นกังวล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.จึงให้หลายหน่วยงานเร่งทำงานอย่างเต็มที่ เพราะรัฐบาลมีเวลาเหลือน้อยแล้ว พร้อมกันนี้รัฐบาลยังต้องอธิบายเพื่อให้เกิดความเข้าใจถึงการเลือกตั้ง โดยยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้เป็นผู้กำหนดให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไป แต่อยู่ที่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งได้ขยายเวลาบังคับใช้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญออกไปอีก 3 เดือน ส่งผลให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนไปเป็นเดือนกุมภาพันธ์ปี 2562 ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ไม่เห็นว่าจะมีนัยยะทางการเมืองใดๆ และเชื่อว่าสังคมจะเข้าใจได้
    พล.ท.สรรเสริญกล่าวด้วยว่า ในการประชุม ครม. กระทรวงมหาดไทยได้รายงานความพร้อมในการดำเนินโครงการไทยนิยมยั่งยืน โดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ย้ำแนวทางการทำงานของคณะกรรมการตั้งแต่ระดับบนลงไปถึงระดับล่าง  โดยจำเป็นต้องลงไปสำรวจถึงความต้องการของประชาชน ซึ่งไม่ใช่การลงไปตัวเปล่า แต่มีเมนูในกระเป๋าไว้เพื่อเสริมสร้างความต้องการของประชาชนและสิ่งที่รัฐบาลจะนำเสนอ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมที่สุด ทั้งนี้ โครงการไทยนิยมเป็นเสมือนสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ฝันเอาไว้ โดยอยากให้ประชาชนคนไทยมีชีวิตที่ดีขึ้น.