ขอไปแล้วแต่เขาเงียบ!


เพิ่มเพื่อน    

    “ประยุทธ์” รับขอตัว “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” กับต่างชาติแล้ว แต่สุดท้ายเงียบ รับมีหลายปัจจัย ทั้งกฎหมาย-เป็นถึงอดีตผู้นำ ปัดซัด 2 ชินวัตรกระพี้ แจงแค่บอกสื่ออย่าสนใจแต่เปลือก-ขายข่าว ตอกย้ำยึดโรดแมปเดิม มีเลือกตั้งแน่แต่อาจเลื่อนแค่ 90 วัน เตือน “กลุ่มอยากเลือกตั้ง” อย่าทำผิดกฎหมาย
    เมื่ออังคารที่ 13 ก.พ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถอนหายใจก่อนตอบคำถามถึงการหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหราชอาณาจักร เมื่อวันจันทร์ที่ 12 ก.พ. เพื่อขอตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาดำเนินคดีในไทยหรือไม่ว่า ไม่ได้หารือ และไม่จำเป็นต้องหารือเรื่องนี้ เพราะมีหน่วยงานและคนทำอยู่แล้ว เรื่องนี้เคยบอกแล้วว่า ไม่ว่าจะขอตัวใครไปก็ตาม ถ้าประเทศนั้นๆ ให้ก็คือให้ แต่ถ้าไม่ให้ก็คือเขาไม่ให้ และเราก็ไม่สามารถไปจับกุมตัวที่ต่างประเทศได้ 
“เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการสร้างความเข้าใจกับเขา ซึ่งผมพยายามทำทุกอย่างอยู่แล้วว่าใครทำผิดกฎหมายในประเทศไทยบ้าง และส่งข้อมูลให้ทั้งหมดทุกประเทศ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศจะพิจารณา เช่นเดียวกับบ้านเรา ซึ่งเราก็มีแนวทางและหลักเกณฑ์ของเราว่าจะส่งตัวหรือไม่ และต้องดำเนินคดีอย่างไรก็ต้องว่ากันไป ซึ่งก็มีหลายคดีที่เกี่ยวข้องกันอยู่” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
    เมื่อถามว่า ล่าสุดรัฐบาลได้รับความร่วมมือจากต่างประเทศในการให้ข้อมูลที่ชัดเจนของอดีตนายกฯ ทั้งสองบ้างหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต่างประเทศก็ให้ความร่วมมือ ให้ข้อมูลมาว่าปัจจุบันพำนักอยู่ที่ไหน แต่พอบอกว่าแล้วจะส่งตัวกลับมาให้หรือไม่ เขาก็เงียบ เพราะมันมีปัจจัยหลายอย่าง ต่างประเทศก็มีหลักการ มีกฎหมายของเขา กฎหมายบ้านเราอาจจะผิด แต่กฎหมายบ้านเขาไม่ผิด หรือบางเรื่องที่เป็นเรื่องระดับสูงเกินไป เช่น เรื่องของอดีตนายกฯ เขาอาจมองว่าเป็นประเด็นการเมือง นั่นคือปัญหา 
“ที่ผ่านมาเราเอาเรื่องเหล่านี้เป็นประเด็นการเมืองไปเสียทั้งหมด ความจริงเป็นเรื่องการกระทำผิดกฎหมาย ถ้าเราช่วยกันทำความเข้าใจแบบนี้ ทุกคนก็จะเข้าใจ และช่วยกันทำให้ไม่สับสนอลหม่าน ผมเองก็ไม่ได้ไปสนใจอะไร เพราะเมื่อเขาทำผิดกฎหมาย ยังไม่กลับมาก็ยังดำเนินคดีไม่ได้ แต่กลับมาเมื่อไหร่ก็ดำเนินคดีได้เท่านั้นเอง วันนี้ขอร้องว่าให้ร่วมกันกับการพัฒนาประเทศดีกว่า เรื่องอื่นให้เป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” นายกฯ กล่าว
แจงต่างชาติยังยึดโรดแมป
    สอบถามอีกว่า สถานะล่าสุดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ใช้พาสปอร์ตประเทศอะไรในการเดินทาง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า หนังสือเดินทางของไทยไม่มี กระทรวงการต่างประเทศถอนทั้งหมดแล้ว ก็เป็นหนังสือเดินทางของต่างประเทศ ซึ่งต่างประเทศมีการออกหนังสือเดินทางได้หลายแบบ ทั้งด้านการค้า การท่องเที่ยว และประเภทอื่นๆ แต่ถ้าเป็นในส่วนของไทยไม่ได้ ต้องเข้าใจสถานการณ์โลกเป็นอย่างนั้น
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า สิ่งที่น่าสนใจมีทั้งอิตาลี อังกฤษ ซึ่งเป็นประเทศสำคัญในอียูได้เข้ามาพบ ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของเรา อังกฤษเป็นอันดับสองในเรื่องการค้าการลงทุนของกลุ่มอียู เราก็ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน เขาก็ได้ให้กำลังใจในการเดินหน้าไปสู่การเป็นประชาธิปไตย มีการเลือกตั้ง ซึ่งได้บอกว่าได้ดำเนินการตามนั้น ตามขั้นตอนต่างๆ และกฎหมายที่มีอยู่ โดยบอกไปแล้วว่าวันนี้ ถ้าขยับไปได้มันก็จะขยับไป 90 วันละมั้ง ซึ่งเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด โดยตนเองไม่ได้เป็นคนกำหนด ก็ได้ยืนยันไปตามนั้น 
“ขอร้องว่าอย่าเอาไปเป็นประเด็นว่า ผมพูดไปแล้วกลับคำ มันไม่ใช่ ผมกลับคำไม่ได้ เพราะทั้งหมดอยู่ในขั้นตอนของโรดแมปของผม ซึ่งมีกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง มันจะล่าช้าหรือเร็วขึ้นอยู่ที่กฎหมายลูก ก็ว่ากันมา ผมไม่ได้ต้องการไปแก้ไขอะไรให้มากมายนัก ถ้าเป็นเรื่องไม่สำคัญหรือจำเป็น” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
    ผู้สื่อข่าวถามกรณีนักการเมืองบินไปหาอดีตนายกฯ ที่ต่างประเทศ มีการจับตามองเป็นพิเศษหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อยากจะบินไปก็ไปเถอะ ก่อนหน้านี้เราให้ทำเรื่องขออนุญาตก่อน ก็กล่าวหาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน สื่อเองก็ต่อว่า ก็ให้เกียรติทุกคน อยากไปก็ไป ไม่ต้องมาขออนุญาตแล้ว จะเอาอะไรกันอีก แต่วันนี้ถ้าใครไปทำความผิด หรือเคลื่อนไหวอะไรในทำนองล้มล้างรัฐบาลก็สามารถขอข้อมูลได้อยู่แล้ว ว่ามีใครไปพบไปหากันบ้าง ไม่จำเป็นต้องแจง เพราะเป็นเรื่องของฝ่ายคามมั่นคงทำงานกันอยู่
    เมื่อถามว่า ทำไมเวลาที่สื่อมวลชนถามถึงสองอดีตนายกฯ ที่เคลื่อนไหวในต่างประเทศ นายกฯ ถึงแสดงอารมณ์ทุกครั้ง แต่กลับบอกว่าเป็นเรื่องแค่ไอ้กระพี้ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่ได้แสดงอารมณ์กับอดีตนายกฯ ทั้งสองท่าน แต่แสดงอารมณ์กับคำถามของสื่อมวลชน เข้าใจกันบ้างไหม อย่างเมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่พูดว่าทำไมต้องไปสนใจกับไอ้กระพี้ คำว่าไอ้กระพี้ไม่ได้หมายความถึงสองอดีตนายกฯ เพราะให้เกียรติเขา อย่างน้อยเขาก็เป็นอดีตนายกฯ จะผิดหรือถูกก็ให้กฎหมายว่าตามกันมา ส่วนคำว่าไอ้กระพี้คือ สื่อสนใจแต่ข่าวเปลือกนอก ที่ไม่สนใจสารัตถะข้างใน ข้อเท็จจริงข้อมูลที่ชัดเจน หรือกระบวนการยุติธรรมต่างๆ สื่อไม่สนใจกับคำหรือเรื่องพวกนี้เลย แล้วก็ทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิดกันไปหมด เจ้าหน้าที่ก็มีปัญหาในการทำงาน กระบวนการยุติธรรมก็มีปัญหา ขาดความน่าเชื่อถือ ทั้งๆ ที่กฎหมายมีทุกตัว สิ่งใดที่เกิดมาในสมัยก่อน มีข้อบกพร่อง และผิดพลาด รัฐบาลนี้ก็พยายามแก้ไขอย่างเต็มที่ ทำน้อยเกินไปก็ไม่ได้ ทำแรงเกินไปก็ไม่ได้ สื่อก็ต้องช่วยบ้าง ลดความขัดแย้ง และสร้างความเข้าใจ 
ย้ำอย่าสนใจแค่กระพี้
“ผมถึงได้บอกว่าอย่าไปสนใจกับไอ้กระพี้ รู้จักหรือไม่คำว่ากระพี้ ต้นไม้มีเปลือก ตรงนั้นเรียกว่ากระพี้ มันไม่มีประโยชน์ไม่มีคุณค่าเอาไปทำอะไรไม่ได้ เขาต้องถากเปลือกนอกออกไปเพื่อทำไม้แปรรูป สนใจแก่นของไม้มันบ้าง แก่นก็คือสาระสำคัญของข่าว วันนี้สื่อทำข่าวตลาดเพียงอย่างเดียว มันไม่ได้ เพราะส่งผลกระทบต่อการทำงาน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในตอนท้ายว่า คำตอบส่วนใหญ่วันนี้บางทีก็เป็นแค่กระพี้เหมือนกัน และที่ตอบวันนี้ก็ไม่ได้โมโห ไม่ได้มีอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น หมดแล้วอารมณ์ หมดไปตั้งนานแล้ว
       พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของสองอดีตนายกฯ ว่า จะไม่มีผลต่อสถานการณ์ภายในประเทศแต่อย่างใด โดย พล.อ.ประยุทธ์บอกแล้วว่า เป็นเรื่องปกติธรรมดา ไม่ต้องไปให้ความสนใจมาก และคิดว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่มีนัยใดๆ
    พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงการประชุม คสช.ว่า ไม่มีคำสั่งอะไรออกมา เป็นเพียงการติดตามสถานการณ์ด้านความมั่นคงในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งมีหลายเรื่องที่มีความเคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้ แต่ก็ยังไม่มีอะไรที่น่าตื่นตระหนก เป็นเรื่องของการกระทำความผิด ผิดกฎหมาย ผิดคำสั่ง คสช. ซึ่งเน้นว่ารัฐบาลและ คสช.ไม่ได้มุ่งไปปิดกั้นใคร หรือทำร้ายใคร จะเห็นว่ามีการทำเหตุการณ์ให้เกิดขึ้นในลักษณะที่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งรัฐบาลก็ดูแล ผ่อนสั้น ผ่อนยาวมาพอสมควรแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องการประกัน การตักเตือน แต่ก็เป็นคนกลุ่มเดิมที่ออกมาเคลื่อนไหว
    “ผมก็ไม่ทราบว่าเขาต้องการอะไร ในสิ่งที่มีคำตอบและข้อชัดเจนอยู่แล้ว ก็ยังพยายามเอากลับไปที่เดิม ซึ่งรัฐบาลยอมรับไม่ได้ และขอฝากประชาชนช่วยกันดูแลด้วย โดยเฉพาะผู้ปกครอง ผมก็กังวลว่าถ้ามีคดีความเกิดขึ้นแล้ว นิสิตและนักศึกษาก็จะมีปัญหา ผมไม่ได้ขู่ แต่กฎหมายก็คือกฎหมาย ต้องเกิดความเท่าเทียม บังคับใช้กับทุกคน ต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่เขาบ้าง เพิ่มภาระกันทำไมในเวลานี้” นายกฯ กล่าว
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ในที่ประชุม คสช.ยังหารือถึงเรื่องของรัฐธรรมนูญด้วย เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดมาหลายอย่าง จึงต้องไปดูว่าจะต้องทำอะไร แค่ไหน อย่างไร ประชุมแล้วไม่ใช่ว่าออกคำสั่งๆ มันไม่ใช่ ต้องการใช้คำสั่งให้น้อยลง และเท่าที่จำเป็น จึงต้องมาหาทางออกทางอื่นด้วยกฎหมายปกติ หรือทางอื่นๆ ด้วย วันนี้จึงไม่มีคำสั่ง
    เมื่อถามว่า ทางกลุ่มนักศึกษายืนยันชุมนุมต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีเลือกตั้ง นายกฯ กล่าวว่า ชุมนุมไปก็ผิดกฎหมาย สื่อก็ต้องไปบอกเขาว่าเขาทำผิดกฎหมาย และทำให้ประชาชนเดือดร้อน ถนนหนทางก็เสียหาย รวมถึงการจราจรก็มีปัญหา สังคมต้องสอนเขาแบบนี้ และยังไปพ่นสีถนนจนเลอะเทอะไปหมด ก็ผิดกฎหมายทั้งนั้น 
“สื่อจะไปเปิดพื้นที่ให้เขาทำไม ในเมื่อรู้อยู่ว่ากฎหมายทำไม่ได้ ก็อย่าเพิ่งทำ เอาไว้เวลาทำได้ค่อยไปทำ แล้วไม่คิดถึงคนอื่นที่เขาเดือดร้อนหรือ รถติด การจราจรไปไหนไม่ได้ คนจะไปทำธุระอะไรก็ไม่ได้ นึกถึงคนอื่นเขาบ้าง ท่านบอกว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือละเมิดเสรีภาพ ขอถามว่าแล้วคนอื่นเขาไม่มีสิทธิเสรีภาพบ้างหรือ คนที่ไม่มาชุมนุม นึกถึงคนอื่นเขาบ้าง เข้าใจหรือยัง” นายกฯ กล่าว. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"